ระยอง 25 ส.ค. – การประชุม ครม. นอกสถานที่ วันนี้นอกจากจะมีการพิจารณาอนุมัติโครงการต่างๆ ที่จะพัฒนาในกลุ่มพื้นที่ จ.ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา แล้ว ที่ประชุมยังจะมีการขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน รวมถึงการปรับปรุงมาตรการโครงการเราเที่ยวไปด้วยกัน
ก่อนประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเสนอความคืบหน้าและความก้าวหน้าของโครงการเขตพัฒนา EEC รวมทั้งแผนการขยายพื้นที่เศรษฐกิจและชุมชนโดยรอบสนามบินอู่ตะเภา โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำใน EEC เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำและน้ำท่วม รวมถึงแนวทางฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
ส่วนการประชุม ครม. วันนี้คาดว่าจะมีการเสนอปรับปรุงมาตรการท่องเที่ยว “เราเที่ยวไปด้วยกัน” พิจารณาต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน การลดหย่อนภาษีเงินได้ให้กับผู้ซื้อรถยนต์ใหม่ แต่งตั้งปลัดคมนาคมคนใหม่ และการขออนุมัติงบ 600 ล้านบาท เพื่อใช้ในการร่วมพัฒนาวัคซีนโควิด-19 กับมหาวิทยาลัยต่างประเทศ ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุได้ทำเรื่องไปยังสำนักงบประมาณแล้ว ส่วนจะเสนอ ครม. หรือไม่ อยู่ที่สำนักงบฯ
หลังประชุม ครม. ช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีจะเดินทางลงพื้นที่บนถนนหลวงสาย 3249 ตอนเขาไร่ยา-แพร่งขาหยั่ง กิโลเมตรที่ 3-164 อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี เพื่อเป็นประธานพิธี kick off เริ่มการใช้งานคอนกรีตหุ้มด้วยแผ่นยางธรรมชาติ หรือรับเบอร์ เฟนเดอร์ แบริเออร์ และหลักนำทางยางธรรมชาติเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การใช้กำแพงคอนกรีตหุ้มด้วยแผ่นยางธรรมชาติ และหลักนำทางยางธรรมชาติ ถือเป็นการปักหมุดโครงการนี้ในประเทศไทย โดยในวันนี้จะมีนิทรรศการเสมือนจริง ในการสาธิตขั้นตอนต่างๆ อย่างละเอียด ตั้งแต่การผสมยาง การขึ้นแบบ การอบ จนถึงการทาสีอุปกรณ์ทั้ง 2 ชนิด พร้อมรับชมการติดตั้งใช้งานบนถนนจริงด้วยเวลาอันรวดเร็ว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมยืนยันว่า 3 ปีแรกของโครงการจะมีการใช้ยางพาราจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ล้านตัน เกษตรกรชาวสวนยางพาราจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท และในช่วงปีที่ 3 วัสดุยางพาราจะเสื่อมสภาพ หมดอายุการใช้งาน ในปีต่อไปต้องใช้ยางพารามาผลิตวัสดุยางพาราใหม่ หมุนเวียนไปทุกๆ ปี ทำให้เกิดเสถียรภาพการใช้ยางพาราอย่างยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย