จำคุกอดีตอธิบดี ปค. 3 ปี คดีทุจริตสอบนายอำเภอปี 52

ศาลอาญา 29 ก.ย.- ศาลอาญาคดีทุจริตฯพิพากษาจำคุก 3 ปีไม่รอลงอาญา อดีตอธิบดีกรมการปกครอง อดีตผอ.ส่วนกำนันผู้ใหญ่บ้าน ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ157 ทุจริตการสอบนายอำเภอปี 52 ส่วนผู้เข้าสอบ 103 คน โดนคุกระนาวคนละ2ปีปรับ1.2หมื่นบาท แต่รอลงอาญา 2 ปี


ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง ซอยสีคาม ถ.นครชัยศรี ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีที่ พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมการปกครอง จำเลยที่ 1 นายสำราญ ตันเรืองศรี อดีต ผ.อ.ส่วนกำนันผู้ใหญ่บ้านจำเลยที่ 2 นายครรชิต สลับแสง อดีตเลขานุการกรมการปกครองจำเลยที่ 3 กับพวกรวม 119 คน (จำเลยที่ 4-119 เป็นผู้สอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ มีนายคิม ปรีเปรม อดีตเลขานุการส่วนตัวของอดีตอธิบดีกรมการปกครองเป็นจำเลยที่ 117)

คำฟ้องระบุว่า ระหว่างวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2552 ถึงวันที่ 12 มิถุนายน 2552 เวลากลางวันต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1 ขณะดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครองและจำเลยที่ 2 ขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการส่วนกำนันผู้ใหญ่บ้าน สำนักบริหารการปกครองท้องที่ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและทุจริต โดยมีจำเลยที่ 3 ถึงจำเลยที่ 119 ร่วมช่วยเหลือสนับสนุนในการกระทำผิด กล่าวคือ จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ร่วมกับนายวุฒิชัย เสาวโกมุท ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง ซึ่งมีหน้าที่จัดระบบและบริหารงานบุคคล ตลอดจนรับผิดชอบการคัดเลือกข้าราชการเข้าศึกษาอบรมหลักสูตรนายอำเภอ ในขณะนั้น


วางแผนและกระทำการช่วยเหลือผู้เข้าทดสอบคัดเลือกข้าราชการเข้าอบรมหลักสูตรนายอำเภอประจำปีงบประมาณ 2552 ตามรายชื่อจำนวน 150 รายชื่อที่ จำเลยที่ 3 นำมาให้เป็นผู้ผ่านการทดสอบคัดเลือก ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งของผู้มีอำนาจการเมืองขณะนั้น โดยจำเลยที่ 1 และนายวุฒิชัย ซึ่งเป็นคณะกรรมการคัดเลือกข้อสอบอัตนัยได้ทำการคัดเลือกข้อสอบอัตนัย ภาคความรู้ ความสามารถทั่วไปที่นายวุฒิชัย เป็นผู้ออกข้อสอบข้อหนึ่ง และคัดเลือกข้อสอบอัตนัย ภาคความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่งที่จำเลยที่ 2 เป็นผู้ออกข้อสอบอีกข้อหนึ่ง เพื่อใช้ในการทดสอบคัดเลือกข้าราชการเข้าอบรมหลักสูตรนายอำเภอประจำปีงบประมาณ 2552 เพื่อให้จำเลยที่ 2 และนายวุฒิชัยจะได้เป็นผู้มีหน้าที่ในการตรวจข้อสอบ

ต่อมาเมื่อการทดสอบคัดเลือกแล้วเสร็จ นายวุฒิชัย โดยการรู้เห็นสั่งการของจำเลยที่ 1 ได้นำข้อสอบอัตนัยมาเก็บรักษาไว้ ตามอำนาจหน้าที่ของตน จากนั้นนายวุฒิชัย ได้ร่วมกับจำเลยที่ 3 ทำการจัดเรียงลำดับรายชื่อ จำนวน 150 รายชื่อดังกล่าวข้างต้น ให้เป็นผู้ผ่านการทดสอบเพื่อให้ได้ลำดับและรุ่นที่เข้าอบรมตามความต้องการของผู้มีอำนาจการเมือง นายวุฒิชัย ได้จัดทำเอกสารการลงคะแนนวิชาภาคความรู้ความสามารถทั่วไป โดยนายวุฒิชัยเป็นผู้ลงนามรับรองคะแนนในฐานะเป็นผู้ตรวจให้คะแนน และจัดทำเอกสารการลงคะแนนวิชาภาคความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่งไปให้จำเลยที่ 2 ซึ่งได้รับมอบหมายให้ตรวจข้อสอบอัตนัยข้อวิชาความรู้ความสามารถ เฉพาะตำแหน่งที่ตนเป็น ผู้ออกข้อสอบ ทำการตรวจข้อสอบและกรอกคะแนนที่ได้จากการตรวจข้อสอบลงในเอกสารดังกล่าว

แต่จำเลยที่ 2 กลับกระทำโดยมิชอบลงชื่อรับรองเป็นหลักฐานว่าตนเป็นผู้ทำการตรวจข้อสอบในเอกสารการลงคะแนนทั้งที่ตนไม่ได้ทำการตรวจข้อสอบจริง ตามที่ได้รับมอบหมายแต่อย่างใด จากนั้นส่งมอบคืนให้นายวุฒิชัย นำกลับไปใช้กรอกข้อความลงคะแนนเท็จ ช่วยให้ผู้เข้าทดสอบที่มีรายชื่อจำนวน 150 คน จนได้รับการคัดเลือกเข้าอบรมหลักสูตรนายอำเภอประจำปีงบประมาณ 2552 รุ่นที่ 68, 69 และ 70 ตรงตามที่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ได้วางแผนร่วมกับนายวุฒิชัย อันเป็นการรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นอันเป็นเท็จและรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จ ทั้งนี้เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ผู้เข้าทำการทดสอบที่มีรายชื่อจำนวน 150 คน ให้ผ่านการคัดเลือกเข้าอบรมหลักสูตรนายอำเภอประจำปีงบประมาณ 2552


ภายหลังจากมีการประกาศรายชื่อบุคคลผู้ผ่านการทดสอบและผู้ผ่านการทดสอบอยู่ระหว่างทำการอบรมหลักสูตรนายอำเภอรุ่นที่ 68, 69 และรุ่นที่ 70 อยู่นั้น จำเลยที่ 1 และนายวุฒิชัย ได้ร่วมกันวางแผนและกระทำการปกปิดการกระทำผิด โดยจำเลยที่ 1 สั่งการให้จำเลยที่ 117 ตัวแทนรุ่นที่ 68 จำเลยที่ 119 กับจำเลยที่ 76 ตัวแทนรุ่นที่ 69 และจำเลยที่ 103 ตัวแทนรุ่นที่ 70 มารับตัวอย่างคำตอบข้อสอบอัตนัยวิชาความรู้ความสามารถทั่วไปและวิชาความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่ง จำนวนหลายแบบและสมุดกระดาษคำตอบเปล่าที่เหลือจากการทดสอบ จากนายวุฒิชัยเพื่อนำไปให้ผู้ที่เข้าศึกษาอบรมในรุ่นที่ 68, 69 และ 70 ที่อยู่ในรายชื่อที่ได้รับการช่วยเหลือให้ผ่านการทดสอบ จำนวน 150 รายชื่อ ทำการเขียนคำตอบขึ้นใหม่ลงใน-สมุดกระดาษคำตอบเปล่าโดยจำเลยที่ 117 ได้นำกลับไปให้จำเลยที่ 118 และจำเลยที่ 4 ถึงจำเลยที่ 49 รวมถึงตนเอง ซึ่งขณะนั้นอยู่ระหว่างศึกษาอบรมหลักสูตรนายอำเภอรุ่นที่ 68 ทำการเขียนคำตอบตามแบบตัวอย่างที่รับมาลงในสมุดกระดาษคำตอบเปล่า

ส่วนจำเลยที่ 119 กับจำเลยที่ 76 ได้นำกลับไปให้จำเลยที่ 50 ถึงจำเลยที่ 75 และจำเลยที่ 77 ถึงจำเลยที่ 88 รวมถึงตัวจำเลยที่ 119 กับจำเลยที่ 76 ซึ่งขณะนั้นอยู่ระหว่างการศึกษาอบรมหลักสูตรนายอำเภอรุ่นที่ 69 ทำการเขียนคำตอบตามแบบตัวอย่าง ที่รับมาลงในกระดาษคำตอบเปล่า ส่วนจำเลยที่ 103 ได้นำกลับไปให้จำเลยที่ 89 ถึงจำเลยที่ 102 และจำเลยที่ 104 ถึงจำเลยที่ 116 และนายชูชีพ มหโชค ซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง รวมถึงตนเองซึ่งขณะนั้นอยู่ระหว่างการศึกษาอบรมหลักสูตรนายอำเภอรุ่นที่ 70 ทำการเขียนคำตอบตามแบบตัวอย่างที่รับมาลงในกระดาษ คำตอบเปล่าด้วยเช่นกัน จากนั้นจำเลยที่ 117 จำเลยที่ 76 และจำเลยที่ 103 ได้ทำการรวบรวมกระดาษคำตอบซึ่งเขียนขึ้นใหม่ดังกล่าว มามอบให้แก่นายวุฒิชัย

นายวุฒิชัย อาศัยโอกาสที่ตนเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ดูแล รักษาเอกสารกระดาษสมุดคำตอบด้วยความรู้เห็นสั่งการของจำเลยที่ 1 ได้กระทำการปลอมเอกสารกระดาษคำตอบโดยนำกระดาษคำตอบต้นฉบับจริงที่ได้จากการทดสอบออกจากปกสมุดคำตอบ แล้วนำกระดาษคำตอบที่เขียนคำตอบขึ้นใหม่ซึ่งรับมาจากจำเลยที่ 117 และจำเลยที่ 76 กับจำเลยที่ 103 มาใส่แทนที่กระดาษคำตอบต้นฉบับจริง ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ที่มาตรวจสอบสมุดคำตอบหรือผู้ที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบข้อทุจริตการสอบ เชื่อว่าสมุดคำตอบเป็นสมุดคำตอบที่แท้จริงที่ทำขึ้นโดย จำเลยที่ 4 ถึงจำเลยที่ 119 และนายชูชีพ มหโชค ในขณะที่มีการทดสอบจริงอันเป็นการปลอมเอกสารสมุดคำตอบโดยมิชอบต่อกฎหมาย

การกระทำของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 และนายวุฒิชัย เสาวโกมุท เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและทุจริต ตลอดจนปลอมแปลงเอกสารและทำเอกสารหลักฐานอันเป็นเท็จเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่กรมการปกครองและบุคคลอื่นที่เข้าทำการทดสอบแต่ไม่ผ่านการคัดเลือกเข้าศึกษาอบรมหลักสูตรนายอำเภอประจำปีงบประมาณ 2552 รวมถึงบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยมีจำเลยที่ 3 ถึงจำเลยที่ 119 และนายชูชีพ มหโชค ซึ่งมิใช่เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด เหตุเกิดที่ กรมการปกครอง แขวงราชบพิธ เขตพระนคร และเขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร, ค่ายธนะรัชต์ ตำบลเขาน้อย อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, วิทยาลัยการปกครอง อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี, ค่ายลูกเสือวชิราวุธ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 157, 161,162

โดยศาลพิเคราะห์เเล้วมีคำพิพากษาจำคุกอดีตอธิบดีกรมการปกครอง จำเลยที่ 1 ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ,ป.อ.มาตรา 161 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสารทำการปลอมเอกสารฯ,ป.อ.มาตรา 162 (1) (4) ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสารฯ ซึ่งได้กระทำการด้วยการรับรองอันเป็นเท็จฯ ให้ลงโทษตามมาตรา 157 ซึ่งเป็นบทหนักสุด ให้จำคุก 3 ปี โดยไม่รอการลงโทษ

สำหรับ อดีตผอ.ส่วนกำนันผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐสังกัดกรมการปกครอง จำเลยที่ 2 ผิดตามป.อ. มาตรา 157,162 (1) (4) ให้ลงโทษตามมาตรา 157 ที่เป็นบทหนักสุด จำคุก 3 ปี โดยไม่รอการลงโทษเช่นกัน

ส่วน อดีตเลขานุการกรมฯ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐสังกัดกรมการปกครอง จำเลยที่3 ผิดตามป.อ.มาตรา 157,162 (1) (4) ประกอบมาตรา 86 ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้กระทำความผิด จึงให้จำคุก 2 ปีโดยไม่รอการลงโทษ ฐานสนับสนุน ตาม มาตรา157, 86

กลุ่มประธานรุ่นและเลขารุ่นที่ไปช่วยเปลี่ยนข้อสอบ ซึ่งประกอบด้วย จำเลยที่ 48,76,103,117,119 พิพากษาลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนให้กระทำความผิดตามป.อ.มาตรา 157,162 (1) (4) ประกอบมาตรา 86 ให้จำคุกคนละ 2 ปี ไม่รอการลงโทษ ฐานสนับสนุนตามมาตรา157 ,86 อันเป็นบทหนักสุด

และกลุ่มผู้เข้าสอบที่ไม่ยอมรับว่ามีการเขียนข้อสอบใหม่ รวม 103 คน ประกอบด้วย จำเลยที่ 4-6,8-18,20-39,41-47,49-72,74-75,78-79,81-102,104,106-116,118 มีความผิดตามฐานเป็นผู้สนับสนุนกระทำความผิดตามป.อ.มาตรา 157 ,161 ประกอบมาตรา 86 ให้ลงโทษฐานเป็นผู้สนันสนุนกระทำความผิดตามมาตรา 157 ประกอบ 86 จำคุกคนละ 2 ปี และปรับคนละ 12,000 บาท โดยโทษจำคุกนั้น ให้รอการลงโทษไว้กำหนดคงละ 2 ปี

และพิพากษายกฟ้อง จำเลยที่ 7,37,40,73,77,80,105 ที่เป็นผู้เข้าสอบนั้นพยานหลักฐานยังฟังไม่ได้ว่ากระทำความผิด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

พล.อ.ณัฐพล เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย

มาเลเซีย 7 ส.ค.-พล.อ.ณัฐพล รมช.กห. เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย ก่อนถก GBC ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ บ่ายนี้ เมื่อเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้และเป็นเจ้าภาพของสถานที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC สมัยวิสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ Deputy Minister of Defence pays courtesy call on Malaysian Prime Minister before Extraordinary Session of Thailand […]

“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด จับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาส

กทม. 7 ส.ค.-“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด บุกจับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ก๊วนกิ๊กเก่า “สีกากอล์ฟ” หลังพบทุจริตยักยอกเงินวัด เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 ส.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปาตแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาฯ ป.ป.ท. นำกำลังตำรวจ บก.ปปป. และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เปิดปฏิบัติการ “กอล์ฟทีม EP.1” บุกค้นเป้าหมาย 3 จุด ใน จ.สุราษฎร์ธานี จ.พิจิตร และ จ.สมุทรสงคราม เพื่อจับกุมอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ และ คนใกล้ชิด ที่เคยพัวพันสัมพันธ์ฉาวสีกากอล์ฟ หลังพบกระทำผิดทุจริตยักยอกเงินวัดมาใช้ดูแลสีกา เป้าหมายจุดแรกที่เข้าตรวจค้นเป็นสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายทิวากร ดีไพร หรือ […]

มท.1 เด้งฟ้าผ่า ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี

เมืองทองธานี 7 ส.ค.-รมว.มหาดไทย สั่งเด้งฟ้าผ่า “ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี” ก่อนประชุมมอบนโยบายกระทรวงมหาดไทย เหตุมีปัญหาเบิกจ่ายงบประมาณดูแลประชาชนได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยก่อนการประชุมมอบนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ว่า ได้มีการสั่งย้าย ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้มาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย หลังมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณในการช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีการเบิกงบทดรองราชการจ่ายเพียง 55,600 บาท จากที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ 100 ล้านบาท ส่วนจะย้ายชั่วคราว หรือถาวรน้้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน เมื่อถามว่า จะรอผลสอบก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากันในรายละเอียด โดยคำสั่งจะออกในช่วงเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตาม มีการยืนยันจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ว่าได้เดินทางมาร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย​ แต่ปฏิเสธที่จะแสดง​ความเห็น​ และไม่ขอให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน.-315.-สำนักข่าวไทย

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]