กองทัพเรือ 29 ก.ย.-ทร. จัดพิธีส่งมอบหน้าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้สานต่อความมั่นคง ณ ท้องพระโรง กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม
พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ทำพิธีส่งมอบหน้าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้แก่ พลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ณ ท้องพระโรง พระราชวังเดิม กองบัญชาการกองทัพเรือ โดยพลเรือเอก จิรพล ผู้บัญชาการทหารเรือท่านเก่า และ พลเรือเอก ไพโรจน์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ท่านใหม่) ได้เดินทางถึงสนามหน้าท้องพระโรง จากนั้น พลเรือเอก จิรพล ได้ตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ
ทั้งนี้ พลเรือเอก จิรพล และ พลเรือเอก ไพโรจน์ ได้เดินทางไปยัง ท้องพระโรง พระราชวังเดิม กรุงธนบุรี ในการลงนามส่งมอบหน้าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ โดย พลเรือเอก จิรพล ได้กล่าวมอบการบังคับบัญชา พร้อมทั้งมอบตรา และธงประจำตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้แก่ พลเรือเอก ไพโรจน์ และกล่าวเชิญดื่มถวายพระพรชัยมงคล
โดย พลเรือเอก จิรพล กล่าวว่า นับจากวันที่ตนได้รับมอบหน้าที่ผู้บัญชาการทหารเรือและการบังคับบัญชา ณ ที่แห่งนี้ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 ตนระลึกอยู่เสมอว่าจะปกครองบังคับบัญชาด้วยความเที่ยงธรรม ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นในผลประโยชน์ของกองทัพเรือ และธำรงไว้ซึ่งเอกราชอธิปไตยของชาติเป็นสำคัญ เพื่อให้กองทัพเรือดำรงอยู่อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ดังเช่นที่เป็นมา จนมาถึงวันที่ผมได้กลับมายืนอยู่ ณ ที่แห่งนี้อีกครั้ง ในวันที่ผมจะต้องพ้นจากหน้าที่ไปตามวาระ ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ตนดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ หน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือได้ร่วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติภารกิจอันสำคัญ ทั้งในด้านการป้องกันประเทศ การคุ้มครองรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ การรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนการถวายพระเกียรติและความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้ว่างบประมาณในส่วนของกองทัพเรือจะถูกปรับลดลงไปตามสภาพเศรษฐกิจและสถานการณ์โลก แต่ทหารเรือทุกนายยังคงร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ราชการอย่างเต็มกำลังความสามารถ
ตนจึงขอขอบคุณเพื่อนข้าราชการ ทหาร ลูกจ้างและพนักงานราชการ ทุกคน ทุกหน่วย ที่ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่ง ในการปฏิบัติหน้าที่ตามแนวทางที่ผมได้ตั้งปณิธานไว้ การปฏิบัติเหล่านี้ล้วนเป็นผลให้กองทัพเรือดำรงอยู่ได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ได้รับการยกย่องดังเช่นที่บรรพบุรุษทหารเรือได้สร้างไว้ในอดีต และเป็นกองทัพที่มีคุณค่ายิ่งของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง แม้ว่าวันนี้ ตนจะต้องจากกองทัพเรือไปตามวาระ แต่ความภาคภูมิใจในการปฏิบัติหน้าที่ ความประทับใจ และความทรงจำที่ดีตลอดเวลายาวนานกว่า 40 ปีในกองทัพเรือ จะยังคงอยู่ในใจผมตลอดไป
สำหรับผู้บัญชาการทหารเรือท่านใหม่ พลเรือเอก ไพโรจน์ เป็นนายทหารเรือที่มีความรู้ ความสามารถ มีความซื่อสัตย์สุจริต ปฏิบัติหน้าที่เพื่อกองทัพเรือด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจมาโดยตลอด ผมจึงมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านจะสามารถนำกองทัพเรือก้าวไปข้างหน้าได้อย่างสง่างามเต็มภาคภูมิสืบต่อไป เพื่อนนายทหารทั้งหลาย ตนขอเชิญดื่มแสดงความยินดีกับ พลเรือเอก ไพโรจน์ ผู้บัญชาการทหารเรือท่านใหม่ ขอให้ผู้บัญชาการทหารเรือ และครอบครัว ประสบแต่ความสุข ความเจริญ ถึงพร้อมด้วยจตุรพิธพรชัย มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง เป็นผู้นำกองทัพเรือที่ประสบความสำเร็จสูงสุดต่อไป
ด้าน พลเรือเอก กล่าวว่า ตั้งแต่พลเรือเอก จิรพล ตั้งแต่ได้รับ พระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
ให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทร.จนครบเกษียณอายุราชการในวันที่ 30ก.ย. 2568 ตนพร้อมด้วยเพื่อนนายทหารที่มาชุมนุมพร้อมกัน ณ ที่นี้ พร้อมใจกันด้วยความมุ่งมั่น ที่จะแสดงกตเวทิตาจิต ระลึกถึงคุณงามความดี ที่ท่าน ผบ.ทร. ได้ปฏิบัติมาตลอดชีวิตการรับราชการ

“นับตั้งแต่ท่านสำเร็จการศึกษา และบรรจุเข้ารับราชการ นายทหารเรือ รุ่นพี่ เพื่อน รุ่นน้อง ตลอดจนผู้ใต้บังคับบัญชา ที่ได้เคยปฏิบัติงานร่วมกับท่าน ต่างยอมรับในความรู้ ความสามารถ ความซื่อสัตย์สุจริต ความขยันหมั่นเพียร สติปัญญา รวมทั้งความเป็นผู้น้ำ ในการปกครองบังคับบัญชา ท่านจึงได้รับความไว้วางใจ จากผู้บังคับบัญชา ให้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญในทุกระดับชั้น ครั้นเมื่อมีความเจริญก้าวหน้าในชีวิตราชการ จนได้ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำสูงสุดของกองทัพเรือ/ท่านก็ยังคงปฏิบัติตามแนวทางที่ได้ตั้งใจไว้ “
พลเรือเอก ไพโรจน์ กล่าวต่อว่า ตั้งแต่เริ่มชีวิตราชการตั้งมันในความซื่อสัตย์สุจริต ทุ่มเทกำลังกาย และกำลังสติปัญญา ปฏิบัติงานในการเสริมสร้าง ความมั่นคงเข้มแข็งให้แก่กองทัพเรือ สร้างความดีและทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ เป็นอเนกประการ ยึดมั่นในการดำรงไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อันเป็นผลให้กองทัพเรือเป็นกองทัพที่สง่างาม มีคุณค่า สามารถพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของชาติ และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง ตลอดชีวิตการรับราชการ อันยาวนานของท่าน ท่านได้สร้างความดี และทำคุณประโยชน์ ให้กับกองทัพเรือและประเทศชาตินานัปการ
ทั้งนี้ ในวาระที่ท่านจะครบเกษียณอายุราชการ ตนและกำลังพลกองทัพเรือทุกนาย ต่างรู้สึกระลึกถึง ด้วยความผูกพัน และขอจดจำคุณงามความดี ที่ท่านได้กระทำไว้ รวมทั้งจะยึดถือเป็นแบบอย่างที่ดี ในการปฏิบัติราชการสืบต่อไป
เมื่อเสร็จสิ้นพิธี พลเรือเอก จิรพล ได้เดินทางไปที่สนามหน้าท้องพระโรงเพื่ออำลากองทหารเกียรติยศ โอกาสนี้ ปืนใหญ่ที่ป้อมวิไชยประสิทธิ์ ยิงสลุตเทิดเกียรติแก่ พลเรือเอก จิรพล จำนวน 19 นัด โดยมีข้าราชการ จากหน่วยของกองทัพเรือตลอดจน สื่อมวลชนสายทหาร ร่วมส่งผู้บัญชาการทหารเรือท่านเก่า เดินทางกลับ
ทั้งนี้ พลเรือเอก จิรพล เป็นผู้บัญชาการทหารเรือ ลำดับที่ 58 ของกองทัพเรือ โดยตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอก จิรพล ฯ ได้ดำเนินการตามนโยบายหลัก 9 ด้าน ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างรากฐานที่มั่นคง ของกองทัพเรือ และเพื่อให้กำลังพลทุกนายได้ร่วมแรงร่วมใจขับเคลื่อนนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือ เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ของกองทัพเรือที่กำหนดไว้คือเป็นหน่วยงานความมั่นคงทางทะเลที่มีบทบาทนำในภูมิภาค และเป็นเลิศในการบริหารจัดการ พร้อมทั้งได้มอบแนวทางการปฏิบัติงานในปีที่ผ่านมา ไว้ว่า “เทิดทูนสถาบัน ป้องกันรัฐ พัฒนาชาติ ราษฎร์ศรัทธา: Monarchy Country Government People” รวมทั้งกำหนดให้เป็นปีแห่งความปลอดภัยของกองทัพเรือ หรือ “NAVY-SAFETY 2025” ในทุก ๆ ด้าน
สำหรับ พลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เป็นผู้บัญชาการทหารเรือลำดับที่ 59 สำเร็จการศึกษาจาก โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 24 ปริญญาตรี วิทยาศาสตร์บัณฑิต โรงเรียนนายเรือ รุ่นที่ 81 หลักสูตรเสนาธิการทหารเรือ รุ่นที่ 58 หลักสูตร Joint Command and Staff วิทยาลัยเสนาธิการทหาร สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ หลักสูตรปริญญาโท สาขา Maritime Policy มหาวิทยาลัยวูลลองกอง เครือรัฐออสเตรเลีย หลักสูตร วิทยาลัยการทัพเรือ รุ่นที่ 42 และ หลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 63
นอกจากนี้ ระหว่างรับราชการ พลเรือเอกไพโรจน์ เคยดำรงตำแหน่งที่สำคัญคือ ผู้อำนวยการกองแผน กรมยุทธการทหารเรือ ผู้อำนวยการกองการฝึก กรมยุทธการทหารเรือ ผู้อำนวยการกองยุทธการ กรมยุทธการทหารเรือ รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กรมยุทธการทหารเรือ รองผู้อำนวยการสำนักกิจการความมั่นคง กรมยุทธการทหารเรือ ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารเรือ ประจำสถานเอกอัตรราชทูตไทย ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ รองเจ้ากรมข่าวทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย รองเจ้ากรมข่าวทหารเรือ เจ้ากรมข่าวทหารเรือ รองเสนาธิการทหารเรือ และเสนาธิการทหารเรือ ก่อนได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568 .-313.-สำนักข่าวไทย