รัฐสภา 7ม.ค.-วิลาศ จี้ สอบ บ.ซิโน-ไทย ยื่นของดชำระค่าปรับ แฉเจอยัดไส้พื้นไม้ตะเคียนทอง-ดินปนยางทำถนนในสภา จ่อร้อง ป.ป.ช.-สตง.
นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาตรวจสอบโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ แถลงถึงการตรวจสอบความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ หลังจากที่คณะกรรมการตรวจการจ้างโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ มีมติไม่ขยายสัญญาก่อสร้างครั้งที่ 5 ซึ่งบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่นฯ จะต้องจ่ายค่าปรับให้รัฐสภา วันละ 12 ล้านบาท แต่บริษัทฯ กลับยื่นหนังสือของด หรือลดค่าปรับ 150 วัน ตามเงื่อนหลักเกณฑ์ ของมติคณะรัฐมนตรี เมื่อเดือนกันยายน 2559 ที่ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากแรงงาน หลังรัฐบาลมีการขึ้นค่าแรงเป็น 300 บาทว่ามติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว แม้จะออกในปี 2559 แต่มีผลย้อนหลังให้ถึงแค่เดือนพฤศจิกายน ปี 2556 เท่านั้น จึงฝากไปยังคณะกรรมการตรวจการจ้างฯ ว่าต้องตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ตามระเบียบแบบแผน ซึ่งการขยายเวลาก่อสร้างถือว่าจบไปแล้ว หากจะขอลด หรืองดค่าปรับ เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง พร้อมแนะนำให้คณะกรรมการตรวจการจ้างฯ ไปตรวจสอบรายงานประจำวันของผู้รับจ้าง และผู้รับจ้างรายย่อยด้วยว่า ได้รับผลกระทบจริงหรือไม่ เพราะเห็นว่า การก่อสร้างที่ผ่านมายังเป็นไปตามปกติ จึงอยากถามว่า ผู้รับจ้างรายย่อยคือใคร และจะอ้างเหตุผลการส่งมอบพื้นที่ล่าช้า หรือปัญหาการขึ้นค่าแรงมาอ้างไม่ได้ เพราะมีการขยายระยะเวลาการก่อสร้างมาแล้ว 4 ครั้ง
“มีข้าราชการ และวิศวกร ร้องเรียนมาที่ตนเองกว่า 10 เรื่อง ทั้งเรื่องการก่อสร้างที่ไม่ตรงตามแบบ เช่น โคมไฟประดับนอกอาคาร ที่คณะกรรมการตรวจการจ้างฯ ได้สั่งยกเลิก และห้องประชุมกรรมาธิการ 42 ห้อง และห้องทำงาน ส.ส.-ส.ว. จำนวน 213 ห้อง ที่ไม่ตรงตามแบบ แต่ทราบว่า เริ่มมีการแก้ไขไปบ้างแล้ว หรือแม้แต่พื้นไม้ ที่ตามแบบระบุเป็นไม้ตะเคียนทอง และแต่ละแผ่นจะต้องปูไม่เกินระหว่างแผ่นความกว้างไม่เกิน 2 มิลลิเมตรเท่านั้น มิเช่นนั้น รองเท้าส้นเข็มของสุภาพตรี จะไปติดกับพื้นไม้ รวมถึง ได้ถ่ายภาพไปให้ผู้จำหน่ายไม้ตรวจสอบ ว่าเป็นไม้ตะเคียนทองจริงหรือไม่ ซึ่งผู้จำหน่าย เห็นว่า บางแผ่นไม่ใช่ไม้ตะเคียนทอง ก็ถือว่า ผิดแบบ” นายวิลาศ กล่าว
นายวิลาส กล่าวว่าตนได้รับข้อมูลเพิ่มเติมว่า ดินที่ใช้ถมลานประชาชน และถนนริมเขื่อนภายในรัฐสภา ที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา มีความผิดปกติ เพราะมียางรถยนต์ปะปนอยู่ด้วย แต่คณะกรรมการตรวจการจ้างฯ กลับอนุมัติให้ดำเนินการ ผ่านการเจรจา เรียกเงินจากผู้รับจ้าง เพื่อดำเนินการ ดังนั้น ตนจำเป็นจะต้องร้องเอาผิดต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ให้ตรวจสอบเพื่อเอาผิด เนื่องจาก คณะกรรมการตรวจการจ้างฯ ไม่ดำเนินการตรวจสอบให้ตรงตามแบบที่กำหนด .-สำนักข่าวไทย