“ชวน” ยันไม่ท้อเดินหน้าตั้งกก.สมานฉันท์

รัฐสภา 10 พ.ย.-“ชวน” เผยโครงสร้างปรองดองเสร็จแล้ว เดินหน้า 2 รูปแบบเท่าที่ได้ก่อน ต่อสายคุย “พล.อ.สุรยุทธ์ – สมชาย” แล้ว ได้ข้อมูลเป็นประโยชน์ ยันไม่ท้อ ระบุแก่จนเกินโกรธ “สิระ”


นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์สร้างความปรองดอง ว่า สถาบันพระปกเกล้าได้ปรับแก้โครงสร้างเสนอมาแล้ว โดยที่ผ่านมาได้พยายามทำโครงสร้างที่ 1 ที่ให้มี 7 ฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมแต่สุดท้ายยังไม่ครบ เบื้องต้นจะเดินหน้าเท่าที่จะหาคนมาร่วมได้ก่อน โดยจะทำควบคู่ไปกับโครงสร้างที่ 2 ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ไม่มีนักการเมือง จะมีเฉพาะผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์เพื่อให้เดินหน้าทำงานไปก่อน ยืนยันไม่ลดละความพยายาม เพราะการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงจำเป็นต้องอดทนในการเจรจาเพื่อให้เข้ามาร่วม ซึ่งช่วงวันหยุดที่ผ่านมาได้ใช้ความพยายามจากหลายฝ่ายประสาน เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้ามาร่วม

“ล่าสุดได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรีแล้ว แต่ในฐานะองคมนตรีไม่สามารถให้ความเห็นทางการเมืองได้ อย่างไรก็ตาม พล.อ.สุรยุทธ์ขอให้ทุกฝ่ายเห็นแก่ประโยชน์ประเทศชาติและส่วนรวม จึงเห็นว่าข้อเสนอแนะเป็นประโยชน์ นอกจากนี้ยังได้โทรศัพทพูดคุยกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งยืนยันจะให้ความร่วมมือในการหาทางออกประเทศครั้งนี้” ประธานรัฐสภา กล่าว


สำหรับกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พลังประชารัฐตำหนิการทำหน้าที่ประสานเชิญอดีตนายกรัฐมาตรีเข้ามาร่วมในคณะกรราการสมานฉันท์ นายชวน กล่าวว่า เรื่องนี้มีประชาชนแสดงความห่วงใยเข้ามามากถึงขั้นเอาพระมามอบให้ ขอยืนยันว่าไม่ท้อ เพราะเมื่อรับงานมาแล้วก็ต้องทำ ความเห็นแย้งถือเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ์ ประธานคณะกรรากรประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) ระบุว่าจะขอโทษนายชวนแทนนายสิระเห็นว่าไม่จำเป็น ไม่ได้ถือโทษโกรธ

“ผมใช้คำว่าแก่เกินจะโกรธแล้ว ไม่มีอะไรไปโกรธใครแล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อเกิดการพาดพิงถึงบุคคลภายนอก ก็จำเป็นต้องปกป้อง ไม่เช่นนั้นเราไปทาบทามใครจะลำบาก ผมเข้าใจว่าขณะนี้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่ค่อยอยากเข้ามาเป็นกรรมการ แต่ขอเรียนว่าทุกคนให้ความเห็นที่ดี ท่านสมชาย ผมก็คุยแล้วเมื่อเช้า ท่านบอกว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ยินดีที่จะให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง” ประธานรัฐสภา กล่าว

นายชวน กล่าวถึงกรณีที่ส.ส.และส.ว.เสนอญัตติขอมติรัฐสภาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฝ่ายค้านและรัฐบาลรวม 2 ฉบับไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ว่า ได้รับญัตติแล้วและอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาว่าเข้าข่ายจะบรรจุระเบียบวาระหรือไม่ ซึ่งต้องดูรายละเอียดและข้อกฎหมาย ที่ผ่านมาบางเรื่องก็ส่งให้ศาลวินิจฉัย บางเรื่องก็ไม่ส่ง ยืนยันว่าใช้เวลาไม่นาน


ส่วนร่างพ.ร.บ.ประชามติ ประธานรัฐสภา กล่าวว่า พรุ่งนี้(11 พ.ย.) จะคุยกับวิป 3 ฝ่าย โดยมีเรื่องที่จะเสนอหลายเรื่อง รวมทั้งมีกฎหมายที่กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว และเป็นเรื่องปกติที่ฝ่ายค้านจะเสนอร่างกฎหมายที่มีหลักการเดียวกันเข้ามา ซึ่งสามารถพิจารณาร่วมกันได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง