พรรคประชาธิปัตย์ 26 ส.ค.“องอาจ” ชี้ คสช. ต้องรับผิดชอบเรื่องคลายล็อกปลดล็อก หากเกิดผลกระทบอะไรตามมา เชื่อไม่มีใครป่วน เพราะทุกฝ่ายอยากให้มีเลือกตั้ง
.
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมคลายล็อก ให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้บางส่วน แต่ยังไม่ปลดล็อก ว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์คงไม่ไปวิงวอนขอร้องว่า คสช. ควรคลายล็อกอะไรบ้าง หรือ ควรปลดล็อก เมื่อไหร่ อย่างไร เพราะ คสช. และรัฐบาลรู้อยู่แก่ใจว่า หลังกฎหมายมีผลบังคับใช้ให้บ้านเมืองเดินหน้าเข้าสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ใครควรทำอะไร เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อการเดินหน้าพาบ้านเมืองเข้าสู่บรรยากาศประชาธิปไตย จึงอยากเตือนว่า หากคสช. และ รัฐบาล ยังเอาเรื่องคลายล็อกปลดล็อก มาเป็นเกมเพื่อชิงความได้เปรียบทางการเมือง ระวังจะได้ไม่คุ้มเสีย และเมื่อตัดสินใจแล้วจะต้องรับผิดชอบกับผลกระทบที่เกิดขึ้น
.
“เมื่อ คสช. และ รัฐบาลตัดสินใจจะคลายล็อกแบบไหน จะปลดล็อกเมื่อไหร่ แล้วก่อให้เกิดผลกระทบต่อการเลือกตั้ง กระทบต่อโรดแม็ป คสช. และ รัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อผลที่จะเกิดขึ้น จะไปโทษคนอื่นอีกไม่ได้”นายองอาจ กล่าว
.
ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่าหลังจากการคลายล็อกทางการเมืองแล้ว อาจจะมีสถานการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้นนั้น นายองอาจ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณอะไรที่แสดงให้เห็นว่าจะมีสถานการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น เพราะทุกภาคส่วนของสังคมไทยล้วนแล้วแต่อยากให้ประเทศไทยเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย โพลเกือบทุกสำนักที่ออกมา ก็ชี้ให้เห็นว่าประชาชนประสงค์จะเข้าสู่คูหากาบัตรลงคะแนนเลือกตั้ง ไม่มีใครอยากสร้างความไม่สงบให้เกิดขึ้น ขณะที่พรรคการเมือง นักการเมือง ก็เตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่การทำงานตามระบอบประชาธิปไตย คงไม่มีนักการเมืองคนไหนอยากไปสร้างความขัดแย้ง ก่อความไม่สงบให้เกิดขึ้น แต่ถ้ามีใครคิดจะทำให้เกิดความไม่สงบเกิดขึ้นในบ้านเมืองเชื่อว่าผู้คนในสังคมคงไม่ยอมรับ
ส่วนที่ พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการ คสช. กำชับกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ให้ติดตามสถานการณ์ที่เริ่มจะคลายล็อกทางการเมืองตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไปนั้นนายองอาจ กล่าวว่า น่าจะเป็นการกำชับ หน่วยงาน ตามสายงาน ตามอำนาจหน้าที่เท่านั้น คงไม่ได้พบเหตุอะไรเป็นพิเศษที่จะก่อให้เกิดปัญหา เชื่อว่าสถานการณ์บ้านเมืองสามารถเดินหน้าเข้าสู่บรรยากาศของความเป็นประชาธิปไตยได้ เพียงแต่ทุกฝ่ายทำตามอำนาจหน้าที่ของตนอย่างแท้จริง ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร โดยเฉพาะผู้มีอำนาจต้องเป็นแบบอย่างของการใช้อำนาจอย่างตรงไปตรงมา จะมีส่วนช่วยทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองเดินหน้าต่อไปตามครรลองที่ถูกต้องได้อย่างแน่นอน.สำนักข่าวไทย