พช.ขับเคลื่อนบริหารจัดการหนี้ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี

กทม. 26 ก.ย. – พช.รวมพลังขับเคลื่อนการบริหารจัดการหนี้ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ตั้งเป้าให้ต่ำกว่า ร้อยละ 5 ทั่วประเทศ


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการการบริหารจัดการหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ประจำปีงบประมาณ 2563 โดยมีนางทรงลักษณ์ วรภัย ผู้ตรวจราชการกรม ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กล่าวรายงาน ในการนี้ได้เรียนเชิญ ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ มาเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้เรื่อง “การบริหารจัดการหนี้” ด้วย

การอบรมครั้งนี้ดำเนินการระหว่างวันที่ 25-26 กันยายน 2563 ณ โรงแรมเอบีน่า เฮ้าส์ หลักสี่ กรุงเทพมหานคร กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย ผู้อำนวยการกลุ่มงาน นักวิชาการพัฒนาชุมชนที่รับผิดชอบงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี และพนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี 235 คน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้จังหวัดมีแนวทางการดำเนินงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในด้านการแก้ไขปัญหาหนี้ค้างชำระของสมาชิกกองทุนฯ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถลดจำนวนหนี้ค้างชำระ รวมทั้งหาแนวทางป้องกันมิให้เกิดปัญหาซ้ำขึ้นมาอีก อันเป็นการลดภาระในการดำเนินงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจการจัดทำงบการเงิน การรวบรวมเอกสาร หลักฐาน ประกอบการจัดทำงบการเงินปี 2563 ให้ถูกต้อง และเพื่อเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การสะท้อนปัญหาของคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ


อธิบดี พช. กล่าวในการบรรยายว่า กรมการพัฒนาชุมชนขับเคลื่อนงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีได้อย่างมีประสิทธิภาพเห็นได้จากผลสำเร็จของร้อยละการบริหารจัดการหนี้ค้างชำระจากร้อยละ 30 เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ลดลงเหลือเพียงร้อยละ 9.30 ในช่วงเวลาเพียง 9 เดือน ซึ่งถือว่าเป็นการขับเคลื่อนงานที่มีประสิทธิภาพมาก และขอขอบคุณและให้กำลังใจในความทุ่มเท ตั้งใจ และเสียสละ เพื่อกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและประโยชน์ของสตรีทั่วประเทศ ในความสำเร็จดังกล่าวเป็นเพียงจุดเริ่มต้นในทิศทางที่ดีที่มีการขับเคลื่อนงานร่วมกับภาคีเครือข่ายในทุกภาคส่วน การขับเคลื่อนงานในเชิงรุกนั้นมี 3 ประเด็นหลักสำคัญ ได้แก่ การมุ่งเน้นการส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจให้กับสตรีได้นำเงินที่ได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์และตรงตามวัตถุประสงค์ รวมทั้งขยายโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนให้ครอบคลุม สื่อสารประชาสัมพันธ์ประโยชน์ของกองทุน เพื่อให้เป็นผลดีของส่วนรวมและประโยชน์ของพี่น้องประชาชน และความภาคภูมิใจของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีที่เป็นกองทุนของสตรี เพื่อสตรีทั่วประเทศ และที่สำคัญต้องให้เข้าใจว่าดอกเบี้ยที่เราเก็บกับสมาชิกเป็นแค่เพียงสิ่งที่แสดงออกถึงการมีส่วนร่วมในการดำเนินงานกองทุนฯ เท่านั้นเอง

ประเด็นที่ 2 คือเจ้าหน้าที่เราต้องเป็นพี่เลี้ยงให้กับคณะกรรมการฯ ระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ให้ขับเคลื่อนงานอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องประเมินความเสี่ยงทุกโครงการฯ ที่สมาชิกกองทุนฯ เสนอมาว่ามากหรือน้อยเพียงใด เช่น การเลี้ยงหมู ของกลุ่มสตรีจังหวัดเชียงราย เป็นโครงการที่มีความเสี่ยงต่ำ โอกาสที่จะขาดทุนแทบไม่มีเพราะเขาเลี้ยงหมูหลุม ไม่ได้ลงทุนโครงสร้างโรงเรือนต่างๆ อาหารก็หาในพื้นที่ เช่น ให้กินหยวกกล้วย เป็นต้น

ประเด็นที่ 3 คือการบริหารจัดการหนี้ มีรายได้ก็ต้องใช้หนี้ เราต้องควบคุมบริหารสัญญาให้เป็นไปตามกำหนด ต้องมีการติดต่อสื่อสารกับสมาชิกอย่างต่อเนื่องผ่านทั้งที่เป็นทางการ และไม่เป็นทางการ เช่นการตั้งกลุ่มไลน์สอบถามถึงปัญหาอุปสรรคในช่วงต้นของการอนุมัติเงินทุน ในระหว่างดำเนินกิจกรรม และสุดท้ายการชำระหนี้ด้วยความเป็นมิตร


นอกจากนี้ การขับเคลื่อนงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เปรียบเหมือนสายน้ำที่ไหลไปสู่สตรีทั่วประเทศ มีเจ้าหน้าที่และทีมงานเป็นต้นน้ำที่ต้องตระหนักในคุณค่าและความสำคัญของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี มีกลไกการขับเคลื่อนที่มีทั้งภาคประชาชน ภาครัฐ ภาคเอกชนหรือภาคประชาสังคม เป็นกลางน้ำ และปลายน้ำที่มีสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีที่ได้รับประโยชน์จากกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีให้เป็นกองทุนของการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของสตรี ครอบครัว และลูกหลายในรุ่นต่อ ๆ ไป

“ให้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเป็นน้ำในโอเอซิสกลางทะเลทรายของชีวิตสตรีและครอบครัว เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตรายครัวเรือน สู่หลายครัวเรือน ขยายเป็นชุมชน ตำบล อำเภอ จังหวัด และประเทศ”

อธิบดี พช. กล่าวทิ้งท้ายว่า “ความสำเร็จอยู่ที่คนทำงาน ทีมงานที่ขับเคลื่อน การตระหนักในคุณค่าและความสำคัญของกองทุน ระบบและเครื่องมือเป็นเพียงปัจจัยประกอบ หากมีความเชื่อมั่นและศรัทธาย่อมสามารถทำทุกสิ่งและผ่านไปได้”

ด้าน ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ กล่าวว่า การขับเคลื่อนงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี จำเป็นต้องสร้างเชื่อมั่นให้กับสมาชิกกองทุนฯ และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสาธารณชนทั่วไป ว่าสามารถเป็นแหล่งทุนในการในการสร้างงาน สร้างรายได้ และส่งเสริมพัฒนาศักยภาพสตรีให้มีความเข้มแข็งและมีศักยภาพได้อย่างแท้จริง โดยสำนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กรมการพัฒนาชุมชน ได้จัดจ้างที่ปรึกษาผู้ตรวจสอบบัญชีสากล (KPMG) หรือ Big 4 มาเป็นที่ปรึกษาในการวางแผนและจัดทำระบบการเงินและบัญชี โดยมีการทบทวนแนวทางของการจัดทำการเงินและบัญชีของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พร้อมร่วมกันวางแผนและออกแบบระบบการเงินและบัญชีที่มีความทันสมัย สามารถรองรับฐานข้อมูลขนาดใหญ่ และเป็นระบบที่ครอบคลุมในการปฏิบัติการอื่น ๆ เพื่อความถูกต้อง แม่นยำ และประเด็นสำคัญคือ เพื่อการได้รับการรับรองงบการเงิน ปีบัญชี 2562 จากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)

อย่างไรก็ตาม ประธานสภาสตรีฯ กล่าวในตอนท้ายว่า “กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจะเป็นกองทุนเพื่อสตรี และคุณภาพชีวิตสตรีที่ดีขึ้นต่อไป และเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนและพนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีทั่วประเทศที่ร่วมมือ ร่วมใจ ตั้งใจ และทุ่มเทในการดำเนินงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีได้อย่างเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพต่อไป” . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]