กทม 30 ส.ค.-รัฐบาลพร้อมรับฟังข้อเรียกร้องสมาคมฯ เร่งบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการยืนยันไม่ทิ้งชาวประมง
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีข้อเรียกร้องของสมาคมประมงให้มีการแก้ไขกฏระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบอาชีพประมง สืบเนื่องจากที่รัฐบาลได้ออกกฏระเบียบเพื่อแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย จึงขอชี้แจงให้ชาวประมงทราบว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจและดำเนินการไปแล้วในหลายด้าน อาทิ การแก้ไขกฎระเบียบ การรับซื้อเรือที่ได้รับผลกระทบจากระเบียบใหม่ การเสริมสภาพคล่อง โดยมีพล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ เป็นประธานคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ทำหน้าที่กำกับดูแลการทำงานของกระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้อง และรายงานความก้าวหน้าแก่นายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้กำหนดให้เรื่องการแก้ปัญหานี้เป็นวาระแห่งชาติ และเน้นย้ำให้การทำงานต้องเป็นไปอย่างรอบคอบไม่เสี่ยงต่อการถูกใบเหลืองจากสหภาพยุโรป อีกทั้งต้องควบคู่ไปกับการรับฟังเสียงชาวประมงด้วย
นางสาวรัชดากล่าวว่า ที่ผ่านมา กรมประมงได้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบให้เหมาะสมเพื่อผ่อนปรนและช่วยเหลือชาวประมง กว่า 12 เรื่อง อาทิ การแก้ไขรายการเครื่องมือทำการประมง การแก้ไขรายการพื้นที่ทำการประมง ส่วนการพัฒนาปรับปรุงระบบติดตามเรือให้มีประสิทธิภาพ ลดความยุ่งยากในการแจ้งเข้า-แจ้งออกของเรือประมงที่อยู่ในร่องน้ำเดียวกันอยู่ระหว่างดำเนินการ สำหรับการแก้ไขข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับประมงพื้นบ้าน 3 มาตรา และประมงพาณิชย์ 15 มาตรา ต้องเป็นไปตามขั้นตอนอย่างรอบคอบ โดยผ่านคณะกรรมการกลั่นกรองกฎหมาย ก่อนที่จะเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ
สำหรับการรับซื้อเรือประมงออกนอกระบบ ได้ดำเนินการเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มระยะเร่งด่วน (เรือประมงที่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายประมง หรือ เรือขาว-แดง) มี 568 ลำ รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้ครบถ้วนแล้ว 252 ลำ และ อีก 53 ลำ จะจ่ายครบถ้วนในเดือนตุลาคมนี้ คิดเป็นเงินเยียวยารวม 764.45 ล้านบาท ที่เหลือ 263 ลำ อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติ ส่วนกลุ่มที่ได้รับใบอนุญาตทำการประมง แต่เจ้าของเรือมีความประสงค์นำออกนอกระบบจำนวน 2,505 ลำ ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาหลักเกณฑ์ในการนำออกนอกระบบให้สอดคล้องกับความสามารถในการทำการประมงของเรือประมง ซึ่งรัฐบาลจะรับไปพิจารณาในลำดับต่อไป นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการประมง จะมีเงินทุนในการปรับปรุงเรือ ติดตั้งอุปกรณ์ และจ้างแรงงานให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด รัฐบาลได้อนุมัติโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำผ่านทางธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร วงเงินสินเชื่อรวม 10,300 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากผู้ประกอบการประมงทั้งพื้นบ้านและพาณิชย์ เห็นว่ามีประเด็นใดที่ไม่คืบหน้าหรือยังคงเป็นอุปสรรคต่อการประกอบอาชีพ นายกรัฐมนตรีพร้อมรับฟัง เพื่อหาทางออกร่วมกันในแนวทางที่จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งชาวประมงและภาคการประมงของประเทศ.-สำนักข่าวไทย