ยันศึกษารอบคอบก่อนเลือก “แอสตรา เซเนกา”

ทำเนียบฯ 27 พ.ย.-“อนุทิน” ยืนยันศึกษารอบคอบก่อนเลือกจัดซื้อวัคซีนกับ “แอสตรา เซเนกา”  เผยหากสำเร็จ ไทยจะเป็นฐานผลิตไปยังประเทศอาเซียน ขณะที่  ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ มั่นใจคุ้มค่า มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี เตรียมทำความเข้าใจบุคลากรทางการแพทย์และประชาชน สร้างความมั่นใจในวัคซีน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำผู้เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ภายหลังพิธีลงนามในสัญญาการจัดหาวัคซีนโควิด-19 โดยเป็นการจองล่วงหน้ากับบริษัท แอสตรา เซเนกา จำกัด  มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท โดยยืนยันว่า ก่อนที่จะเลือกบริษัทดังกล่าว ได้ใช้เวลาและผ่านกระบวนการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ทั้งราคา การขนส่ง การเก็บรักษา และอื่นๆ อีกมาก ที่จะเป็นประโยชน์กับประเทศ และหากการทดลองหรือวัคซีนได้ประสบความสำเร็จ อย่างน้อยเราก็ได้แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีในการผลิตวัคซีน


“หากมีความบกพร่องระหว่างการทดลอง บริษัทก็ต้องกลับไปพัฒนาให้วัคซีนใช้ได้   เราจะเข็นจนกว่าจะได้วัคซีน บริษัทที่เราเลือก มีผลที่พัฒนาไปมาก สร้างความปลอดภัยให้ประชาชนที่รับวัคซีน” นายอนุทิน กล่าว และว่า   เมื่อการทดลองวัคซีนสำเร็จ เราจะเป็นฐานการผลิตไปยังประเทศอาเซียน จะทำให้สถานะของไทยได้รับการยอมรับมากขึ้น สร้างความเชื่อมั่นกับนักลงุทน และนักท่องเที่ยว

ขณะที่ นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ชี้แจงว่า การเลือกบริษัท แอสตรา เซเนกา เพราะการจองซื้อครั้งนี้มีเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้วย ไทยไม่ได้เป็นเพียงผู้ซื้อ ไทยมีบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์  เป็นผู้รับถ่ายถอดเทคโนยีร่วมผลิตด้วย หากเรายอมเป็นผู้ซื้อ เราก็จะเป็นผู้ซื้อตลอดไป แม้จะซื้อกับบริษัท แอสตรา เซเนกา แต่ผู้ผลิตคือ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ อีกทั้ง วัคซีนที่เป็นเทคโนโลยีที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดกับบริษัท แอสตรา เซเนกา ผลิต ถือเป็นเทคโนโลยีชั้นนำที่ทั้งโลกใช้ในการพัฒนาวัคซีน และเป็นงานวิจัยที่อยู่ในเฟส 3 ระดับแนวหน้า


“ขั้นตอนหลังจากนี้ หากจะได้ลงมือทำจริง จะถือว่าวัคซีนดังกล่าวเป็นทรัพยากรสำคัญของประเทศ ทั้งการผลิตวัคซีนโควิด-19 และวัคซีนอื่นๆ เพื่อตอบสนองต่อโรคอุบัติใหม่  ทันทีที่มีวัคซีน จะต้องนำไปขึ้นทะเบียบนกับองค์การอาหารและยา (อย.) และกรมควบคุมโรคจะนำวัคซีนไปใช้  วัคซีนเข็มแรกที่คนไทยจะได้ใช้ คาดว่าไม่เกินกลางปี 2564 หากทุอย่างเป็นไปตามแผน” นพ.นคร กล่าว

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในฐานะกรมควบคุมโรค ที่ต้องฉีดวัคซีนให้กับคนไทย ซึ่ง 1 คน ต้องได้รับ 2 โดส รวมเป็นจำนวนมหาศาล  วัคซีนของบริษัทดังกล่าวสามารถเก็บได้ในอุณหภูมิตู้เย็นปกติ ง่ายต่อการดูแลรักษากว่าบางบริษัท ที่ต้องเก็บวัคซีนในออุณหภูมิ -70 องศา ซึ่งเราไม่มีที่จัดเก็บได้มากขนาดนั้น และยังประหยัดค่าโลจิสติกส์ได้อีกหลายล้านบาท

ต่อข้อถามว่า หากวัคซีนเกิดประสิทธิพล จะนำมาใช้กับกลุ่มใดก่อน นพ.โอภาส กล่าวว่า ประการแรก  ต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายประชาชน โดยมีคณะวิชาการจะประชุมในต้นเดือนหน้า หลักการคือ จะฉีดในบุคลากรทางการแพทย์ก่อน เพราะเน้นเรื่องความมั่นคงทางการแพทย์และสาธารณสุข หากแพทย์ป่วย ก็ไม่มีคนดูแลคนไข้ กลุ่มที่ 2 กลุ่มที่ติดเชื้อ และมีโอกาสเสียชีวิตสูง และกลุ่มที่ 3 กลุ่มที่ติดเชื้อ และมีโอกาสแพร่กระจายเชื้อสูง คือกลุ่มวัยรุ่น 


“ต้องยอมรับวัคซีนดังกล่าว มีทั้งคนอยากฉีดและไม่อยากฉีด หากให้ข้อมูลท ถูกต้องถึงข้อดี ข้อเสีย ผลข้างเคียง ให้คนไข้ตัดสินใจ จะทำให้การฉีดราบรื่น นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาสถานที่จะใช้ฉีด เบื้องต้นพิจารณาใช้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) ทั่วประเทศกว่า 10,000 แห่ง ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ใกล้กับประชาชน หลังจากนี้ ต้องเตรียมอุปกรณ์ในการเก็บรักษา การฉีด พร้อให้ความรู้กับบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชน” นพ.โอภาส กล่าว

ขณะที่ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์ ตอบข้อถาม ถึงประสิทธิภาพของวัคซีนของบริษัท แอสตรา เซเนกา อยู่ที่ประมาณ 60-90%  เมื่อเปรียบเทียบทับบริษัทอื่นอยู่ที่ 90% ขึ้นไป มีนัยอะไรหรือไม่ ว่า  เป็นเรื่องที่เร็วเกินไป เพราะธรรมชาติของวัคซีน ต้องมีภูมิคุ้มกันในตัวอย่างน้อยเป็นปี  จึงจะสรุปได้ว่า วัคซีนนั้นมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน รวมถึง ผลข้างเคียงจะเป็นอย่างไร  ขณะนี้ 3-4 บริษัทที่เป็นคู่แข่งขัน ที่ประกาศออกมา ทดลองได้เพียง 2-3 เดือนเท่านั้น จึงเร็วเกินไปที่จะนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกัน นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ความหวังของทั่วโลกในวันนี้ คือ เมื่อวัคซีนมาเร็วเท่าไร ยิ่งดีกับประชาชนในประเทศเท่านั้น ดังนั้น ไทยจึงเลือกแนวทางเดียวกับทั่วโลก คือ ไม่รอที่จะให้ได้ผลที่ชัดเจนแล้วค่อยซื้อ วันนี้ เมื่อเราลงนามในสัญญาแล้ว ก็จะเริ่มกระบวนการถ่ายทอดเทคโนโลยี และผลิตเลย  หากได้ผล เราจะฉีดเข็มแรกให้กับคนไทยได้กลางปีหน้า และว่า ประเทศที่ซื้อวัคซีนกับบริษัทมี 95 ประเทศ รวมสหรัฐฯ ด้วย ยอดรวมทุกประเทศที่สั่งซื้อ 3,000 ล้านโด๊ส และวัคซีนของบริษัทนี้ยังมีราคาถูกกว่าบริษัทอื่น” นพ.ศุภกิจ กล่าว.- สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลักพุ่งเหินฟ้าคารถ 6 ล้อ

รอดตายปาฏิหาริย์! วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลัก ก่อนพุ่งเหินฟ้าติดคาบนรถ 6 ล้อ พลเมืองดีเข้าช่วยเหลือออกมาจากรถ ปลอดภัย

กกต.สั่งเอาผิดอาญา “ชวาล” สส.ปชน. ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ

กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา “ชวาล” สส.ปชน. ยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายเลือกตั้งไม่ตรงความเป็นจริง โทษหนักทั้งจำคุก-ตัดสิทธิ 5 ปี

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” สั่งปิดชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก 1 เดือน สกัดอหิวาตกโรค

“ภูมิธรรม” สั่งปิดชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก 1 เดือน สกัดอหิวาตกโรค ไม่ให้ระบาดในไทย พร้อมยกมาตรรักษาสุขภาวะในพื้นที่อย่างเข้มข้น

ฉายารัฐบาลปี67

สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายา ปี 67 “รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง”

สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายา ปี67 “รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง” ฉายานายกฯ “แพทองโพย” ด้าน 7 รัฐมนตรีติดโผ “บิ๊กอ้วน-อนุทิน-ทวี” พ่วง 3 รัฐมนตรีโลกลืม ส่วนวาทะแห่งปี “สามีเป็นคนใต้”

เลือกตั้ง อบจ.อุบลฯ

“กานต์ กัลป์ตินันท์” ชนะเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ

“กานต์ กัลป์ตินันท์” ชนะเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี พร้อมขอบคุณคนเสื้อแดง และนายทักษิณ ชินวัตร ที่ช่วยผลักดัน