รัฐสภา 3 ธ.ค. -อดีตกรธ.ให้ความเห็นกมธ.แก้รัฐธรรมนูญ แนะส่งศาลรธน.ตีความปมตั้งส.ส.ร. ชี้รธน.60 ไม่ให้ร่างใหม่ทั้งฉบับ
การประชุมกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วันนี้(3 ธ.ค.) ที่ประชุมเชิญนายอุดม รัฐอมฤต อดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) 2560 เข้าให้ความเห็นต่อแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 265 เพื่อตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญตามที่พรรคฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเสนอ โดยนายอุดม รัฐอมฤต กล่าวว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 ไม่ได้เปิดทางให้ร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเหมือนกับรัฐธรรมนูญปี 2540 เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 2540 มาจากการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2534 ในสภาพสังคมที่ขณะนั้นต้องการให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงกำหนดเงื่อนไขให้ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้
“ต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับอื่น ๆ โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ผ่านกระบวนการร่างขึ้นมาจากความเห็นของหลายฝ่าย และผ่านความเห็นชอบจากประชาชน จึงเห็นว่าการจะร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จำเป็นจะต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีประเทศใดกำหนดให้สามารถยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ เพราะการแก้ไขเพิ่มเติมเป็นรายมาตราสามารถทำได้อยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้กรรมาธิการเองมีความเห็นแตกต่างกันว่าจะสามารถตั้งส.ส.ร.ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ ผมจึงเห็นว่าควรส่งเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความให้ชัดเจน แต่มีผู้เสนอให้ใช้แนวทางตามมาตรา 5 ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาตามประเพณีการปกครอง” นายอุดม กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนที่ฝ่ายค้านเสนอให้ทำประชามติ 2 ครั้ง คือการทำประชามติแก้ไขมาตรา 256 ครั้งแรก และการทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับ ส.ส.ร. ครั้งที่ 2 นั้น จากการหารือในวันนี้ประเด็นดังกล่าวไม่เป็นที่ถกเถียงมากนัก ส่วนใหญ่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน เพราะยอมรับในอำนาจของประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะผู้ร่างรัฐธรรมนูญปี 2560 ความพยามแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนี้ จะทำให้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่ร่างมาเสียของหรือไม่ นายอุดมกล่าวว่า พูดยาก เพราะเป็นเรื่องของความรู้สึก จะบอกว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้ใช้เลยก็ไม่ได้ อย่างน้อยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็เป็นที่มาของรัฐสภาชุดนี้ และองค์กรต่าง ๆ ที่ใช้อำนาจในปัจจุบัน แต่ความพอใจในผลจากการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องของคนใช้รัฐธรรมนูญที่จะประเมิน โดยเฉพาะประชาชนที่ต้องถามว่าเขาพอใจรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันหรือไม่ หรือจะต้องร่างกันใหม่
“ผมมองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ประเด็นหลักควรมองที่เนื้อหามากกว่าการจะมองว่าจะเอาฉบับใหม่หรือฉบับเดิม แต่ควรมองว่าเนื้อหาตรงนี้ที่ฉบับเดิมไม่ดีแล้วและควรต้องแก้ไขใหม่” นายอุดม กล่าว.-สำนักข่าวไทย