สำนักงานป.ป.ช.28 ก.ย.-ป.ป.ช.ประเมินคุณธรรมความโปร่งใสภาครัฐ พบพฤติกรรมรับสินบนมีแนวโน้มลดลง เคร่งครัดการเบิกจ่ายงบถูกต้อง ผู้บริหารสั่งให้ทำผิดลดลง การบริหารมีธรรมาภิบาลมากขึ้น เอาทรัพย์สินราชการไปเป็นของส่วนตัวลดลง แต่เจ้าหน้าที่รัฐยังไม่มั่นใจการจัดการเรื่องทุจริต
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)จัดงาน “ITA DAY 2020 – Talks and Result Announcement” ภายในงานจัดเวทีสนทนาและประกาศผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 โดยพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช. บรรยายหัวข้อ “การประกาศผลการประเมิน ITA ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 : ข้อค้นพบเกี่ยวกับคุณธรรมและความโปร่งใสของหน่วยงานภาครัฐในสายตาของคนไทยทั่วประเทศ” ว่า คะแนนเฉลี่ยนปี 2563 อยู่ที่ 67.90 คะแนน หรือระดับ c โดยหน่วยงานที่ได้คะแนนสูงสุดคือธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้คะแนน 99.60 ส่วนองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) สะอาด จ.ร้อยเอ็ด ได้ 28.16 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนต่ำสุด
ประธานป.ป.ช. กล่าวว่า หน่วยงานที่ผ่านเกณฑ์หรือได้คะแนน 80 คะแนนขึ้นไปเพียงร้อยละ 13.19 ซึ่งผลการประเมินเมื่อจำแนกตามประเภทหน่วยงานพบว่าประเภทองค์กรศาลได้ 91.41 คะแนน ระดับ A ประเภทองค์กรอัยการ ได้ 71.30 คะแนน ระดับ C ประเภทองค์กรอิสระ ได้ 89.44 คะแนน ระดับ A ประเภทหน่วยงานในสังกัดรัฐสภา ได้ 93.06 คะแนน ระดับ A ประเภทกรมหรือเทียบเท่า 85.59 คะแนน ระดับ A ประเภทรัฐวิสาหกิจ ได้ 85.60 คะแนน ระดับ A ประเภทองค์กรมหาชน ได้ 85.02 คะแนน ระดับ B ประเภทหน่วยงานของรัฐอื่นๆ ได้ 83.47 คะแนน ระดับ B ประเภทกองทุน ได้ 83.42 คะแนน ระดับ B และประเภทสถาบันอุดมศึกษา ได้ 87.46 คะแนน ระดับ A
“ผลลัพธ์จากการประเมิน ITA เป็นสัญญาณที่ดีของการมีส่วนร่วมต่อต้านการทุจริต ซึ่งมีคนร่วมประเมิน 1,301,665 คน มากขึ้นกว่าปี 2562 ส่วนเรื่องการบรรลุเป้าหมายที่กำหนดให้ในปี 2565 ต้องมีหน่วยงานได้คะแนนจากการประเมิน 85 คะแนน ร้อยละ 80 ของทุกหน่วยงาน ถือเป็นเป้าหมายที่ยากและท้าทาย นอกจากนี้ยังพบว่ามี 499 หน่วยงานได้คะแนนระดับต่ำหรือค่าเป็น F ขณะที่หน่วยงานส่วนกลางค่าประเมินจะอยู่ในระดับกลางไประดับสูง” พล.ต.อ.วัชรพล กล่าว
ประธานป.ป.ช. กล่าวว่า ส่วนหน่วยงานส่วนภูมิภาคและหน่วยงานท้องถิ่นจะอยู่ในระดับกลางไปต่ำ และพบว่าหน่วยงานภาครัฐยังมีจุดอ่อนเรื่องการเปิดเผยข้อมูล รวมทั้งการพัฒนาเรื่อง e-service ซึ่งมีหน่วยงานที่พัฒนาได้เพียง 1,522 หน่วยงานเท่านั้น ขณะที่หน่วยงานส่วนใหญ่ยังให้บริการแบบ e-service ได้ ส่วนข้อค้นพบคุณธรรมความโปร่งใสของหน่วยงายรัฐในสายตาคนไทย พบว่า พฤติกรรมการรับสินบนมีแนวโน้มลดลง หน่วยงานภาครัฐเคร่งครัดต่อการเบิกจ่ายงบประมาณที่ถูกต้อง
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ส่วนการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแผนการใช้จ่ายงบประมาณและสร้างการรับรู้ด้านการใช้จ่ายงบประมาณยังไม่มากพอ หากเปิดเผยข้อมูล การรั่วไหลจะลดลง ขณะที่กลไกการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการใช้งบประมาณภายในหน่วยงานรัฐยังไม่มากเพียงพอ สำหรับพฤติกรรมของผู้บังคับบัญชาหรือผู้บริหารที่สั่งการให้ทำสิ่งไม่ถูกต้องมีทิศทางลดลง การบริหารงานภาครัฐมีธรรมาภิบาลมากขึ้น พฤติกรรมการเอาทรัพย์สินของราชการไปเป็นของส่วนตัวมีแนวโน้มลดลง แต่เจ้าหน้าที่รัฐยังไม่มั่นใจการจัดการเรื่องร้องเรียนการทุจริตในหน่วยงาน ซึ่งเรื่องนี้ยังเป็นปัญหาอยู่
“แม้ป.ป.ช.จะมีมาตรการการกันพยานหรือมาตรการการจ่ายเงินให้ผู้แจ้งเบาะแสการทุจริต ซึ่งศาลปกครองมีคำวินิจฉัยว่าป.ป.ช.สามารถจ่ายเงินให้ผู้แจ้งเบาะแสการทุจริตได้แล้ว จากก่อนหน้านี้ป.ป.ช.ไม่กล้าจ่าย เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ จึงหวังว่ามาตรการต่าง ๆ จะทำให้เจ้าหน้าที่รัฐมีความเชื่อมั่นมากขึ้น” ปรานป.ป.ช. กล่าว
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า หลังจากนี้จะเสนอผลการประเมินให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) รับทราบต่อไป คิดว่าผู้นำประเทศคงสนใจและอาจจะตกใจที่คะแนนยังอยู่ระดับต่ำ และจะนำผลการประเมิน ITA ไปเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายต่อแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือ ยกระดับการประเมินรวมทั้งเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการเปิดเผยข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ
ด้านนายวันฉัตร สุวรรณกิตติ ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ บรรยายในหัวข้อ “การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ : ความจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศและการเสริมสร้างความโปร่งใส” ว่า ITA สำคัญมาก เป็นเป้าหมายหนึ่งของแผนแม่บทในยุทธศาสตร์ชาติ หากหน่วยงานใช้ ITA เป็นเครื่องมือทำงานจะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ ITA ไม่ใช่เครื่องมือจับผิด ไม่ใช่เครื่องมือจับโกง แต่เป็นเหมือนเครื่องเตือนให้เห็นว่าหน่วยงานเราอยู่ตรงไหนและควรพัฒนาต่อไปอย่างไร
“ขอฝากหน่วยงานกว่า 8 พันหน่วยงาน ทำงานโดยใช้ ITA เป็นเครื่องมือพัฒนาการทำงานให้ไปถึงมาตรฐาน ส่วนการเปิดเผยข้อมูล เราเร่งเปิดมากขึ้นแล้ว หลายข้อมูลเข้าถึงได้และอยู่ในรูปแบบข้อมูลดิจิตอลทั้งหมด ดังนั้น หากทุกหน่วยงานช่วยกันเปิดเผยข้อมูล จะทำให้นำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐได้ เพื่อให้ประชาชนนำข้อมูลไปใช้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกคน” นายวันฉัตร กล่าว
นายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) บรรยายหัวข้อ “ไขปริศนา คอร์รัปชัน” ว่า ระหว่างปี 2558-2561 เรามีมาตรการและคำสั่งเกี่ยวกับการต่อต้านคอร์รัปชั่นกว่า 159 มาตรการต่อต้านคอร์รัปชั่น แต่ที่ผ่านมาการคอร์รัปชั่นยังไม่หมด การเปิดเผยข้อมูลจะเป็นประโยชน์กับประชาชน เพราะการแก้ปัญหาการคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องของทุกคน อย่าหวังให้รัฐบาลทำฝ่ายเดียว การเปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยเทคโนโลยีในปัจจุบันจะทำให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างแท้จริง และจะนำไปสู่ผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนทุกคน
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ “ไอติม” บรรยายหัวข้อ “องครักษ์พิทักษ์ประชาธิปไตย : การติดอาวุธเยาวชน ในการติดตามและตรวจสอบการเลือกตั้ง” ว่า การเป็นประชาธิปไตยกับการปรับดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีความสัมพันธ์กัน ประเทศใดที่มีประชาธิปไตยสูงจะทำให้ภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นดีขึ้น ดังนั้นการส่งเสริมประชาธิปไตยและการลดการทุจริตต้องทำควบคู่กัน
“อยากบอกภาครัฐ อย่ามองว่าการตรวจสอบภาคประชาชนเป็นศัตรู เพราะการตรวจสอบภาคประชาชนจะเสริมการตรวจสอบภาครัฐ ดังนั้น ควรสนับสนุนและอำนายความสะดวกการตรวจสอบของประชาชนทุกมิติ นอกจากนั้นภาครัฐจะต้องเปิดเผยข้อมูลที่เข้าถึงได้ง่าย และมีช่องทางชัดเจนในการแจ้งเหตุเพื่อป้องกันการทุจริต” นายพริษฐ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย