รัฐสภา 5 ก.ย.-“อดิศร” แฉต่อ ข่าวลือเหม็นคลุ้งในสภาใช้เงิน 1,500-2,000 ล้าน ดัน “อนุทิน” เป็นนายกฯ บอกเรื่องนี้ต้องเคลียร์ให้ชัด ท้าสาบานวัดพระแก้ว ชู “ชัยเกษม” เป็นคนบริสุทธิ์ ยุติธรรม เหน็บแค่นี้พรรคปชน.ยังเลือกไม่ได้ เลือกตั้งเที่ยวหน้าบ๊ายบายแน่
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาคนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ในวาระการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้เปิดให้อภิปรายคุณสมบัติผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
โดยนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรรภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี แต่สนับสนุนนายชัยเกษมนิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอันดับ3ของพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี
นายอดิศร กล่าวว่าตนตั้งข้อสงสัยว่าคนที่จะมาเป็นนายกคนที่ 32 ชื่อนายอนุทิน ภายใต้ข่าวลือที่หนาหู เหม็นคลุ้งในสภา ว่ามีการใช้เงินถึง 1,500-2,000 ล้าน เป็นเรื่องที่ตนไม่สบายใจ และไม่อยากให้นายกรัฐมนตรีคนต่อไปต้องถูกตราหน้าดังข่าวลือ
“วันนี้ท่านต้องเคลียร์ ผมเริ่มจากพรรคของผมหายไป 8 คน ไม่เอ่ยชื่อเป็นสิทธิของท่าน แต่อยู่เฉยๆจะไปใครๆก็รู้ แมวก็รู้ เด็กอนุบาลก็รู้ว่าเป็นยังไงถึงไป อยากทราบตัวเลขจริงๆที่จะไปรองรับให้ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ใช้เท่าไหร่รับแลกสุด 10 ล้าน ต่อมาโหวตวันนี้ 10 +10 เป็น30 ล้าน จริงไม่จริงอย่างไร พรรคการเมืองต่างๆที่เป็นหนุนท่านและเป็น รัฐบาลกับท่านต่อบางพรรคไม่เคยมีชื่อในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้เลย อยู่ๆก็มารวมตัวเป็นพรรคการเมือง แล้วมาหนุนท่าน ผมไม่อิจฉาตาร้อนเป็นเถอะครับ ได้เวลาเป็นก็ต้องเป็น คุณอนุทินก็เหมาะสมที่จะเป็น ถ้าภูมิหลังบริสุทธิ์ ยุติธรรม สะอาดจริงๆ” นายอดิศร กล่าว
นายอดิศร ยังกล่าวต่อว่า คุณสมบัตินายกรัฐมนตรี ต้องเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์มีจริยธรรมที่ดี ถ้านายกรัฐมนตรี มาแบบที่ตนว่ามีข่าวแบบนี้ โดยไม่เคลียร์กัน ตนว่าเดินไปซอยไหนก็ไม่ สง่างาม
“โห นายก 1,500 ล้าน โหนายกฯ 2,000ล้าน โห นายกฯ 30 ล้าน มันไม่เป็นมงคลเลย นายอนุทินต้องเคลียร์เรื่องนี้” นายอดิศรกล่าว
ทั้งนี้ ในระหว่างที่นายอดิสร อภิปรายนั้นนายสนอง เทพอักษรณรงค์ สส.พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นประท้วงบอกว่านายอดิศร กล่าวหาใส่ร้าย และหากเป็นเรื่องจริงก็ขอพยานหลักฐานด้วย อย่าพูดลอยๆ
จากนั้นนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ได้ลุกขึ้นประท้วงนายสนอง ว่าไม่ควรลุกขึ้นประท้วง เพราะนายอดิศรมีเอกสิทธิ์ในการอภิปราย และเรื่องที่นายอดิศรพูด ก็อยากให้ตอบ อย่ามาประท้วงกลับ จะได้ทราบว่าข่าวลือจริงหรือไม่
นายไชยา จึงวินิจฉัยว่าหากนายอดิศรจะอภิปรายเรื่องดังกล่าวจริง ก็ควรจะรับผิดชอบตนเอง หากมีการฟ้องร้องขึ้นในอนาคต จากนั้นจึงให้นายอดิศร อภิปรายต่อ
นายอดิศร กล่าวต่อว่า จะต้องการ ได้นายกฯ ที่ใจสะอาดบริสุทธิ์ โอกาสของแต่ละคนจะสนับสนุน เอาอย่างนี้ไหม คนที่ถูกพาดพิงคือนายอนุทินต้องตอบเอง ตนว่าเราไปสาบานที่วัดพระแก้วดีหรือไม่ ว่าไม่มีการสนับสนุนเงินต่างๆ “ผมมาโดยบริสุทธิ์ ถ้าไม่บริสุทธิ์ให้มีอันเป็นไป ภายใน 7 วัน 9 วัน” เพราะหลักฐานพิสูจน์ไม่ได้ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ของเล่น และผมเข้าใจและดีใจที่โอกาสของนายอนุทินก็มาถึง แต่เมื่อเทียบกับ นายชัยเกษม แล้วคงสู้ไม่ได้
“ฝ่ายของพวกผม เป็นศาสตราจารย์กฎหมาย เป็นอัยการสูงสุด เป็นผู้บริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่ดังพลอยอย่างที่ผมอภิปรายไป ผมคิดว่าพรรคที่สนับสนุนที่เป็น พรรคแนวทางอะไรก็ไม่ทราบ ทฤษฎีการเมือง เกิดขึ้นใหม่ แต่ต้องรับผิดชอบสิ่งที่ตนพูดไป ว่าหากมีการซื้อสิทธิ์ขายตัวให้ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านก็ถูกกล่าวหาเหมือนกัน ว่าท่านเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ส้ม เท้ง ค้ำยันเขากระโดงหรือไม่ ผูกอยู่ฮั้วสว. ไว้ปลายกระเป๋า ขัดสีฉวีวรรณให้มันเงา ย่องเบาอำนาจอธิปไตย นี่คือเป็นการย่องเบาอำนาจอธิปไตยจึงปล่อยให้ คนแบบนี้เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ในสถานการณ์แบบนี้ “นายอดิศร กล่าว
นายอดิศร กล่าวว่า ต้องขอสนับสนุนนายชัยเกษม ดีกว่านายอนุทิน พันเท่าล้านเท่า มี 2 คนนี้ พรรคประชาชนยังเลือกไม่ออกว่าควรจะเลือกใครเที่ยวหน้าบ๊ายบายแน่ เสียใจแทนสาวกของเขาอุตส่าสนับสนุนแทบตายเสียง 140 เอาไปเอามา มาสนับสนุนหนูแห่งเขากระโดง.-315 -สำนักข่าวไทย