รัฐสภา 26 ส.ค.- สุทิน ย้ำหลักการเพื่อไทยแก้รัฐธรรมนูญ ม.256 เห็นต่างกับก้าวไกลไม่ใช่ความแตกแยก ยอมรับมวลชนมีพลังกดดันรัฐบาล แต่ยังไม่มากพอที่จะทำให้ ส.ว.ปิดสวิตซ์ตนเอง
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ความเห็นต่างเรื่องประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญกับพรรคก้าวไกล ไม่ใช่ความขัดแย้ง ที่ผ่านมาก็เคยมีความเห็นต่างที่พรรคก้าวไกลขอยืนตามความเห็นของพรรคในประเด็นพ.ร.บ.โอนกำลังพล พรรคเพื่อไทยก็เคารพและให้เกียรติ วันนี้พรรคเพื่อไทยก็ขอยืนตามมติของพรรค จึงได้ยื่นญัตติไปก่อนหน้านี้ แม้เพื่อไทยอยากจะปิดสวิตซ์ ส.ว.ให้เร็วที่สุดก็ตาม เพราะพรรคเพื่อไทยได้รับผลกระทบโดยตรง หากยังมีการคงอำนาจ ส.ว.เลือกตั้งครั้งหน้า หากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งอีกครั้ง ก็เชื่อว่าไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้
นายสุทิน กล่าวว่า แต่หากจะยื่นญัตติร่วมกับพรรคก้าวไกล ในมาตรา 269-272 อีกก็จะขัดหลักการของพรรคที่ต้องการให้ประชาชนเป็นผู้เขียน ผ่าน ส.ส.ร.ที่มาจากประชาชนเป็นผู้ดำเนินการ และเป็นไปไม่ได้ที่ ส.ว.จะยกมือปิดอำนาจของตัวเองในขณะนี้ เมื่อรู้ว่าจะแพ้ก็ไม่ควรยื่น แต่ควรจะทำเมื่อรู้ว่าจะชนะในการรบ เพราะเชื่อว่ายังมีช่วงเวลาที่เหมาะสม เมื่อสถานการณ์สุกงอม สังคมมีความชัดเจนและพลังของผู้ชุมนุมมากพอ เปรียบเสมือนวัยรุ่นกับคนมีประสบการณ์ วัยรุ่นเมื่อมีปัญหาก็อาจจะเดินเข้าไปชกเลย แต่คนที่มีประสบการณ์จะต้องประเมินกำลังก่อน พรรคเพื่อไทยจึงเห็นควรให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) แต่หาก ส.ส.ร.ยัง ไม่ดำเนินการก็จำเป็นจะต้องยื่นเอง ในช่วง3-4 เดือนข้างหน้าก็ได้แต่ไม่ใช่ในเวลานี้ก็
เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลมองว่าพลังมวลชนสามารถกดดันให้ส.ว.ปิดสวิตช์ตนเองได้ นายสุทิน กล่าวว่า ขอคาระวะมวลชนมีพลังมาก สามารถกดดันจนทำให้รัฐบาลยอมแก้รัฐธรรมนูญ แต่อาจจะไม่สามารถไปได้จนสุดซอยให้ ส.ว.ปิดสวิตซ์ตนเอง
ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มผู้ชุมนุมมีความชัดเจนว่าต้องการส.ส.ร.แต่หากวันนี้กลุ่มผู้ชุมนุมต้องการเปลี่ยนเป็นการแก้ไขรายมาตราเพราะบอกว่าการมี ส.ส.ร. ทำให้ล่าช้า ก็ต้องมาพูดคุยหารือกันถึงหลักการและความเป็นไปได้ อะไรที่เป็นไปได้ก็ต้องดำเนินการก่อน ตนเชื่อว่าวันนี้เห็นตรงกันในหลักการแต่ต่างกันในรายละเอียด.-สำนักข่าวไทย