กรุงเทพ 16 ส.ค. – สติธร ชี้ ม็อบยกระดับชุมนุมเหตุแกนนำถูกจับ ชี้ทางออกคือถอยคนละก้าว จัดเวทีพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา ขอรัฐบาลให้นักศึกษาได้แสดงความคิดเห็นภายใต้กรอบกฎหมาย |
นายสติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตยกล่าวถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษา ว่า การที่มีแกนนำถูกจับกุมทำให้กระทบต่อความรู้สึกของผู้ชุมนุม จึงมีการยกระดับข้อเรียกร้องจนนำมาสู่การนัดชุมนุมใหญ่ในวันนี้ (16ส.ค.)ซึ่งถือว่าเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงปัจจัยจากรัฐบาลที่ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องช้าหรือเพิกเฉย จึงเร่งให้เกิดการยกระดับการชุมนุมเร็วขึ้น ส่วนเหตุการณ์จะบานปลายหรือไม่เนื่องจากในขณะนี้มีกลุ่มเห็นต่างกับผู้ชุมนุมออกมามากขึ้น นายสติธร กล่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมที่เห็นต่างมองว่ายังเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์และผู้ที่เห็นต่างจริงๆยังคงเคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดียและคงยังไม่ออกมาชุมนุมคู่ขนานเพราะไม่อยากออกมาให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน ซึ่งบางส่วนก็รอจังหวะที่หากการชุมนุมของนักศึกษาเกินกว่าความอดทนอดกลั้นก็อาจจะออกมาเคลื่อนไหว เมื่อถามว่าเหตุการณ์จะกลับไปรุนแรงเหมือนในอดีตหรือไม่
นายสติธร กล่าวว่า อยู่ที่ท่าทีของคนที่เห็นด้วยกับข้อเสนอของผู้ชุมนุมใหญ่ในวันนี้(16ส.ค.)หรือไม่แค่ไหน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นเก่า ซึ่งจะออกมาในรูปแบบของการเข้าไปร่วมชุมนุมด้วย เพราะขณะนี้คนรุ่นเก่าส่วนใหญ่ยังแสดงความเห็นด้วยแค่ในโซเชียล แต่หากออกมาเข้าร่วมด้วยก็ถือว่าตอบรับข้อเรียกร้อง ต้องรอประเมินจากสัดส่วนคนที่ออกมาชุมนุมเป็นหลัก เมื่อถามว่าการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายสติธร กล่าวว่า หากยังรักษาระดับของการชุมนุมไว้ และมีเวทีของการพูดคุยกันน่าจะเป็นทางออกของคนที่เห็นด้วยและเห็นต่าง ซึ่งจะเป็นทางออกของปัญหานี้
เมื่อถามว่าการแก้รัฐธรรมนูญใช่ทางออกและมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะแก้ไขได้สำเร็จ นายสติธร กล่าวว่าท่าทีการตอบสนองจะต้องมีความชัดเจนไม่เต็มไปด้วยเงื่อนไข ลดข้อจำกัดและทำให้รวดเร็วโดยเฉพาะการแก้ไขมาตราที่เปิดช่องให้สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญในเนื้อหาสาระได้ และมีขั้นตอนที่ชัดเจนที่จะเดินไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่ามีอย่างไรบ้างและนำไปสู่การทำประชามติ ไม่ใช่แค่มีเวทีรับฟังทุกภาคส่วนเพียงอย่างเดียวแล้ว ทุกอย่างต้องชัดเจนกว่านี้ พร้อมเห็นว่าทางออกที่ดีที่สุดของทั้งรัฐบาลและนักศึกษาเพื่อไม่ให้มีการชุมนุมขยายวงกว้าง คือต้องมีเวทีพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาและมีเงื่อนไขว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายก่อนที่จะมีการนำประเด็นอ่อนไหวมาทำให้สถานการณ์แย่ลง
“หากทุกคนยึดข้อเสนอของตัวเองมากเกินไปไม่ยอมรับฟังความเห็นใครเลยก็ไปต่อไม่ได้ เพราะผู้ชุมนุมก็อาจต้องการการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและยกระดับข้อเรียกร้องเกินไป ในขณะที่รัฐบาลต้องการรักษาความสงบเรียบร้อย และต้องการเปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งถ้าไม่มาคุยกันและไม่หาจุดที่พอจะเดินหน้าไปด้วยกันได้ จึงต้องมีเวทีมาพูดคุยกันและยอมรับในส่วนที่ทุกคนจะไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการทั้งหมด แต่จะสามารถเดินไปกันต่อได้ อะไรที่ทำด้วยกันได้ก็ให้เริ่มจากจุดนั้นเลย เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะคลี่คลายได้ระดับหนึ่ง”นายสติธร กล่าว เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่สถาบันการศึกษาเป็นสถานที่เคลื่อนไหวจนเกิดเหตุหมิ่นสถาบัน นายสติธร กล่าวว่า มีความเห็นใจทั้งกลุ่มนักศึกษาและสถาบันการศึกษาต่างๆเพราะถือเป็นที่พึ่งพิงที่สามารถทำให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นได้ แต่อย่างไรก็ตามก็จะต้องอยู่ในขอบเขต ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการพูดคุยทำความเข้าใจกันภายในก่อนที่จะมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ขณะเดียวกันก็มองว่าสถานการณ์ในขณะนี้รัฐบาลควรจะปล่อยให้กลุ่มนักศึกษาได้แสดงความเห็นอย่างเต็มที่ ภายใต้กรอบของกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย