“สุเทพ” เผย 5ส.ค. ประชุมเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชั่วคราว ย้ำเป้าหมายพรรค สร้างนักการเมืองใหม่ๆ ไม่มีแนวทางดูดอดีตนักการเมือง แต่พร้อมจับมือกับทุกพรรค
ทูแปซิฟิคเพลส 15 ก.ค.- นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย กล่าวว่า วันที่ 5 สิงหาคมนี้ จะมีการประชุมผู้ร่วมจัดตั้งพรรคไม่น้อยกว่า 500 คน เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค จัดทำคำประกาศอุดมการณ์ ข้อบังคับพรรค เพื่อจดทะเบียนจัดตั้งพรรคอย่างเป็นทางการตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดนี้จะเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคชั่วคราวเท่านั้น ส่วนคณะกรรมการบริหารพรรคชุดถาวรจะมีการเลือกอีกทีในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรค เมื่อมีจำนวนสมาชิกมากพอ โดยมีแนวทางจะลงพื้นที่รณรงค์หาสมาชิกพรรคทันที หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. อนุญาตให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมได้ และยืนยันความพร้อมทำไพรมารี่โหวต เพื่อให้สมาชิกมีส่วนร่วมกำหนดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง และเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะสงบเรียบร้อย เพราะประชาชนคงไม่ยอมให้บ้านเมืองมีปัญหาอีกต่อไป
ส่วนกระแสการดูดอดีตนักการเมืองระหว่างพรรคต่างๆนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า พรรครวมพลังประชาชาติไทย มีเป้าหมายสร้างนักการเมืองใหม่ๆ สรรหาคนดีเข้าสู่การเมือง ไม่ได้มีแนวทางดูดอดีตนักการเมือง แต่ก็พร้อมจับมือกับทุกพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ปฏิรูปประเทศ ทั้งนี้ยังไม่ขอประเมินตัวเลขที่นั่งส.ส.เพราะยังเร็วเกินไป
“พรรคนี้เป็นพรรคการเมืองของประชาชน ท่านทั้งหลายต้องกลับไปดู ไปทบทวน คำประกาศอุดมการณ์ ที่มีตัวแทนของพรรคได้พูดไปเมื่อวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา เราหวังที่จะสร้างการเมืองที่ดี การเมืองของประชาชน การเมืองที่เป็นประชาธิปไตยอย่างบริสุทธิ์ ชอบธรรม เพราะฉะนั้นเป้าหมายของพรรครวมพลังประชาชาติไทย คือ รวมพลังประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ผู้รักชาติรักแผ่นดิน และสรรหาคนที่ดี คนที่มีความรู้คนที่มีคุณธรรม มีศีลธรรม คนที่รักชาติรักบ้านเมือง เพื่อมาเป็นตัวแทน ของประชาชน ถ้าใช้อำนาจอธิปไตยแทนประชาชน ทั้งในฝ่ายนิติบัญญัต ฝ่ายบริหารเป้าหมายจึงอยู่ที่การสร้างนักการเมืองใหม่ๆ”นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวถึงว่าที่ คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. ชุดใหม่ ว่า ขึ้นอยู่กับการทำงาน และกกต.เป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องมีการปฏิรูป ซึ่งกฎหมายรัฐธรรมนูญ และกฎหมายกกต. มีบทบัญญัติที่ทำให้มีความหวังว่า การทำงานของ กกต. จะต้องมีประสิทธิภาพ เพราะกกต.ก็ต้องทำงานภายใต้การตรวจสอบของฝ่ายอื่นด้วยเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย.