รัฐสภา 26 ต.ค.-ส.ส.ก้าวไกลระบุการประกาศสถานการณ์ร้ายแรงเป็นการเติมเชื้อไฟ จี้นายกฯยอมรับเป็นต้นตอปัญหา พรรคร่วมรัฐบาลต้องทบทวน สมการไปต่อไม่ได้ เรียกร้องปล่อยตัวแกนนำ
นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.ก้าวไกล อภิปรายในการประชุมรัฐสภา สมัยวิสามัญ ว่า การชุมนุมท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา ยังไม่พบผู้ติดเชื้อในสถานที่ชุมนุม ส่วนเหตุการณ์วันที่ 14 ตุลาคม ที่นัดชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล โดยไม่ได้ปักหลักค้างคืน แต่รัฐบาลออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่กทม. และจับกุมผู้ชุมนุมและภาพเหตุการณ์ขบวนเสด็จ ผู้ชุมนุมไม่ได้ปักหลักอยู่ในเส้นทางที่ทราบว่าจะมีขบวนเสด็จตั้งแต่แรก รัฐบาลรู้ว่ามีเหตุชุมนุมในเส้นทางใด แต่ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดในการถวายอารักขา แต่กลับโยนความผิดให้ประชาชนและผู้ชุมนุม
“นายกรัฐมนตรียิ่งเติมเชื้อไฟ โดยอาศัยการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน สลายการชุมนุมไม่เป็นไปตามหลักสากล ทำให้เกิดความเกลียดชังระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้ยังเห็นว่าการเสนอญัตติการเปิดประชุมรัฐสภาครั้งนี้นายกรัฐมนตรีมีเจตนาปัดความรับผิดชอบ หลังจากที่เป็นศูนย์กลางของปัญหา ปกปิดความผิด แทนการหาทางออกของประเทศ จึงขอเรียกร้องนายกรัฐมนตรีเพิกถอนสถานการณ์ฉุกเฉิน ปล่อยตัวแกนนำที่ถูกคุมขัง และยุติการดำเนินคดีทุกข้อกล่าวหาของประชาชนและเปิดให้ใช้สิทธิเสรีภาพ ทางออกเริ่มต้น นายกรัฐมนตรีต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นตัวปัญหาให้ได้ก่อน เพราะที่ผ่านมามัวแต่เสพติดอำนาจ ลุแก่อำนาจ ถึงเวลาที่พรรคร่วมรัฐบาลต้องทบทวน เพราะสมการพล.อ.ประยุทธ์จะไปต่อไม่ได้” นายพิจารณ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย