กรุงเทพฯ 7 ก.ย.-ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหา “ปารีณา” 2 เรื่อง หลังไต่สวนพบ แจ้งทรัพย์สินเป็นเท็จ-รุกที่ป่าขัดจริยธรรมร้ายแรง
รายงานข่าวจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เปิดเผยว่าความคืบหน้ากรณีคณะกรรมการป.ป.ช. ตั้งไต่สวน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ตอนนี้การไต่สวนคืบไปกว่าร้อยละ 90 โดย ป.ป.ช.ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อ น.ส.ปารีณาเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้น.ส.ปารีณา ได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาตามขั้นตอน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตรพ.ศ. 2561
ส่วนกรณีบุกรุกที่ดิน แยกเป็นสองส่วนด้วยกันคือ ส่วนที่ตำรวจทรัพยากร หรือ ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ได้ส่งเรื่องมาให้ ป.ป.ช. ดำเนินการเนื่องจากตำรวจทรัพยากรได้พิจารณาเห็นว่า เป็นการที่เจ้าหน้าที่รัฐบุกรุก แต่ทาง ป.ป.ช.เห็นว่า เรื่องนี้เป็นการกระทำความผิดในฐานะส่วนตัวและไม่ชัดเจนว่าเป็นการกระทำในฐานะ ส.ส. ดังนั้นการกระทำจึงเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งในส่วนนี้ได้ส่งเรื่องกลับไปให้ตำรวจทรัพยากรแล้ว แต่กรณีที่มีการบุกรุกที่ดินนี้ ป.ป.ช.กำลังพิจารณาในแง่ของจริยธรรม ซึ่งพบว่าอาจมีประเด็นจงใจ ที่จะกระทำความผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ที่ตามกฎหมายระบุว่า ป.ป.ช.มีอำนาจไต่สวนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ดังนั้นตอนนี้ ป.ป.ช.จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อ น.ส.ปารีณาแล้ว และหากไต่สวนแล้วพบว่า มีมูลความผิดจริง ก็จะส่งเรื่องไปยังอัยการ เพื่อให้ส่งฟ้องต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป
ทั้งนี้ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตรพ.ศ. 2561 ตามมาตรา 87 วรรคสอง ประกอบมาตรา 81 ที่ระบุไว้ ว่า หากคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวนและมีความเห็นว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย และหากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองประทับฟ้อง ให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา เว้นแต่ศาลฎีกาฯ จะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในกรณีที่ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ให้ผู้ต้องคำพิพากษานั้นพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลาไม่เกิน 10 ปีด้วยหรือไม่ก็ได้ หากผู้ใดถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไม่ว่ากรณีใด ผู้นั้นไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ. สำนักข่าวไทย