ทำเนียบฯ 12 ต.ค.- นายกฯ นำทีมเศรษฐกิจแถลงสร้างความเชื่อมั่น ออกมาตรการกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ พร้อมขออย่าทำลายศักภาพของประเทศ และช่วยกันรักษาความสงบเรียบร้อย เคารพกฎหมาย ไม่ให้กระทบการเดินหน้าประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล นำโดย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ (21 ต.ค.) นำทีมเศรษฐกิจมาแนะนำเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทุกคนว่า รัฐบาลจะทำงานอย่างเต็มที่ และแก้ปัญหา เศรษฐกิจให้ได้อย่างระมัดระวังที่สุด ครอบคลุมทุกกลุ่มทุกมาตรการ โดยในการประชุมวันนี้ ได้อนุมัติมาตรการด้านเศรษฐกิจหลายเรื่อง ภารกิจที่รัฐบาลให้ความสำคัญ คือ มุ่งเน้นการดูแลบรรเทาปัญหา เศรษฐกิจ ปากท้อง ช่วยคนไทย ให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบาก รวมถึง ช่วยคนไทยกลับประเทศอย่างต่อเนื่อง
“นอกจากนี้ ยังมีสิ่งที่ ศบศ. และรัฐบาลกำลังดำเนินการ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตที่เกิดขึ้นทั่วโลก และปรับปรุงมาตรการต่างๆ ให้ดีขึ้น และออกมาตรการใหม่ๆ เพื่มเติม โดยต้องทำหลายมาตรการไปพร้อมกัน มีเป้าหมายหลัก คือการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ให้พอมีเงินใช้จ่าย ได้ และช่วยให้มีคนมีรายได้มาก ให้คนมีเงิน ออกมาใช้เงิน เพื่อหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ขอบคุณภาคเอกชน และภาคธุรกิจต่างๆ ที่ร่วมเวิร์คชอปกับรัฐบาล เพื่อนำเสนอความเห็นให้รัฐบาลได้รับทราบ ถึงความต้องการ และปัญหาอุปสรรค หลายภาคธุรกิจได้นำเสนอความคิดผ่านคณะกรรมการต่างๆ ซึ่งมีประโยชน์ให้กัยรัฐบาล เพื่อหาวิธีในการดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็ว สิ่งสำคัญที่สุด คือ การรวมไทยสร้างชาติ ทุกคนต้องร่วมมือกัน ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ เพื่อนำพาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า
นายกรัฐมนตรี กล่าว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีการอนุมัติ 3 มาตรการ ที่ช่วยกระตุ้นรายได้ในประเทศ คือ มาตรการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้ประชาชน 14 ล้านคน คนละ 1500 บาท มาตรการคนละครึ่ง เป็นการกระตุ้นค่าใช้จ่าย ซึ่งรัฐกับประชาชนออกคนละครึ่ง เน้นไปยังร้านค้าปลีก แต่ต้องมีขึ้นทะเบียน และเป็นการจ่ายเงินโดยตรง ผ่าย e-wallet และมาตรการ ช้อปดีมีคืน ประชาชนสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้ามาลดหย่อยภาษีได้ 30,000 บาท
“มาตรการที่ออกมาทั้งหมด เป็นการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่ม ซึ่งทั้ง 3 มาตรการ มีเป้าหมายดึงเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการหมุนเวียนทั้งระบบ ทั้งการผลิต การจ้างงาน ทำให้สามารถดำรงชีพอยู่ได้ แต่หากนำไปใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ ก็จะส่งผลต่อปัญหาของหนี้ครัวเรือน ดังนั้น ต้องใช้แนวทางตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะมีมาตรการอื่นๆ ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของไทยให้ได้ ซึ่งจากการติดตามการแก้ไขปัญหาของทั่วโลก และเมื่อเปรียบเทียบกับแนวทางของไทย มีความคล้ายคลึงกัน เพียงแต่ในบางประเทศมีฐานะทางเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่าไทย มีเงินมากกว่าเรา แต่ไทยต้องใช้เงินให้เหมาะสมกับงบประมาณที่มีอยู่
“ทุกประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจ และหลายประเทศก็แย่กว่าไทย และไทยยังมีศักยภาพอยู่ ดังนั้น ขออย่าทำลายศักยภาพของไทยเอง ด้วยเรื่องที่ไม่ควรจะทำ เพราะหากความเชื่อมั่นหายไป ก็ไม่สามารถดึงกลับมาได้ จะเกิดความเสียหาย เพราะขณะนี้อยู่ในช่วงการแข่งขันในการแก้ปัญหาโควิด-19 เป็นช่วงดำเนินการหลังโควิด-19 หากทำลายกันตอนนี้ ถึงเวลาจะฟื้นกลับมาไม่ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว พร้อมฝากทุกคนช่วยกันรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองให้มากที่สุด และเคารพกฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับคนอื่น ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการอยู่แล้ว และตนคงไม่ต้องไปสั่งการอะไรเพิ่มเติม .- สำนักข่าวไทย