ปชป.เสนอ 3 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

พรรคประชาธิปัตย์ 5 ต.ค.-ทีมเศรษฐกิจทันสมัยพรรคประชาธิปัตย์ เสนอ 3 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ต่อนายกรัฐมนตรี เปิดประเทศ เริ่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ เร่งการจ้างงาน จี้รัฐเร่งช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs รวมทั้งกลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจเพื่อสังคม


นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรค และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลงข่าวเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชง 3 ประเด็นหลักให้ภาครัฐ เร่งเปิดประเทศภายใต้มาตรการทางด้านสาธารณสุขเพื่อควบคุมโควิด-19 การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐหลังมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึงเพิ่มอัตราการจ้างงาน และพัฒนาฝีมือแรงงานให้สอดรับตลาดแรงงานยุคใหม่

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันแม้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศได้เริ่มคลี่คลายจากการบริหารจัดกการทางด้านสาธารณสุขของประเทศ ที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างดียิ่งจนได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ แต่สถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจในประเทศกลับแย่ลง และจะไม่พลิกฟื้นหากไม่เร่งแก้ปัญหา ซึ่งท้ายที่สุดแล้วผู้ประกอบการรายย่อยจะพากันไปต่อไม่รอด โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ต้องพึ่งพิงนักท่องเที่ยวต่างชาติ จึงมีข้อเสนอ 3 ประการเพื่อช่วยเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนี้


นายปริญญ์ กล่าวว่า 1. เร่งเปิดประเทศ เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนทางด้านเศรษฐกิจ โดยสามารถทำในรูปแบบจับคู่ธุรกิจกับบางประเทศเน้นประเทศที่มีความปลอดภัยจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด -19 อาทิ จีนในบางมณฑล นิวซีแลนด์ หรือเวียดนาม เป็นต้น รวมทั้งรีบตัดสินใจให้มีการรับนักท่องเที่ยวบางกลุ่มเข้ามาและพิจารณาลดระยะเวลาการกักตัวให้เหลือเพียง 7 วัน แต่ให้อยู่ภายใต้มาตรการการควบคุมของ ศบค. 2. เร่งให้มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณภาครัฐ ที่ยังมีความล่าช้าอยู่มาก โดยเน้นการให้เพื่อการช่วยเหลือในระยะยาว เช่นการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ มากกว่าการนำเงินไปแจกจ่ายเป็นครั้งคราว 3. เร่งให้เกิดการจ้างงานในทุกภาคส่วน รวมถึงให้ภาครัฐเข้ามาสนับสนุนในการ Up-Skill หรือ Re-Skill เพื่อเพิ่มการสร้างศักยภาพในการแข่งขันและเสริมทักษะ สมรรถนะให้สอดคล้องกับความต้องการของการจ้างงานในโลกปัจจุบัน

ด้านนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย กล่าวว่า นอกจากนี้อยากให้รัฐเร่งให้การช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs รวมทั้งกลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจเพื่อสังคม ที่กำลังประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจกันอย่างถ้วนหน้า โดยเฉพาะประเด็น 3 ประเด็นหลัก คือ 1. การเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากภาครัฐที่ยังมีข้ออุปสรรคอย่างมาก แม้สถาบันทางการเงินหลายแห่งแสดงความตั้งใจที่จะสนับสนุนทางด้านเงินทุน แต่ยังไม่สามารถทำให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ 2. กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง โดยให้รัฐมีนโยบายที่เอื้อต่อกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยในการซื้อสินค้าหรือบริการ บางรายการโดยการกำหนดคุณสมบัติบางส่วน เพราะผู้ประกอบการบางกลุ่มมีศักยภาพ แต่อาจมีความเสียเปรียบในเชิงการแข่งขันเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายใหญ่ 3. มาตรการทางด้าน ภาษี รวมถึงกฎ กติกา ทางด้านการค้าต่าง ๆ ที่จะช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถไปต่อได้ นอกเหนือจากการสร้างรายได้แล้ว ยังต้องมีมาตรการในการช่วยลดค่าใช้จ่ายร่วมด้วย

ทั้งนี้ในตอนท้ายนายปริญญ์ และนางดรุณวรรณ ยังได้เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี กล้าตัดสินใจในการเปิดประเทศ โดยการใช้โอกาสทางด้านสาธารณสุขมาช่วยแก้วิกฤตให้กับประเทศ ก่อนที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะไปต่อไม่ได้ และจะพากันตายทั้งเป็น หากรัฐไม่เร่งแก้ปัญหา.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้โรงอบลำไย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย

เพลิงไหม้โรงงานอบลำไย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่เร่งนำรถดับเพลิงเข้าระงับเหตุ เพื่อควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังพื้นที่ใกล้เคียง เบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้

พุ่งไม่หยุดราคาทองคำโลกนิวไฮอีก คาดไปต่อถึง 3 พันดอลลาร์/ออนซ์

ราคาทองคำตลาดโลกพุ่งแตะ 2,800 ดอลลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ นักวิเคราะห์คาดมีโอกาสพุ่งต่อถึง 3,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่งผลราคาทองไทยวันนี้ขึ้นต่อจากราคาปิดวานนี้ และทำนิวไฮเท่าวานนี้

ข่าวแนะนำ

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : คอมมาลา แฮร์ริส

รายงานศึกชิงทำเนียบขาว 2024 พาไปรู้จักกับนางคอมมาลา แฮร์ริส ที่เพิ่งได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ไม่กี่เดือนก่อนเลือกตั้ง เปรียบเหมือนการเปลี่ยนม้าใหม่กลางศึก หากชนะได้เธอจะกลายเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐด้วย

เปิดโครงการ “เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต” ครั้งที่ 10

นายกฯ ควง “คุณหญิงพจมาน-ครอบครัว” นำ ครม.-ประชาชน ร่วมโครงการเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สาว อบต.ตกใจ ตำรวจตามรอยเงิน 39 ล้านบาท ที่แท้ชื่อซ้ำกัน

สาว อบต. ตกใจ ตำรวจมาถึงที่ทำงาน ถามถึงเงิน 39 ล้านบาท ที่แท้ชื่อซ้ำกัน ยันไม่เคยรู้จัก “มาดามอ้อย-ทนายตั้ม” มาก่อน