กรุงเทพฯ 7 ต.ค.- กกต.เตรียมเรียกประชุม “ผอ.กกต.จว.- ปลัด อบจ.” รับเลือกตั้ง อบจ. “จรุงวิทย์” เผย มีความเป็นไปได้กำหนด 20 ธ.ค.เป็นวันเลือกตั้ง
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึง ไทม์ไลน์ในการเลือกตั้งท้องถิ่น หลังคณะรัฐมนตรีมีมติให้จัดการเลือกตั้งท้องถิ่น ว่า เรื่องวันเลือกตั้งขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กกต. จะเห็นว่าวันใดเหมาะสม ระหว่างวันที่ 13 ธันวาคม หรือ 20 ธันวาคม แต่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นวันที่ 20 ธันวาคม เนื่องจากวันที่ 13 ธันวาคม เป็นช่วงวันหยุดยาว ซึ่งจะมีความชัดเจนขึ้นหลังประชุม กกต. ในวันที่ 12 ตุลาคม นี้
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ จะเป็นครั้งแรก หลังใช้บังคับกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น ฉบับใหม่ กกต.จะเป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง รวมถึง วันรับสมัครของนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เป็นวันเดียวกันทั้ง 76 จังหวัด เพื่อสะดวกในการบริหารจัดการ และหลังจากที่ กกต.ประกาศให้มีการเลือกตั้ง ก็จะเริ่มนับหนึ่งในการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งจะจัดเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน ส่วนนายกและสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันทีตามกฎหมายกำหนด
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ยังกล่าวว่า ส่วนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งท้องถิ่น กกต.ได้ดำเนินการเสร็จแล้ว จากนี้ ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ จะเรียกประชุมผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัด ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งน่าจะเป็นปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด ที่ กรุงเทพฯ ก่อนที่ กกต.จะประกาศให้มีการเลือกตั้ง เพราะเมื่อ กกต.ประกาศให้มีการเลือกตั้งแล้ว ผู้สมัครก็จะเริ่มทำการหาเสียง ผู้อำนวยการเลือกตั้งก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการจัดการเลือกตั้ง ส่วนเรื่องการป้องกันทุจริตต่างๆ สำนักงาน กกต.ก็ได้เตรียมจะเสนอแผนให้ กกต.พิจารณา โดยจะครอบคลุม ทั้งเรื่องการปราบปรามและป้องกันทุจริต
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ยังกล่าวว่า ในส่วนของงบประมาณที่ กกต.ได้รับจัดสรร เพื่อใช้ในการเลือกตั้งท้องถิ่น ขณะนี้มีปัญหาอยู่บ้าง ว่าจะเพียงพอไปถึงควบคุมเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบอื่นหรือไม่ เพราะที่ใช้กับเลือกตั้ง อบจ. ขณะนี้ก็เหลืออยู่ไม่มาก เนื่องจากต้องมีการเพิ่มในส่วนมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ต้องมีในทุกหน่วยเลือกตั้งประมาณ 97,000 หน่วยเลือกตั้ง และยังต้องมีการอบรม กปน.หน่วยละ 10 คน รวมประมาณ 1 ล้าน แต่ถ้าไม่เพียงพอ ก็จะต้องขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มจากรัฐบาล .- สำนักข่าวไทย