กทม.16ส.ค. –นักวิชาการประเมิน 2ทิศทางสถานการณ์ม็อบไม่คลี่คลายก็บานปลาย แนะยึดหลักไม่ใช้ความรุนแรง ใช้สันติวิธี ใช้กลไกรัฐสภา และแก้รธน.รวมทั้งเปิดเวทีพูดคุยโดยรัฐไม่ถือธงนำ
นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ประเมินการชุมนุมในวันนี้ (16ส.ค.)ว่า เป็นการชุมนุมแบบไม่ต่อเนื่องและไม่ปักหักพักค้าง แต่จะมีลักษณะกระจายตัวไปในต่างจังหวัดและสถานศึกษา ซึ่งหลังจากนี้ถือว่ามีความเสี่ยง เพราะมีทั้งฝ่ายเรียกร้องและไม่สนับสนุนการชุมนุม ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่เสี่ยงจะเกิดสถานการณ์ม็อบปะทะม็อบ ดังนั้นประเด็นสำคัญขณะนี้คือทุกฝ่ายต้องยึดหลักไม่ใช้ความรุนแรงแต่ต้องใช้สันติวิธี
นายยุทธพร กล่าวว่า หลังการชุมนุมวันนี้(16ส.ค.) สถานการณ์การเมืองอาจคุกรุ่น และมี2 ทิศทาง ซึ่งมีปัจจัยต่างกัน คือสถานการณ์คลี่คลาย และสถานการณ์บานปลาย คือต้องยึดหลักร่วมกันไม่ใช้ความรุนแรง ใช้สันติวิธี เปิดเวทีพูดคุย ที่ไม่ใช่รัฐถือธงนำ อาจเป็นเวทีที่จัดโดยตัวกลางที่น่าเชื่อถือ เช่นสถาบันการศึกษา และที่สำคัญต้องแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อลดกระแสต่างๆ เพราะในสังคมตกผลึกร่วมกันว่าควรมีการแก้ไข และเห็นว่าต้องใช้กลไกระบบรัฐสภา อาศัยมาตรา 156 เปิดพื้นที่ พูดคุย ในสภาฯเพื่อหาทางออกร่วมกัน ตั้งกรรมาธิการรับฟังความเห็น เมื่อกลไกทำงานได้ รัฐสภาจะเป็นกลไก แก้ปัญหามากกว่าการเมืองท้องถนน ทั้งนี้ถ้ามีปัจจัยหนุนให้สถานการณ์บานปลาย เช่น วาทะกรรมเกลียดชัง หรือข่าวปล่อย ประเด็นปัญหาก็สามารถเกิดขึ้นได้
“การที่มี Hate Speech และข่าวปลอม หรือ fake news มีโอกาสเกิดขึ้นได้ ทุกฝ่ายต้องถอดบทเรียน ว่าวาทะกรรมเกลียดชังทำให้บานปลาย รุนแรง จึงต้องไม่มีการยั่วยุ เพราะมีบทเรียนมาแล้ว ปัจจุบันมีการสื่อสารทางโซเชียลและมีหลายปัจจัยที่อาจส่งผลให้เกิดการเมืองผันผวนมากกว่าเดิม หากกลไกรัฐสภา แก้ไม่ได้โอกาสที่จะทำให้ความขัดแย้งบานปลายมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการปะทะกันของผู้ชุมนุมและเป็นเงื่อนไขไปสู่การรัฐประหารซึ่งสันติวิธีน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด สังคมควรร่วมกันตระหนักและใช้สันติวิธีในการหาทางออก”นายยุทธพร กล่าว .-สำนักข่าวไทย