ทำเนียบฯ 15 ก.ย.-ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ปรับปรุงการแต่งตั้งโยกย้าย และการพิจารณาบำเหน็จให้มีหลักเกณฑ์ชัดเจน
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. …. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตช.) เสนอ โดยร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว เป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และมีประเด็นเกี่ยวกับการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจและการพิจารณาบำเหน็จความชอบมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนเพื่อให้เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติไว้ในหมวด 16 การปฏิรูปประเทศ มาตรา 258 ง. ด้านกระบวนการยุติธรรม ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชบัญญัติที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า โดยมีสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติฯ สรุปได้ดังนี้ ร่าง พ.ร.บ.ที่ ตช.เสนอ เป็นการปรับปรุง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 โดยเป็นการดำเนินการตามหมวด 16 การปฏิรูปประเทศ และแผนการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม มีการแก้ไขในประเด็นสำคัญ 3 ประการ คือ 1.การบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจ มีการแบ่งสายงานเพื่อให้ข้าราชการตำรวจในแต่ละสายงานให้สามารถเจริญเติบโตตามสายงานด้วยความรู้ความชำนาญในสายงานของตนให้ชัดเจน แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มสายงาน คือ กลุ่มสายงานบริหาร กลุ่มสายงานอำนวยการและสนับสนุน กลุ่มสายงานสอบสวน กลุ่มสายงานป้องกันและปราบปราม และกลุ่มสายงานวิชาชีพเฉพาะ (ซึ่งเดิมไม่มีการกำหนด) ทั้งนี้ ให้กำหนดกระบวนการในการแต่งตั้งและการเลื่อนตำแหน่งให้ชัดเจน โดยคำนึงถึงอาวุโส ความรู้ความสามารถ และความพึงพอใจในบริการที่ประชาชนได้รับ และมีการกำหนดหลักเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจน เพื่อเป็นการลดการใช้ดุลพินิจของผู้บังคับบัญชา รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับกระบวนการแต่งตั้ง และการเลื่อนตำแหน่งของสายงานสอบสวนไว้เป็นการเฉพาะ (จากเดิมไม่มีการกำหนด)
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า 2.ปรับปรุงระบบ คกก. ยกเลิก คกก.เดิม คือ คกก.นโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) โดยให้มีเพียง คกก.ข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ทำหน้าที่ทั้งในการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์การบริหารราชการตำรวจ และกำกับดูแล ตช.ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย นโยบาย ยุทธศาสตร์ชาติ มติ ครม. และระเบียบแบบแผน รวมทั้งกำหนดนโยบายและมาตรฐานการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจและจัดระบบราชการตำรวจ กำกับดูแลการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ตลอดจนกำกับดูแลการจัดสรรงบประมาณให้แก่ส่วนราชการในหน่วยปฏิบัติให้เพียงพอ ให้มี คกก.พิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ เพื่อพิจารณาวินิจฉัย อุทธรณ์เรื่องร้องทุกข์ รวมทั้งการกำหนดระบบคุณธรรมเพื่อเป็นที่พึ่งของข้าราชการตำรวจในการปลดเปลื้องทุกข์ของข้าราชการต้ารวจที่เกิดจากผู้บังคับบัญชา ให้มี คกก.พิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ เพื่อเป็นกลไกสำหรับประชาชนในการร้องเรียนการปฏิบัติที่ไม่ชอบของข้าราชการตำรวจอันเป็นการปลดเปลื้องทุกข์ของประชาชน
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า 3.การเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการประชาชน ปรับปรุงการจัดระเบียบราชการใน ตช.ใหม่ โดยแบ่งส่วนราชการออกเป็น ระดับกองบังคับการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรจังหวัด และสถานีตำรวจ (จากเดิม แบ่งเป็น สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการ) เพื่อเป็นหน่วยงานที่ให้บริการประชาชนและใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด จะช่วยให้การบริการ ประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น กำหนดให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วมในกิจการตำรวจ โดยการให้เงินอุดหนุนแก่ สถานีตำรวจเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจในสถานีตำรวจนั้น ที่จะได้ร่วมกับท้องถิ่นในการจัดทำแผนหรือมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ที่สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละท้องถิ่น หรือชุมชน จัดตั้งกองทุนเพื่อการสืบสวน สอบสวน การป้องกันและปราบปราม การกระทำความผิดทางอาญาเพื่อเป็นแหล่งสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่ ของข้าราชการตำรวจ.-สำนักข่าวไทย