กทม. 8 พ.ย.-ส.ว. แจงยื่นศาลชี้ขาด 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปัดมีเจตนายื้อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ส.ว.กล่าวถึงกรณี ส.ว.ล่าชื่อเพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ฉบับของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า ส.ว.ได้เข้าชื่อกันยื่นญัตติต่อประธานรัฐสภาให้บรรจุเป็นวาระเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา เพื่อขอมติเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาให้ส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับเท่านั้น คือ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ให้ตั้ง ส.ส.ร.มายกร่างใหม่ทั้งฉบับ และร่างแก้รัฐธรรมนูญฉบับไอลอว์ที่มีเนื้อหาทำนองเดียวกัน จะมีเนื้อหาขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะมาตรา 255-256 รัฐธรรมนูญปี 2560 ระบุให้แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้เท่านั้น ไม่สามารถยกร่างใหม่ทั้งฉบับได้ ดังนั้นเพื่อความสบายใจจึงต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบขณะนี้ ส.ว.ได้เข้าชื่อครบตามจำนวนที่จะยื่นญัตติครบถ้วนแล้ว อยู่ระหว่างส่งให้ประธานรัฐสภาบรรจุเป็นวาระเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา ยังไม่ทราบจะบรรจุญัตติได้เมื่อไร ถ้าบรรจุวาระเข้าสู่สภาแล้ว และที่ประชุมรัฐสภามีมติเห็นชอบไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งให้ส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ไม่ใช่การถ่วงเวลาแก้รัฐธรรมนูญ แต่เป็นการทำงานคู่ขนานกันไป เพราะการพิจารณารับหรือไม่รับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 17 พ.ย. ยังเดินหน้าต่อไป ถ้าที่ประชุมมีมติรับหลักการ ก็จะพิจารณาวาระ 2-3 ระหว่างนั้นศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญว่าขัดกฎหมายหรือไม่ ควบคู่ไปด้วย ถ้าศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญถือว่าจบเรื่อง แต่ถ้าขัดรัฐธรรมนูญต้องพักเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญไว้ก่อน เพื่อไปหาทางแก้ไข กรณีนี้ไม่ใช่การยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโดยตรงตามที่นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว.ระบุ เพราะอาจเข้าใจคลาดเคลื่อน แต่เป็นการยื่นเรื่องผ่านรัฐสภา ต้องให้ที่ประชุมรัฐสภาเห็นชอบก่อนจึงจะดำเนินการได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ ส.ว.ที่เข้าชื่อยื่นญัตติเพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ มี 48 คน ได้ยื่นญัตติต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา อยู่ระหว่างรอให้นายชวน บรรจุวาระเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาต่อไป.-สำนักข่าวไทย