ไพบูลย์ชี้ข้อเรียกร้องกลุ่มราษฎร 63 ผิดกม.อาญา ม.116

รัฐสภา 9 พ.ย. – “ไพบูลย์” ชี้ข้อเรียกร้องกลุ่มราษฎร 63 เป็นปฏิปักษ์ ต่อสถาบันฯ เหตุก้าวล่วงรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 เข้าข่ายผิดป.อาญา มาตรา 116


นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่าการที่แกนนำกลุ่มราษฏร 63 เสนอให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ โดยมีข้อเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบัน 10 ข้อ และได้นำขึ้นกล่าวปลุกระดมมวลชนในสถานที่ชุมนุมต่าง ๆหลายแห่ง ตนเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 116 ซึ่งบัญญัติว่า ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต (3) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี

นายไพบูลย์ กล่าวว่า มีข้อกฎหมาย ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2562 วันที่ 7 มีนาคม 2562 คดียุบพรรคไทยรักษาชาติ ในหน้าที่ 19 ถ้าพรรคการเมืองใดมีการกระทำที่เป็นการล้มล้าง หรือ เพียงอาจเป็นปฏิปักษ์ ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และอีกตอนวินิจฉัยว่า จะอ้างความไม่รู้ ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือความเห็น ความเชื่อของตนมาเป็นข้อแก้ตัวให้หลุดพ้นจากความรับผิดชอบต่อการกระทำนั้นไม่ได้ และในหน้าที่ 20 ศาลวินิจฉัยว่า ส่วนคำว่า ปฏิปักษ์ นั้นไม่จำต้องรุนแรงถึงขนาดมีเจตนาที่จะล้มล้างทำลายให้สิ้นไป ทั้งยังไม่จำต้องถึงขนาดตั้งตนเป็นศัตรูหรือฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น เพียงแต่เป็นการกระทำที่มีลักษณะเป็นการขัดขวางหรือสกัดกั้นมิให้เจริญก้าวหน้า หรือเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดผลเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลาย จนเกิดความชำรุดทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง ก็เข้าลักษณะของการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ได้แล้ว


นายไพบูลย์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นเรื่องเจตนานั้น เมื่อมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (2) บัญญัติชัดเจนว่า เพียงแค่อาจเป็นปฏิปักษ์ ก็ต้องห้ามแล้ว หาจำต้องมีเจตนาประสงค์ต่อผล หรือต้องรอให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงขึ้นจริงเสียก่อนไม่ ทั้งนี้ก็เพื่อให้เป็นมาตรการป้องกันความเสียหายร้ายแรงที่อาจเกิดแก่สถาบันหลักของประเทศไว้ก่อน อันเป็นรัฐประศาสโนบายที่จำเป็นเพื่อดับไฟกองใหญ่ไว้แต่ต้นลมมิให้ไฟกองเล็กกระพือโหมไหม้ลุกลามขยายใหญ่จนเป็นมหันตภัยที่ไม่อาจต้านทานได้ในวาระต่อไป จึงเห็นได้ว่าข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ให้ปฏิรูปสถาบันฯ ล้วนแต่เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันฯทั้งสิ้น ดังนั้น การกระทำของแกนนำกลุ่มราษฎร 63 จึงเท่ากับตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันฯ มิใช่เป็นการกระทำเพื่อปฏิรูปสถาบันฯอย่างที่กล่าวอ้าง

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันฯทั้ง 10 ข้อ เป็นการก้าวล่วงที่ไม่บังควรกระทำ และขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 ซึ่งบัญญัติว่า องค์พระมหากษัตริย์ทรงดํารงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้ ด้วยรวมทั้งยังทำลายจารีตประเพณีที่ยาวนานของสังคมไทย และการจาบจ้วงสถาบันฯ เป็นการกระทำที่ล่วงละเมิดลบหลู่ความเชื่อ ความศรัทธา และความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ของประชาชนคนไทยหลายสิบล้านคน

นายไพบูลย์ กล่าวว่า แกนนำกลุ่มราษฏร 63 ที่เสนอให้ปฏิรูปสถาบันฯ ไม่ว่าเป็นกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใด ย่อมถือว่ามิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เนื่องจากก้าวล่วงรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 34 ให้สามารถแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวได้ และด้วยเพราะแกนนำกลุ่มราษฎร 63 ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันฯ จึงมิใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต และการกระทำของแกนนำกลุ่มราษฎร 63 ยังทำให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ไม่ว่าเป็น พ.ร.บ. ชุมนุมสาธารณะ หรือ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน การกระทำของแกนนำกลุ่มราษฏร 63 จึงครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116


นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตนจึงเสนอข้อกฎหมายให้ประชาชนที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่อยู่ในกรุงเทพและในต่างจังหวัด 76 จังหวัด ทั่วทั้งประเทศหลายสิบล้านคน ให้ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ หมวด 4 หน้าที่ปวงชนชาวไทย มาตรา 50 (1) บัญญัติว่า บุคคลมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (1) พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยหากพบว่ามีแกนนำกลุ่มราษฎร์ 63 หรือเรียกชื่ออื่นก็ตาม ที่มีพฤติการณ์จัดชุมนุม และเรียกร้องปฏิรูปสถาบันฯ อันเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามที่กล่าวมาข้างต้น ขอให้ประชาชนที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ สามารถไปร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิดกับแกนนำผู้ชุมนุมเหล่านั้น ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 เพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ต้องยุติการกระทำที่ผิดกฎหมายดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ยกอำนาจให้ทหารตัดสินใจ เปิดด่าน-สร้างรั้วชายแดน

ศรีสะเกษ 21 ก.ย.- “อนุทิน” ยกอำนาจให้ “ทหาร” ตัดสินใจ ‘เปิดด่าน-สร้างรั้วชายแดน’ ลั่น ขอหนุนทหารปักธงไทยให้คนไทยชื่นใจ ส่วนรัฐบาลขอเดินหน้าการทูต ยันไม่มีใครล็อบบี้ได้ ส่วนการเจรจาจะทำหลังยุติเหตุก่อกวน จ่อคุมเข้มพื้นที่เพิ่มเติม นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการปิดด่านและการสร้างรั้วตามแนวชายแดนไทย กัมพูชา โดยระบุว่า ได้ทำความเข้าใจกับการทหารแล้ว ว่าเมื่อตนได้เข้ารับตำแหน่งฝ่ายบริหารประเทศเมื่อไหร่ ก็จะให้ทหารได้ตัดสินใจเต็มที่ รัฐบาลที่กำลังเข้ามาจะให้การสนับสนุน เคารพการตัดสินใจของฝ่ายการทหาร ส่วนรัฐบาลจะทำเรื่องการทูต และเงื่อนไขที่ต้องเจรจาต่าง ๆ นายอนุทิน ย้ำว่า ต้องมีความชัดเจนว่าเราไม่ยอมรับเงื่อนไข แต่เขาต้องยอมรับเงื่อนไขเราเท่านั้น จึงจะดำเนินการเรื่องอื่นต่อไปได้ ตนอยากให้มีความชัดเจนในตรงนี้ เพราะที่ผ่านมามีการคาดคะเนหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผู้นำต่างประเทศโทรมาล็อบบี้ตน “ ผมล็อบบี้ไม่ได้หรอกครับ ผมไม่มีใครมาล็อบบี้ได้ ผมต้องทำให้กับคนคนไทย ประเทศไทยเท่านั้น ไม่มีการต่อรองใด ๆ จนกว่าเขาจะรับเงื่อนไขที่เราตั้งไว้”นายอนถทิน กล่าว ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงการจัดการของรัฐบาล เนื่องจากยังมีอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) บินวนอยู่รอบภูมะเขือ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องการทหารขอให้ทหารตัดสินใจ อยากปักธงไทยตรงไหน ขอให้ไปปักให้คนไทยได้ชื่นใจ ในที่ที่เป็นของคนไทย […]

แก๊งค้ายาขนไอซ์ 450 กก. ซิ่งรถชนเกาะกลางถนน จ.อุดรธานี

อุดรธานี 21 ก.ย.-แก๊งยาเสพติดซิ่งรถยนต์ชนเกาะกลางถนน ในพื้นที่ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบถึงกับอึ้ง พบไอซ์ 450 กก. ซุกอยู่ในกระสอบหลังรถ ส่วนคนอาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เหตุดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อคืนที่ผ่านมา 22.30 น. เจ้าหน้าที่รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์เสียหลักชนวงเวียนบ้านเหล่าอุดม ต.บ้านจันทน์ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ที่เกิดเหตุพบรถยนต์อเนกประสงค์ สภาพด้านหน้าพังยับเยิน และไม่พบตัวคนขับอยู่ในจุดเกิดเหตุ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการตรวจค้นภายในรถ ที่เบาะนั่งด้านหลัง ถึงกับอึ้ง เพราะพบกระสอบ 9 ใบ อัดแน่นอยู่ด้านหลัง ตรวจสอบภายในกระสอบ มีห่อพลาสติกใสและถุงสีฟ้าลายเสือดาวรวม 448 ห่อ น้ำหนักกว่า 448 กิโลกรัม ภายในห่อมีผลึกขาวใส ลักษณะผลึกคล้าย ไอซ์ นอกจากนี้ ยังพบบัตรประชาชน นายสุทธิโชค อายุ 17 ปี ชาว อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ตรวจสอบพบ มีประวัติคดียาเสพติด 3 คดี ส่วนทะเบียนรถ […]

อุดพนังกั้นน้ำสำเร็จ น้ำท่วมหล่มสักเริ่มคลี่คลาย

เพชรบูรณ์ 21 ก.ย.-น้ำท่วมตัวอำเภอหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ รวมทั้งย่านการค้า เริ่มลดลงแล้ว หลังเจ้าหน้าที่อุดพนังกั้นน้ำที่พังลงมาได้สำเร็จ และน้ำในแม่น้ำป่าสักลดลง จุดที่พนังกั้นน้ำริมแม่น้ำป่าสักแตกยาวกว่า 10 เมตร ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมเขตเศรษฐกิจ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่สามารถปิดพนังกั้นน้ำที่พังลงมาได้แล้ว แม้จะยังไม่ 100% ทำให้ยังมีน้ำรั่วซึมเข้ามาบ้าง แต่ช่วยลดปริมาณน้ำจากแม่น้ำป่าสักที่ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนและอาคารร้านค้าหลายร้อยหลังในย่านการค้าของหล่มสักลงได้ ส่งผลให้น้ำที่ท่วมหลายจุดตั้งแต่เมื่อวานลดลง บางจุดเริ่มเห็นผิวถนนแล้ว และคาดว่าจะลดลงต่อเนื่อง หลังระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักที่ไหลผ่านตัวอำเภอหล่มสัก ลดลงเฉลี่ยชั่วโมงละ 10 เซนติเมตร จนต่ำกว่าพนังที่ทางเทศบาลเสริมขึ้นมาแล้ว แต่ยังมีบ้านเรือนตามชุมชนที่อยู่ริมน้ำใกล้จุดพนังแตก ถูกน้ำท่วมขังอยู่บ้าง ขณะที่ชาวบ้านหลายครอบครัวเร่งนำข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกน้ำท่วมเสียหายออกมาล้างทำความสะอาด เร่งล้างคราบโคลนภายในบ้านกันบ้างแล้ว หลังต้องเจอน้ำท่วมหนักถึง 2 รอบ ในช่วง 3 สัปดาห์ และกว่าจะอุดพนังกั้นน้ำที่พังลงมาได้สำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความพยายามตลอดทั้งคืน ระดมกำลังคนและเครื่องจักรหนักเข้ากู้สถานการณ์ อุดรอยรั่วซ่อมพนังกั้นน้ำ ตรงข้ามสวนดงตาล ที่พังลงมายาวกว่า 10 เมตร โดยใช้แบริเออร์ กระสอบทรายบิ๊กแบ็ก วางอุดรอยรั่วได้สำเร็จ แม้ตอนนี้ยังคงมีน้ำรั่วซึมเข้ามาจากจุดพนังแตกอยู่บ้าง แต่หากระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักลดลงอย่างต่อเนื่องแบบนี้ คาดว่าสถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองหล่มสักจะลดลงต่อเนื่อง.-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้แจงปมกัมพูชาประท้วงไทย ย้ำพื้นที่อยู่ในเขตไทย

กทม. 21 ก.ย.-กองทัพบก ชี้แจงปมกัมพูชาประท้วงไทย ย้ำพื้นที่อยู่ในเขตไทย ไม่ใช่พื้นที่พิพาท กรณีกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ออกแถลงการณ์เมื่อ 20 ก.ย.68 ระบุว่า “กัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงและคัดค้านอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลไทย เกี่ยวกับเจตนาที่จะใช้กฎหมายภายในประเทศของไทยกับพลเมืองกัมพูชาในหมู่บ้านโจกเจย และหมู่บ้านไปรจัน ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย โดยมีรายละเอียดกล่าวหาฝ่ายไทยว่า ฝ่ายไทยอ้างสิทธิ์ใช้กฎหมายภายในประเทศกับพลเมืองกัมพูชาในพื้นที่พิพาท โดยการอ้างสิทธิ์ดังกล่าวของไทยละเมิดพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ (มาตรา 2(3) และ 2(4)) เป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ MOU 2000 ว่าด้วยการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบก ขัดต่ออำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ขอเรียกร้องให้ไทยยุติกิจกรรมที่บ่อนทำลายความพยายามลดความตึงเครียด ตามข้อตกลงหยุดยิง พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงต่อกรณีนี้ว่า ฝ่ายไทยมีสิทธิและหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศกับบุคคลที่อยู่ในเขตดินแดนของไทย ซึ่งเป็นหลักการสากลที่ทุกประเทศยอมรับ และขอยืนยันว่า พื้นที่ที่ฝ่ายไทยอาจจำเป็นต้องดำเนินการก่อนนั้น ไม่ได้อยู่ในเขตของพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ อย่างที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือน แต่อยู่ในเขตอธิปไตยของประเทศไทยอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักอธิปไตยของรัฐ ส่วนเรื่องพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ ในมาตรา 2(3) ที่ได้ระบุไว้ว่า “รัฐสมาชิกต้องระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศด้วยวิธีสันติ เพื่อไม่ให้สันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศตกอยู่ในอันตราย” นั้น ในความเป็นจริงกลับพบว่า ฝ่ายกัมพูชามักจะเป็นผู้ละเมิด อย่างกรณีการปลุกปั่น จัดฉาก […]