วงเสวนาหนุนสร้างความเข้มแข็งให้ท้องถิ่น

วงเสวนาปฎิรูปการกระจายอํานาจ เห็นพ้องต้องเร่งสร้างความเข้มแข็งให้กับท้องถิ่น โดยมีการเสนอยกจังหวัดเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ โดยให้เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตรง 


ทูแปซิฟิคเพลส 15 ก.ค.-ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฎิรูปประเทศไทย ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นประธานมูลนิธิฯ จัดงานเสวนาปฎิรูปประเทศไทย ในหัวข้อ การกระจายอำนาจ โดยมีนายจรัส สุวรรณมาลา อดีตสมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ผู้ก่อตั้งพรรคร่วมพลังประชาชาติไทย  นายพงศ์โพยม วาศภูติ อดีตปลัดกรทรวงมหาดไทย นายสมบรูณ์ สุขสำราญ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดหลายจังหวัด


นายสุเทพ กล่าวเปิดการเสวนาว่า มูลนิธิฯตั้งใจจะทำการปฎิรูปใน 5 ด้านสำคัญ คือ ปฎิรูปการเมือง  การปราบปรามการทุจริต ซึ่ง 2 เรื่องนี้มีการวางกลไกปฎิรูปไว้ในรัฐธรรมนูญแล้ว ซึ่งหวังว่าจะช่วยให้การบริหารประเทศลดการทุจริตลงได้  ส่วนการปฎิรูปเรื่อง การบริหารราชการแผ่นดิน ที่มุ่งหวังให้เป็นไปด้วยหลักธรรมาภิบาลและเท่าเทียมกัน   /การลดความเหลือมล้ำ และการปฎิรูปกระบวนการยุติธรรม ที่ต้องมีประสิทธิภาพและรวดเร็วนั้น ยังไม่มีแนวทางปฎิรูปที่เป็นรูปธรรม ทางมูลนิธิจึงจะจัดเสวนาเชิงวิชาการเพื่อทำเป็นข้อเสนอต่อไป และครั้งต่อไปจะเป็นการเสวนาในเรื่องการปฎิรูปตำรวจ 


นายพงศ์โพยม กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐไทย”อุ้ม”ประชาชนมากเกินไป ทำให้ประชาชนอ่อนแอ และการบริหารราชการแผ่นดิน มักให้ความสำคัญกับส่วนกลางมากกว่าท้องถิ่น ขณะที่งบประมาณต่างๆก็ต้องรอได้รับการจัดสรร ส่งผลให้ประชาชนไม่มีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่ของตนเอง ท้องถิ่นกลายเป็นเบี้ยล่างของรัฐตลอดมา ดังนั้นจึงต้องมีการปฎิรูปโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดินใหม่โดยเร็ว 

ด้านนายจรัส กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่มีพรรคไหนแก้ไขปัญหาเรื่องการกระจายอำนาจได้เลย ศูนย์การอำนาจรัฐอยู่ในระบบราชการและนักการเมืองระดับชาติเป็นต้นเหตุให้การบริหารจัดการของรัฐล้มเหลวในทุกด้าน จึงขอเสนอให้ยกฐานะจังหวัดเป็นองค์กรปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ คล้ายกับกรุงเทพมหานคร แต่ก้าวหน้ากว่า เพราะจะให้มีเทศบาลขนาดย่อยบริหารตนเอง พร้อมเสนอให้เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตรง 

นายจรัส กล่าวว่า การกระจายอำนาจอยู่บนเป้าหมายจังหวัดจัดการตนเอง ด้วยการยุบส่วนภูมิภาค กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดรวมกันเป็นหนึ่งเดียว จะทำให้การบริหารงานจังหวัดมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดปัญหาความซ้ำซ้อนระหว่างหน่วยงานส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เปิดทางให้จังหวัดจัดการรายได้และจัดเก็บภาษีในพื้นที่มากขึ้น เพื่อนำงบประมาณพัฒนาพื้นที่ได้ โดยไม่ต้องร้องขอจากส่วนกลาง  นอกจากนี้ยังต้องเปิดโอกาสให้จังหวัดสามารถจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ระบบการศึกษาของตนเองได้ และมีส่วนในการเสนอแนวทางเพื่อพัฒนาประเทศด้วย ซึ่งหากมีการดำเนินการยกฐานะจังหวัดเป็นองค์กรปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษจริง คาดว่าแนวทางนี้จะแล้วเสร็จภายใน 4 ปี

ขณะที่นายเอนก เห็นด้วยกับแนวคิดของนายจรัส และเชื่อว่าเป็นแนวทางที่สามารถใช้ในการปฏิรูปการกระจายอำนาจ และพรรคร่วมพลังประชาชาติไทยก็มีนโยบายในลักษณะนี้ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง