หนุนแนวคิด “สมชัย” ให้ส่ง คสช.-สนช.แก้เบอร์ ส.ส.แบบพรรคเดียวเบอร์เดียว

พรรคเพื่อไทย 20 ธ.ค.-“ภูมิธรรม” หนุนแนวคิด “สมชัย” ให้ กกต.ส่งเรื่องไป คสช.-สนช. แก้เบอร์ ส.ส.แบบพรรคเดียว-เบอร์เดียว แนะ สนช.ถก 3 วาระรวด เผยเตรียมคุย 3 ชื่อนายกฯ พรุ่งนี้ (21 ธ.ค.) จี้ กกต.-ป.ป.ช. สอบ พปชร.จัดโต๊ะระดมทุน


นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย สนับสนุนแนวคิดของนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แนะนำให้ กกต.ชุดปัจจุบันเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แก้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. หรือเสนอให้ คสช. ใช้มาตรา 44 เพื่อให้หมายเลขผู้สมัครเลือกตั้ง เป็นแบบพรรคเดียวเบอร์เดียวทั่วประเทศ เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่เป็นบัตรใบเดียว ได้สะท้อนการตัดสินใจของประชาชน 3 เรื่อง ได้แก่ การเลือกนายกรัฐมนตรี การเลือกพรรคการเมือง และการเลือก ส.ส. จึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่รัฐธรมนูญกลับกระจายเบอร์ จนอาจทำให้เกิดความสับสน ไม่สามารถสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนได้ และพรรคเพื่อไทยไม่ได้มองว่าพรรคขนาดเล็ก หรือพรรคขนาดใหญ่จะได้ประโยชน์ เพราะทุกฝ่ายย่อมได้ประโยชน์ และการมีพรรคเดียวเบอร์เดียวนั้น จะง่ายทั้งการจัดพิมพ์บัตร และง่ายต่อการตัดสินใจของประชาชน

ส่วนข้อกังวลว่าการแก้ไขกฎหมายจะใช้เวลานาน จนอาจทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า มั่นใจว่ารัฐบาลมีช่องทางดำเนินการอยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมา มีการใช้อภินิหารทางกฎหมาย หรือจะใช้การพิจารณาของ สนช. แบบ 3 วาระรวดก็ได้


นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงการเปิดกว้างของ กกต. ให้ผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งจากต่างชาติ มาสังเกตการณ์ในช่วงการเลือกตั้งปีหน้า ว่า ไม่ใช่เรื่องผิดปกติของประเทศประชาธิปไตย เพราะทุก ๆ ประเทศที่มีเจ้าหน้าที่ องค์กร หรือนักการทูตเข้าไปสังเกตการณ์นั้น จะทำให้ประชาชนมั่นใจว่าผลการเลือกตั้งจะบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส เกิดการยอมรับ เป็นประโยชน์แก่ประชาชน ซึ่งหน่วยงานที่เข้ามาก็ไม่ได้แทรกแซง และปฏิบัติตามอำนาจอธิปไตยของไทย จึงถือเป็นผลดีมาก ๆ ที่จะทำให้ประเทศเกิดความเชื่อมั่น แต่ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงรัฐบาลเองยังกังวล หรือเกรงกลัวเหตุใด เพราะยิ่งสถานการณ์พิเศษเช่นนี้ ยิ่งควรจะทำให้เกิดความโปร่งใสขึ้น ลดข้อสงสัยที่จะเกิดขึ้นตามมา และการเลือกตั้งปี 2554 หรือ 2557 ก็ไม่เคยมีการปิดกั้น

นายภูมิธรรม ยังเปิดเผยความคืบหน้าการคัดสรรบุคคลเพื่อส่งลงสมัครเลือกตั้งว่า ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยในวันพรุ่งนี้ (21 ธ.ค.) จะมีการประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ครั้งที่ 2 ที่จะพิจารณารายชื่อชุดแรกเพื่อพิจารณาคุณสมบัติขั้นต้น คาดว่าต้นปีหน้าจะมีความชัดเจน ส่วนบัญชี 3 รายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคนั้น จะเปิดเผยหลังประกาศพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งทั่วไป แต่ในวันพรุ่งนี้ (21 ธ.ค.) จะมีการพูดคุยกันในการประชุมก่อนเบื้องต้น รวมถึงพรรคจะเชิญว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทั่วประเทศ มารับฟังการชี้แจง ทำความเข้าใจเรื่องระเบียบการหาเสียง และจะเปิดเผยผลสำรวจสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ที่ประชาชนมีความยากลำบาก ต้องเผชิญภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อลดลง ซึ่งสวนทางกับการออกมาให้ข้อมูลของรัฐบาล พรรคจึงจะนำข้อมูลที่ได้เผยแพร่ให้ว่าที่ผู้สมัคร และประชาชนได้เห็นถึงสาเหตุความไม่เข้าใจต่อการบริหารเศรษฐกิจของประเทศ ขาดวิสัยทัศน์ ไม่มีความเป็นอาชีพ

นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงการระดมทุนของพรรคเพื่อไทย ว่า อาจจะใช้วิธีการรับบริจาคแทน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณารูปแบบ เพราะเตรียมการไม่ทัน และจะแตกต่างกับที่พรรคพลังประชารัฐดำเนินการ เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐดูเหมือนมีญาณวิเศษ ที่รู้ว่าควรจะต้องเตรียมการอย่างไร แต่พรรคการเมืองอื่น ๆ เตรียมการได้ยาก เพราะไม่มีโอกาสทราบล่วงหน้าว่าจะมีการปลดล็อคเมื่อใด และเมื่อมีการปลดล็อคแล้ว การเตรียมการต่าง ๆ ก็ไม่ทันแล้ว


นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตามกฎหมายพรรคการเมือง การระดมทุน สามารถทำได้ก่อนประกาศพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง ซึ่งตามกำหนด คาดว่าจะประกาศในวันที่ 2 มกราคม 2562 ก็จะไม่ทันการ ขอตั้งข้อสงสัยต่อการระดมทุน จัดโต๊ะจีนของพรรคพลังประชารัฐ ที่ขายโต๊ะจีน 3 ล้านบาท จำนวน 200 โต๊ะว่าอาจสวนทางกับชีวิตของประชาชนที่ยังยากลำบาก จึงอาจสะท้อนได้ว่าพรรคพลังประชารัฐมีศักยภาพ ทั้ง ๆ ที่รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องยังพูดเรื่องความยากจนของประชาชนอยู่ ซึ่งชี้ได้เห็นได้ชัดเจนว่าในสังคมยังมีความเหลื่อมล้ำ และสนับสนุนให้ กกต. และคณะกรรมการป้องกันและปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบการระดมทุนดังกล่าว หลังพบข้าราชการ หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในปัจจุบันไปซื้อเก้าอี้ด้วย เพราะการจ่ายเงิน 300,000 บาท เพื่อไปรับประทานอาหารเพียง 1 มื้อ ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างผิดปกติ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]