หนุนแนวคิด “สมชัย” ให้ส่ง คสช.-สนช.แก้เบอร์ ส.ส.แบบพรรคเดียวเบอร์เดียว

พรรคเพื่อไทย 20 ธ.ค.-“ภูมิธรรม” หนุนแนวคิด “สมชัย” ให้ กกต.ส่งเรื่องไป คสช.-สนช. แก้เบอร์ ส.ส.แบบพรรคเดียว-เบอร์เดียว แนะ สนช.ถก 3 วาระรวด เผยเตรียมคุย 3 ชื่อนายกฯ พรุ่งนี้ (21 ธ.ค.) จี้ กกต.-ป.ป.ช. สอบ พปชร.จัดโต๊ะระดมทุน


นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย สนับสนุนแนวคิดของนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แนะนำให้ กกต.ชุดปัจจุบันเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แก้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. หรือเสนอให้ คสช. ใช้มาตรา 44 เพื่อให้หมายเลขผู้สมัครเลือกตั้ง เป็นแบบพรรคเดียวเบอร์เดียวทั่วประเทศ เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่เป็นบัตรใบเดียว ได้สะท้อนการตัดสินใจของประชาชน 3 เรื่อง ได้แก่ การเลือกนายกรัฐมนตรี การเลือกพรรคการเมือง และการเลือก ส.ส. จึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่รัฐธรมนูญกลับกระจายเบอร์ จนอาจทำให้เกิดความสับสน ไม่สามารถสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนได้ และพรรคเพื่อไทยไม่ได้มองว่าพรรคขนาดเล็ก หรือพรรคขนาดใหญ่จะได้ประโยชน์ เพราะทุกฝ่ายย่อมได้ประโยชน์ และการมีพรรคเดียวเบอร์เดียวนั้น จะง่ายทั้งการจัดพิมพ์บัตร และง่ายต่อการตัดสินใจของประชาชน

ส่วนข้อกังวลว่าการแก้ไขกฎหมายจะใช้เวลานาน จนอาจทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า มั่นใจว่ารัฐบาลมีช่องทางดำเนินการอยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมา มีการใช้อภินิหารทางกฎหมาย หรือจะใช้การพิจารณาของ สนช. แบบ 3 วาระรวดก็ได้


นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงการเปิดกว้างของ กกต. ให้ผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งจากต่างชาติ มาสังเกตการณ์ในช่วงการเลือกตั้งปีหน้า ว่า ไม่ใช่เรื่องผิดปกติของประเทศประชาธิปไตย เพราะทุก ๆ ประเทศที่มีเจ้าหน้าที่ องค์กร หรือนักการทูตเข้าไปสังเกตการณ์นั้น จะทำให้ประชาชนมั่นใจว่าผลการเลือกตั้งจะบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส เกิดการยอมรับ เป็นประโยชน์แก่ประชาชน ซึ่งหน่วยงานที่เข้ามาก็ไม่ได้แทรกแซง และปฏิบัติตามอำนาจอธิปไตยของไทย จึงถือเป็นผลดีมาก ๆ ที่จะทำให้ประเทศเกิดความเชื่อมั่น แต่ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงรัฐบาลเองยังกังวล หรือเกรงกลัวเหตุใด เพราะยิ่งสถานการณ์พิเศษเช่นนี้ ยิ่งควรจะทำให้เกิดความโปร่งใสขึ้น ลดข้อสงสัยที่จะเกิดขึ้นตามมา และการเลือกตั้งปี 2554 หรือ 2557 ก็ไม่เคยมีการปิดกั้น

นายภูมิธรรม ยังเปิดเผยความคืบหน้าการคัดสรรบุคคลเพื่อส่งลงสมัครเลือกตั้งว่า ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยในวันพรุ่งนี้ (21 ธ.ค.) จะมีการประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ครั้งที่ 2 ที่จะพิจารณารายชื่อชุดแรกเพื่อพิจารณาคุณสมบัติขั้นต้น คาดว่าต้นปีหน้าจะมีความชัดเจน ส่วนบัญชี 3 รายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคนั้น จะเปิดเผยหลังประกาศพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งทั่วไป แต่ในวันพรุ่งนี้ (21 ธ.ค.) จะมีการพูดคุยกันในการประชุมก่อนเบื้องต้น รวมถึงพรรคจะเชิญว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทั่วประเทศ มารับฟังการชี้แจง ทำความเข้าใจเรื่องระเบียบการหาเสียง และจะเปิดเผยผลสำรวจสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ที่ประชาชนมีความยากลำบาก ต้องเผชิญภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อลดลง ซึ่งสวนทางกับการออกมาให้ข้อมูลของรัฐบาล พรรคจึงจะนำข้อมูลที่ได้เผยแพร่ให้ว่าที่ผู้สมัคร และประชาชนได้เห็นถึงสาเหตุความไม่เข้าใจต่อการบริหารเศรษฐกิจของประเทศ ขาดวิสัยทัศน์ ไม่มีความเป็นอาชีพ

นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงการระดมทุนของพรรคเพื่อไทย ว่า อาจจะใช้วิธีการรับบริจาคแทน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณารูปแบบ เพราะเตรียมการไม่ทัน และจะแตกต่างกับที่พรรคพลังประชารัฐดำเนินการ เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐดูเหมือนมีญาณวิเศษ ที่รู้ว่าควรจะต้องเตรียมการอย่างไร แต่พรรคการเมืองอื่น ๆ เตรียมการได้ยาก เพราะไม่มีโอกาสทราบล่วงหน้าว่าจะมีการปลดล็อคเมื่อใด และเมื่อมีการปลดล็อคแล้ว การเตรียมการต่าง ๆ ก็ไม่ทันแล้ว


นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตามกฎหมายพรรคการเมือง การระดมทุน สามารถทำได้ก่อนประกาศพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง ซึ่งตามกำหนด คาดว่าจะประกาศในวันที่ 2 มกราคม 2562 ก็จะไม่ทันการ ขอตั้งข้อสงสัยต่อการระดมทุน จัดโต๊ะจีนของพรรคพลังประชารัฐ ที่ขายโต๊ะจีน 3 ล้านบาท จำนวน 200 โต๊ะว่าอาจสวนทางกับชีวิตของประชาชนที่ยังยากลำบาก จึงอาจสะท้อนได้ว่าพรรคพลังประชารัฐมีศักยภาพ ทั้ง ๆ ที่รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องยังพูดเรื่องความยากจนของประชาชนอยู่ ซึ่งชี้ได้เห็นได้ชัดเจนว่าในสังคมยังมีความเหลื่อมล้ำ และสนับสนุนให้ กกต. และคณะกรรมการป้องกันและปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบการระดมทุนดังกล่าว หลังพบข้าราชการ หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในปัจจุบันไปซื้อเก้าอี้ด้วย เพราะการจ่ายเงิน 300,000 บาท เพื่อไปรับประทานอาหารเพียง 1 มื้อ ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างผิดปกติ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]