จ.ภูเก็ต 3 พ.ย.-นายกฯประชุม ครม.สัญจร ภูเก็ต จับตาเคาะมาตรการฟื้นฟูการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดอันดามัน รับทราบเหตุระเบิดปิงปองการชุมนุมพื้นที่ท่าพระเมื่อคืนนี้ ด้าน “พล.อ ประวิตร” ระบุ ต้องรอผลตรวจสอบ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางถึงโรงแรมสแปลช บีช รีสอร์ท ไม้ขาว ซึ่งเป็นสถานที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) นอกสถานที่อย่างเป็นทางการที่จังหวัดภูเก็ต โดยนายกรัฐมนตรีพยักหน้าแทนการตอบคำถาม เมื่อถูกถามถึงเหตุระเบิดปิงปองในพื้นที่ชุมนุมกลุ่มราษฎรที่บริเวณ MRT ท่าพระ เมื่อคืนที่ผ่านมา(2 พ.ย.)
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงกล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบ ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานความคืบหน้า
ส่วนการชุมนุมครั้งต่อไปต้องให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อยเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ เพราะอาจมีเหตุรุนแรงขึ้นอีก พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่า สั่งการอะไร ทั้งนี้ไม่อยากให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น
จากนั้น นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมนิทรรศการโครงการพัฒนาพื้นที่จังหวัดภูเก็ต อาทิ การยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ตสู่เมือง ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก โครงการพัฒนาทางหลวงที่สำคัญ และเป็นประธานสักขีพยานมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในพื้นที่เป้หมายการจัดที่ตินทำกินให้ชุมชนพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน และประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมครม. สัญจรครั้งนี้มีวาระน่าสนใจ โดยกระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมให้กับผู้ประกอบการภาคธุรกิจการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รวมถึงมาตรการการช่วยเหลือสายการบิน เพื่อลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ มาตรการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำของธนาคารออมสิน เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวไทย
ด้านกระทรวงพาณิชย์ จะเสนอมาตรการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง 3 ชนิด ได้แก่ ยางแผ่นดิบชั้น 3 กำหนดประกันส่วนต่างที่ราคา 60 บาทต่อกิโลกรัม น้ำยางข้น กิโลกรัมละ 57 บาท และยาง ก้อนถ้วย กิโลกรัมละ 23 บาท ใช้วงเงินประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้ 2 ทาง คือรายได้จากการขายยางพาราและรายได้จากส่วนต่างชดเชย โดยต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียน เตรียมเสนอการประกันราคาข้าว ที่กำหนดวงเงินชดเชยส่วนต่าง 1 พันบาทต่อไร่ ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่
ส่วนข้อเสนอของภาคเอกชน ในการฟื้นฟูการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตและกลุ่มจังหวัดอันดามัน 33,000 ล้านบาท จะนำเข้าสู่ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) .-สำนักข่าวไทย