รัฐสภา 18 พ.ย.-“พิธา” วอนสมาชิกรับร่างไอลอว์ ให้อำนาจประชาชนสถาปนา รธน.ใหม่ ไม่ให้เหมือนกงล้อประวัติศาสตร์มาจากปลายกระบอกปืนและรัฐประหาร
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ลุกขึ้นอภิปรายเป็นคนสุดท้ายของพรรคฝ่ายค้าน ว่า ต้องจารึกไว้ว่าเป็นวันที่ 2 ที่รัฐสภาและประชาชน พยายามให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับถาวรทั้งฉบับ เพื่อเปิดทางให้มีการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จัดตั้งรัฐธรรมนูญใหม่ และไม่ให้รัฐธรรมนูญมาจากปลายกระบอกปืนของการทำรัฐประหารเพียงอย่างเดียว การเสนอร่างของไอลอว์ทำให้คิดถึงบรรยากาศครั้งแรกของประวัติศาสตร์การเมืองไทย คือ การรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญหลังพฤษภาคม 2535 ที่เป็นความหวังของความเป็นประชาธิปไตย หลังจากที่ไทยบอบช้ำจากรัฐประหารโดย รสช. ในขณะนั้น มีประชาชนสนับสนุนจำนวนมาก ภายใต้สัญลักษณ์ธงเขียว ที่บรรยากาศเหมือนขณะนี้ที่มีกลุ่มเสื้อเหลืองมาต่อต้าน แม้จะมีแรงต้านไม่น้อย จนเกิดรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งเป็นร่างที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีและประชาชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด พลังของประชาชนที่อยากเปลี่ยนแปลงบวกกับความจริงใจของผู้มีอำนาจ
นายพิธา กล่าวอีกว่า ปี 2563 กงล้อประวัติศาสตร์ได้หมุนกลับมาอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 2
ที่รัฐสภาและประชาชนมีความพยายามให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปลี่ยนจาก รสช. เป็น คสช. เปลี่ยนจาก มาตรา 211 เป็น 256 แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (17 พ.ย.) แตกต่างจากปี 2538 ที่เมื่อวานเต็มไปด้วยความหดหู่ อดสู และความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน
“ความไม่ไว้วางใจต่อรัฐสภาเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง พวกท่านที่นั่งอยู่ในที่นี้ ส่วนใหญ่เป็นตัวแทนประชาชนทั้งสิ้น และเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยทางนิติบัญญัติ แต่แปลกใจที่อำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลับถูกสมาชิกรัฐสภาลดทอนอำนาจตัวเอง หาช่องทางไม่ให้มีการตั้ง ส.ส.ร. เพื่อที่จะร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และตลกร้ายที่สุด คือ สมาชิกรัฐสภาไม่ไว้วางใจอำนาจของประชาชน สิ่งนี้ช่างน่าละอาย โดยตลอดการอภิปราย ตนเห็นแต่ความสิ้นหวัง โจมตีประชาชน รวมถึงการกล่าวหามีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง สร้างวัฒนธรรมเดิม ๆ สร้างความเกลียดกลัวผี โจมตีว่าร่างรัฐธรรมนูญนี้ จะพาอดีตนายกฯ กลับประเทศ เพื่อเป็นเงื่อนไขไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ มองประชาชนเป็นอริราชศัตรู ไว้วางใจให้ประชาชนมีอำนาจไม่ได้” นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวอีกว่า ขณะที่นอกรัฐสภา ประชาชนกลุ่มหนึ่งกลับถูกเจ้าหน้าที่รัฐใช้ความรุนแรงฉีดน้ำผสมแก๊สน้ำตา มีคนถูกยิงด้วยกระสุนจริง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นที่หน้าบ้าน หน้าที่ทำงานของเรา คำที่ว่า รัฐสภา เป็นที่คลี่คลายอุณหภูมิร้อนแรงให้บ้านเมืองและหาทางออกประเทศ แต่กลับเป็นว่ากำลังจะขยายความรุนแรง นี่เป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ถ้าเราต้องการให้ประเทศมีทางออก เราต้องช่วยกัน เอาข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเข้าสู่ระบบ แต่หากเราผลักข้อเสนอประชาชนลงถนนอีกครั้ง จะเป็นการสร้างเงื่อนปมใหม่ ทำให้โอกาสพูดคุยที่มีน้อยอยู่แล้ว ยิ่งน้อยลงไปอีก
นายพิธา กล่าวด้วยว่า ตนเห็นด้วยกับหลักการทั้ง 11 ข้อของไอลอว์ เพราะเป้าหมาย คือ การสร้างหนทางกลับสู่ประชาธิปไตย ดังนั้นข้อกล่าวหาที่ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการแก้รัฐธรรมนูญไทย จึงเป็นเรื่องที่จินตนาการมากเกินไป เชื่อว่าหลายคนคิดว่ามีหลายประเด็นที่ทิ่มแทงไปในดวงใจ แต่ถึงเวลาแล้วที่ต้องเลิกเป็นนั่งร้านให้กับผู้มีอำนาจที่หมดความชอบธรรมไปแล้ว การตัดสินใจครั้งนี้ ก็เป็นฟางเส้นสุดท้าย หากรับหลักการร่างฉบับประชาชน ความตึงเครียดก็จะลดลง ส่วนข้อครหาที่ว่ารัฐธรรมนูญไทยฉีกง่ายกว่าแก้ ดูเหมือนว่า ทหารจะเป็นกลุ่มเดียวที่จะแก้รัฐธรรมนูญได้ แม้รัฐสภาและประชาชนอยากจะแก้ แต่ก็ทำยากเหลือเกิน ดังนั้นพวกเรารัฐสภาต้องยืนยันว่าการแก้รัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่ทำได้ และอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน ณ จุดนี้ ขอยืนวิงวอนต่อหน้าเพื่อนสมาชิกให้รับร่างภาคประชาชนควบคู่กับร่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน.-สำนักข่าวไทย