พ.ร.บ.คำสั่งเรียกฯ ขัด รธน.กระทบการทำงาน

รัฐสภา 8 ต.ค.- “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” รับ คำวินิจฉัยศาลรธน. ชี้ พ.ร.บ. คำสั่งเรียกขัด รธน. อาจกระทบการทำงานของกรรมาธิการ


พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการ ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ขัดหรือแย้งและมีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 129 ว่า ได้เปิดรัฐธรรมนูญมาตรา 129 ดูแล้ว ซึ่งกำหนดให้สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา ตั้งกรรมาธิการ และรายงานผลให้ประธานสภาฯทราบ และมีอำนาจเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง ซึ่งคณะกรรมาธิการ ต่าง ๆ รวมทั้งกรรมาธิการ ป.ป.ช. ที่ตนเป็นประธาน ได้ปฏิบัติตามพ.ร.บ.คำสั่งเรียกมาโดยตลอด แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเช่นนั้นก็เป็นเรื่องที่สภาฯ จะต้องตั้งคณะทำงานพิจารณาศึกษาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะประเด็นศึกษาว่า กรรมาธิการ 35 คณะใช้คำสั่งเรียกตามพ.ร.บ.ดังกล่าวไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ มาตรา 129 ต้องปรับเปลี่ยนอย่างไร และเชื่อว่าการที่ไม่สามารถใช้คำสั่งเรียกตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว ไม่ได้มีปัญหาอะไร

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมานั้น อาจมีผลกระทบต่อการทำงานของคณะกรรมาธิการฯ ของตนบ้าง แต่อาจจะไม่มากนัก เพราะถ้าเป็นการเชิญหน่วยงานหัวหน้าส่วนราชการมาชี้แจง ก็ยังสามารถประสานงานกับรัฐมนตรีให้ดำเนินการสั่งการให้หัวหน้าส่วนราชการมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯ ได้ แต่จะเป็นปัญหาในกรณีของการเชิญภาคเอกชนมาชี้แจงเพื่อให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงที่คณะกรรมาธิการฯ อาจจะดำเนินการได้ไม่เต็มที่เพราะไม่มีอำนาจในการออกคำสั่งเรียกตามกฎหมายแล้ว ซึ่งจะทำให้การสรุปข้อเท็จจริงทำได้ไม่สมบูรณ์


พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีอำนาจตามพระราชบัญญัติ คําสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา แต่รัฐธรรมนูญมาตรา 129 ยังได้ให้อำนาจคณะกรรมาธิการในการทำงานได้อย่างเต็มที่อยู่ โดยมาตรา 129 ระบุว่า คณะกรรมาธิการมีอํานาจเรียกเอกสารจากบุคคลใด หรือเรียกบุคคลใดมาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความเห็นในกิจการที่กระทําหรือในเรื่องที่พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาอยู่นั้นได้ แต่การเรียกเช่นว่านั้นมิให้ใช้บังคับแก่ผู้พิพากษา หรือตุลาการที่ปฏิบัติตามหน้าที่ หรือใช้อํานาจในกระบวนวิธีพิจารณาพิพากษาอรรถคดี หรือการบริหารงานบุคคลของแต่ละศาล และมิให้ใช้บังคับแก่ผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ ในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามหน้าที่และอํานาจโดยตรงในแต่ละองค์กร ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ หรือตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง