กองทัพไทย 30 ก.ย. – “พล.อ.พรพิพัฒน์” ไม่ตอบ หลังเกษียณอายุราชการจะทำอะไร แต่ยืนยันไม่เล่นการเมือง พร้อมให้กำลังใจผู้บัญชาการเหล่าทัพ คนใหม่ ในการทำหน้าที่ที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทายของประเทศ ย้ำให้ กองทัพช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 ก.ย.) กองบัญชาการกองทัพไทยจัดพิธีมอบหน้าที่การบังคับบัญชาตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ระหว่าง พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี กับ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ณ ลานอเนกประสงค์ กองบัญชาการกองทัพไทย มีรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด รองเสนาธิการทหาร หัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำสำนักผู้บัญชาการทหารสูงสุด หัวหน้าส่วนราชการภายในกองบัญชาการกองทัพไทย และผู้แทนส่วนราชการ กองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมเป็นเกียรติในพิธี
ทั้งนี้ ก่อนพิธีส่งมอบหน้าที่ พล.อ.พรพิพัฒน์ ได้ให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพใหม่ ประกอบด้วยพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ว่าที่ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ว่าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ว่าที่ผู้บัญชาการทหารอากาศ และพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาแทนพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าพบ และมอบของที่ระลึก และว่า หลังจากนี้จะส่งมอบการบัญชาคับบัญชา และการประชุมผู้บัญชาการทางทหาร ให้กับ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด คนใหม่ เป็นผู้รับผิดชอบ
จากนั้น พล.อ.พรพิพัฒน์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่าได้ให้กำลังใจผู้บัญชาการเหล่าทัพ คนใหม่ ในการทำงาน จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ท้าทายของประเทศไทย ที่จะต้องเผชิญกับภาวะทางเศรษฐกิจที่เป็นปัญหาเร่งด่วน และกองทัพจะต้องยืนหยัดดำรงความพร้อม ทั้งการสนับสนุนขับเคลื่อนประเทศชาติได้ต่อไป กองทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องพัฒนาศักยภาพ จะบกพร่องไม่ได้ ในขณะที่งบประมาณมีข้อจำกัด ต้องปรับตัว ปรับกลไกทุกด้านให้สอดคล้อง โดยเฉพาะกองทัพบก จะต้องเน้นเรื่องภารกิจช่วยเหลือประชาชน โดยใช้ขีดความสามารถของกองทัพที่มีอยู่
เมื่อถามว่า ให้คำแนะนำกับการทำหน้าที่ในตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ของผู้บัญชาการเหล่าทัพ คนใหม่ อย่างไร พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า คิดว่าทุกคนคงใช้ดุลพินิจระหว่างกัน ว่าการแสดงบทบาทของผู้บัญชาการเหล่าทัพ ในฐานะที่เป็นสมาชิกวุฒิสภาจะดำเนินการอย่างไร คาดว่าแต่ละคนคงจะแถลงแนวทางในอนาคตอันใกล้นี้
ต่อข้อถามถึงความเป็นห่วงต่อบ้านเมืองในปัจจุบัน หลังจากเกษียณอายุราชการแล้ว พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าในที่สุดแล้ว ประเทศไทยจะมีความเป็นพิเศษ คือเรื่องความรู้นักสามัคคี ความปรองดองเท่านั้น ที่จะนำพาประเทศชาติไปได้ ความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติ
“ถ้านำเรื่องความเห็นต่างมาช่วยเสริม และกำหนดทิศทางด้วยกันบนพื้นฐานว่าเราจะรักกัน เราอยากเห็นประเทศไทยเดินหน้าไปอย่างสงบสุข แบบที่ไม่ต้องสร้างความขัดแย้ง เชื่อว่าในที่สุดประเทศไทยก็จะเห็นทางสว่าง และประสบความก้าวหน้า” พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าว
เมื่อถามว่า หลังเกษียณอายุราชการแล้วจะทำอะไร พล.อ.พรพิพัฒน์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม แต่ได้ยืนยันว่าจะไม่เล่นการเมืองแน่นอน เพราะไม่ถนัด .- สำนักข่าวไทย