ทำเนียบฯ เข้มโควิดอยู่แล้ว พร้อมตรวจสุขภาพ จนท.สร้างความมั่นใจ

กทม. 26 ธ.ค. – ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เผยทำเนียบฯ คุมเข้มป้องกันโควิด-19 อยู่แล้ว ระบุวันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม จะตรวจสุขภาพข้าราชการ เจ้าหน้าที่เพิ่ม สร้างความมั่นใจ ระบุมาตรการ WFH ครม.เห็นชอบร้อยละ 80 หน่วยงานรัฐวิสาหกิจทำงานที่บ้าน ลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 และป้องกันโควิด ช่วง 25-29 ธ.ค.นี้


นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ทำเนียบรัฐบาลมีมาตรการป้องกันรักษาความสะอาด และตรวจอย่างเข้มงวดเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาปฏิบัติงาน และปฏิบัติตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข โดยได้ทำความสะอาดพ่นยาฆ่าเชื้อทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์ และทำความสะอาดห้องประชุมต่างๆ ก่อนและหลังการประชุม เพื่อสร้างความมั่นใจ นอกจากนี้ยังให้เจ้าหน้าที่ทุกคนตรวจสุขภาพ ซึ่งสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้เริ่มทยอยตรวจแล้ว และจะตรวจอีกครั้งในวันจันทร์นี้ (28 ธันวาคม 2563 )

ส่วนปัญหาเรื่องหน้ากากอนามัย นายกรัฐมนตรีสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ไปติดตามดูแลไม่ให้จำหน่ายเกินราคาชิ้นละ 2.50 บาท ซึ่งเมื่อวานได้มีการประชุมของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง กำชับให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตำรวจแห่งชาติออกไปตรวจติดตามจับกุมร้านค้าจำหน่ายเกินกว่าราคาที่กำหนด ควบคู่กับการรณรงค์ให้ประชาชนใช้หน้ากากผ้าควบคู่ไปด้วยได้


นายธีรภัทร กล่าวอีกว่า ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการสื่อสารประเมินสถานการณ์ ในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ได้ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา ประเมินสถานการณ์และคาดการณ์สภาพอากาศ PM 2.5 ทราบว่าช่วงระหว่างวันที่ 24-29 ธันวาคม สภาพอากาศจะปิด อาจเกิดปัญหา จึงได้ประสานงานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำหนดมาตรการต่างๆ ทั้งการตรวจควันดำกับรถที่ใช้น้ำมันดีเซล รวมถึงการจราจร และการให้ทำงานที่บ้าน หรือ Work from home ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นชอบให้ส่วนราชการต่างๆหน่วยงานมหาชนและรัฐวิสาหกิจในพื้นที่กรุงเทพมหานคร แบ่งเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่ที่บ้าน เพื่อลดมลพิษทางอากาศ และยังจะป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดด้วย โดยแบ่งสัดส่วนให้ทำงานอยู่ที่บ้านร้อยละ 80 ของเจ้าหน้าที่ ยกเว้นงานด้านการบริการของภาคประชาชน. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : “ทรัมป์ 2.0” นำไปสู่กาลอวสานระเบียบโลก ?

นายโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวคิดมองโลกแบบแหวกแนว ส่วนหนึ่งทำให้ได้ใจคนอเมริกัน แต่ส่วนหนึ่งทำให้ทั้งโลกปั่นป่วน วันนี้มีคำกล่าวจากผู้นำรัสเซียว่า ระเบียบโลกใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้น

มอบรางวัล “หมูเด้ง” ทายผล “ทรัมป์” ชนะเลือกตั้ง

มอบรางวัลผลไม้ถาดยักษ์ให้ “หมูเด้ง” หลังทำนายทายถูกว่า “ทรัมป์” ชนะเลือกตั้ง ด้าน ผอ.สวนสัตว์ฯ อวยยศให้เป็น “อาจารย์เด้ง”

นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขัง เจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

กองปราบฯ นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขังศาลอาญารัชดา เบื้องต้นท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ด้านเจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น