รัฐสภา 24 ก.ย.- “สาทิตย์” เตือน ส.ส. ส.ว.การลงมติร่างแก้ไข รธน. ส่งผลต่อสถานการณ์การเมืองของประเทศ ชี้การตั้งส.ส.ร.เป็นแนวทางหนึ่งคลี่คลายความขัดแย้ง ด้าน “จิราพร” ย้ำ ต้องผ่านร่างแก้ไข รธน. ชี้ หากไม่ผ่าน “พล.อ.ประยุทธ์” คืออุปสรรค
การประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาญัตติแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญฯ วันที่สอง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ฉบับ ว่าการลงมติที่จะเกิดขึ้นอีกไม่กี่ชั่วโมง จะส่งผลต่อสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศ ซึ่งขณะนี้เหตุผลที่มีการอภิปรายหลากหลายมาก ส่วนตัวเห็นว่าการลงมติจะมีผล ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดลดลงหรือมากขึ้น อย่างประเด็นการเสนอให้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. มายกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องมาหารือกันว่าจะทำประชามติเมื่อยกร่างเสร็จหรือไม่ หรืออีกทางหนึ่งก็เห็นว่าควรแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา อย่างการเลือกนายกรัฐมนตรี โดยมีการเสนอตัดอำนาจ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี ในมาตรา 272 และกลับมาใช้วิธีปกติ
นายสาทิตย์ กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้ถกเถียงเพียงในรัฐสภาเท่านั้น แต่จะเกี่ยวข้องกับจุดแตกหักทางการเมือง ยิ่งปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน ความรู้สึกแต่ละฝ่ายจะสุดโต่งมากขึ้น การให้เหตุผลของแต่ละฝ่ายจะกลายเป็นวาทกรรมสร้างความขัดแย้ง สถานการณ์บีบให้เลือกข้างมากขึ้น ยกตัวอย่างกรณีที่ถูกคุกคามเมื่อไม่เห็นด้วยในทางใดทางหนึ่ง จนขณะนี้มีการตั้งกลุ่มพลเมืองตรงกลาง เพื่อคิดรายประเด็น โดยไม่เอาตัวเองไปอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
นายสาทิตย์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญแต่ละฉบับมีบริบทสังคมและการเมืองแตกต่างกัน ปี 2540 แก้ปัญหารัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้าที่รัฐบาลผสมอ่อนแอ จึงทำให้รัฐบาลเข้มแข็ง แต่เมื่อเข้มแข็งมากไปจึงเกิดรัฐธรรมนูญ 50 แต่เมื่อมีปัญหาทางการเมือง ก็มีรัฐธรรมนูญปี 2560 และกลับไปเอาฉบับปี 2521 มาเป็นต้นแบบ ซึ่งตนเป็นหนึ่งในเสียงที่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญปี 2560 เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ แต่ตอนนี้ผ่านมา 2 ปีกว่า สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป รัฐธรรมนูญกลายเป็นจุดแตกหักทางการเมือง ทุกคนแสดงเหตุผลชัดเจน แต่ที่ลึกไปในจิตใจก็เกิดข้อกังวลความขัดแย้ง จนไปถึงผลกระทบต่อสถาบันต่าง ๆ จึงอยากให้ถามใจตัวเอง ว่าจะขจัดเงื่อนไขความขัดแย้งด้วยตัวเราหรือไม่ การรับร่างไปตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. เป็นแนวทางหนึ่ง โดยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งของฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ก็ยืนยันไม่แตะต้องหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ ดังนั้นวันนี้จึงเป็นวันแสวงหาความร่วมมือ จึงอยากให้ถามใจลึก ๆ ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งคลี่คลายความขัดแย้งอย่างไร ยังมีความหวังก่อนการลงมติไม่กี่ชั่วโมง และหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกันต่อ
ด้านน.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การทำประชามติรัฐธรรมนูญปี 2560 ถูกจำกัดการแสดงออก มีการจับกุมคุมขังผู้เห็นต่าง ไม่เป็นไปตามหลักการสากล และไม่ควรนำมาผูกมัดว่ารัฐธรรมนูญจะไม่สามารถแก้ไขได้ แต่ต้องสามารถปรับตามความเปลี่ยนแปลงในอนาคต แม้เนื้อในของรัฐธรรมนูญปี 2560 จะมีช่องทางให้แก้ไข แต่ขั้นตอนสลับซับซ้อน ยากแก่การแก้ไขจริง ขณะที่ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลเล็งเห็นว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหากว่าร้อยมาตราที่จำเป็นต้องแก้ไข
น.ส.จิราพร กล่าวว่า รัฐธรรมนูญกลายเป็นต้นเหตุความขัดแย้งในสังคม ล้าหลัง ไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก รวมถึงวิกฤติเศรษฐกิจ วิกฤตโรคระบาด เพราะรัฐธรรมนูญเป็นตัวกำหนดผู้ที่เข้าสู่อำนาจรัฐ ว่าจะใช้อำนาจรัฐเพื่อประชาชนหรือเพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งการแก้ไขรัฐธรามนูญเพียงแค่ ส.ส. และ ส.ว. เห็นชอบทั้ง 6 ญัตติ ก็จะนำไปสู่การเปิดประตูแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เคยถูกครหาว่าเป็นฉบับตอกฝาโลงประชาธิปไตย
ส่วนที่สมาชิกบางคนบอกสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน น.ส.จิราพร อภิปรายว่า ถ้าเทียบการได้ผู้นำที่ประชาชนไม่ได้เลือก และบริหารเศรษฐกิจพังพินาศ หากแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วทำให้คนไทยหลุดพ้นโครงสร้างและผู้นำแบบนี้ ก็ถือว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงไว้ต่อรัฐสภา และล่าสุดวันที่ 4 สิงหาคม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ให้ฟังข้อสรุปคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีข้อสรุปว่า รัฐธรรมนูญมีปัญหาต้องแก้ไข สอดคล้องกับข้อเรียกร้องนักเรียน นิสิต นักศึกษา ดังนั้นหากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการลงมติ สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ พูดจะเป็นเพียงวาทกรรมซื้อเวลา หลอกประชาชน และพล.อ.ประยุทธ์ จะกลายเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ.-สำนักข่าวไทย