“ไอติม” จี้ตอบให้ชัด “อัศวินขี่ม้าขาว” คือใคร

พรรคประชาชน 2 ก.ย.- “ไอติม” เย้ย “ภูมิธรรม” อีกรอบ ถ้าจะยุบสภาก็ยุบเลย ชี้ ประชาชนสงสัยได้ กำลังเอาอำนาจของตัวเองเป็นตัวตั้ง จี้ตอบให้ชัด “อัศวินขี่ม้าขาว” คือใคร หลัง “ชัยเกษม” โพล่งช่วงเช้า ถามเป็น “ลุงตู่” หรือไม่ เผยสมาชิกส้มตอบกลับแล้วกว่าหมื่นคน หากผลซาวด์เสียงไม่เป็นเสถียรภาพ กก.บห.จะเป็นคนเคาะ เลือกทางออกไหน


นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม สส.พรรคประชาชน ประจำสัปดาห์ ถึงกรณีที่เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดให้สมาชิกพรรคประชาชนได้แสดงความคิดเห็นในการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ขณะนี้ มีฟีดแบ็กเป็นอย่างไรบ้าง ว่า อย่างที่หลายคนทราบว่า ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนที่พรรคประชาชนกำลังดำเนินการรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน

โดยเมื่อวานนี้ เป็นนัดแรกของการ ประชุม สส.พรรคประชาชน ซึ่งก็มีการพูดคุยกับทีมเครือข่ายในพื้นที่ รวมถึงพนักงานพรรค ก่อนจะมีการดำเนินการเปิดให้สมาชิกพรรคประมาณหนึ่งแสนคนทั่วประเทศ สามารถแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์นี้เข้ามาได้ ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ซึ่งล่าสุดที่เช็ค มีจำนวนสมาชิกที่ตอบเข้ามาเกินหนึ่งหมื่นคนไปแล้ว หรือ ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์


นายพริษฐ์ ย้ำว่า นอกเหนือจากสมาชิกพรรคแล้ว ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค เราก็ไม่ได้ละเลยความคิดเห็น แต่ติดตามในช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ตลอด พร้อมยืนยันตามจุดยืนของพรรคประชาชน เพราะมองว่าสิ่งที่เป็นทางออกของประเทศ คือการยุบสภา และมีการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว

ฉะนั้น หากพรรคเพื่อไทยจะใช้อำนาจที่มี ก็ดำเนินการเลย เพราะถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ทำ พรรคประชาชนจึงจะจำเป็นต้องใช้กระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อทำให้เกิดกระบวนการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด

เมื่อถามถึงกรณีที่นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ระบุ ยังไม่ได้รับการติดต่อจากพรรคเพื่อไทย รวมถึงอาจจะมีอัศวินขี่ม้าขาว มองว่าเป็นใคร นายพริษฐ์ กล่าวว่า เดี๋ยวต้องกลับไปดู แต่ย้ำว่า อำนาจอยู่ในมือ นายภูมิธรรม เวชยชัย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ที่ต้องตอบใช้ชัด ว่ากรณีที่มีการพูดเรื่องยุบสภานั้น นายภูมิธรรมหมายถึงจะทำเลย หรือว่ารอให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ก่อน ขณะที่เมื่อเช้านี้ นายภูมิธรรม ก็บอกต้องรอให้พรรคประชาชนตัดสินใจก่อน ว่าจะไปทางไหน หรือจะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี


นายพริษฐ์ กล่าวว่า หากมองการให้สัมภาษณ์ของนายภูมิธรรม แสดงว่าไม่ได้เอาประเทศเป็นตัวตั้ง ซึ่งประชาชนมีสิทธิ์ตั้งคำถามได้ว่า สุดท้ายแล้วคุณกำลังเอาอำนาจของตัวเองเป็นตัวตั้ง รอจนวินาทีสุดท้าย ที่ตัวเองไม่มีอำนาจ จึงจะมาพิจารณาเรื่องยุบสภา

ส่วนเรื่องอัศวินขี่ม้าขาว ก็ทำให้สร้างความสับสนเหมือนกัน เพราะพรรคเพื่อไทยที่เราเข้าใจมาตลอดว่า 2 คน ที่มีการเสนอตัว คือนายชัยเกษม และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ดังนั้น หากมีคนอื่นเข้ามาด้วย ก็ต้องตอบให้ชัดว่าคือใคร หมายถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ในฐานะเครดิตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ หรือหมายถึงการใช้กลไกนอกระบอบประชาธิปไตยไปเลย ซึ่งจะทำให้นายกรัฐมนตรีคนนอกเข้ามา ซึ่งพรรคเพื่อไทยต้องรีบชี้แจง

อีกหนึ่งประเด็นคือ ในการพูดคุยพรรคเพื่อไทยทางการวันนั้น เรามีการคุยรายละเอียดหลายอย่าง เพื่อเช็คว่าพรรคเพื่อไทยเข้าใจเงื่อนไข พรรคประชาชนจริงๆ หรือไม่ ซึ่งตนก็มีถามไปว่านายชัยเกษมไม่อยู่ในห้อง แต่พรรคเพื่อไทยตอบว่านายชัยเกษมเห็นตรงกับจุดยืนพรรคเพื่อไทยทั้งหมดแม้ไม่ได้มา แต่เมื่อฟังที่นายชัยเกษมพูดวันนี้ กลับไม่ตรงกัน

สำหรับการดำเนินการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อให้เข้ามายุบสภา ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ หรือแปลว่าพรรคมีการตัดสินใจไปแล้วใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ ยืนยันว่า ไม่ใช่ พร้อมย้ำจุดยืนเดิมว่า เราต้องการเห็นการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว แต่หากไม่ยุบสภา ถึงจะจำเป็นต้องใช้กระบวนการนั้น

เมื่อถามถึงกระบวนการที่อาจทำให้การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ยืดเยื้อออกไป ทั้งเรื่องการโปรดเกล้าฯ ตุลาการ รวมถึงการกำหนดวันโหวต นายพริษฐ์ กล่าวว่า เรื่องศาลคิดว่าอย่างไร ก็ต้องรอการชี้แจงของศาลน่าจะดีที่สุด แต่ในเบื้องต้น เข้าใจว่า มีข้อกฎหมายที่เขียนเอาไว้ว่า ทางตุลาการที่ดำรงตำแหน่งต้องทำหน้าที่ต่อไป จนกว่าตุลาการคนใหม่จะมีการเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเข้าใจว่าหากเป็นจริงตามนี้ คงไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้กระบวนการมีข้อกังวล

เมื่อถามถึงการให้สัมภาษณ์ของนายชัยเกษม ที่มีการวิเคราะห์ว่า อาจจะพูดเพื่อสื่อว่าพรรคเพื่อไทยมีขั้วการเมืองภายในพรรค จึงทำให้ไม่มีเสถียรภาพเพียงพอ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ขั้วการเมืองตรงนั้น ตนคงตอบแทนไม่ได้ แต่เข้าใจว่าสื่อมวลชนคงไปถามพรรคเพื่อไทย

สำหรับกรณีที่นายชัยเกษม ระบุ ไม่ได้กระเหี้ยนกระหือรือ แปลว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีตัวแสดงที่จะพร้อมรับบทบาทผู้นำใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ มองว่า หากดูมาตามข้อเท็จจริง แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยมีอยู่ 3 คน มี 2 คนที่พ้นจากตำแหน่งแล้ว ดังนั้น โดยธรรมชาติคำถามนี้จึงไม่ควรเป็นคำถามตั้งแต่ต้น การที่เป็นคำถามได้ จะต้องออกมาจากอะไรบางอย่าง ซึ่งต้องให้พรรคเพื่อไทยให้ความกระจ่าง

แต่มุมของพรรคประชาชน เราได้รับการยืนยันจากตัวแทนพรรคเพื่อไทย ว่าจะส่งชื่อนายชัยเกษมเท่านั้น และเห็นด้วยกับเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อ ถ้าจะเอาคำตอบของนายชัยเกษมเองที่พูดว่า ไม่ว่าพรรคจะว่าอย่างไร ตัวเขาเองในฐานะผู้เสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องมากลั่นกรองและความเข้าใจอีกทีหนึ่ง

ส่วนคาดว่าจะได้ข้อสรุปโดยเร็วเมื่อไหร่ เนื่องจากมีแนวโน้มอาจโหวตไม่ทันในสัปดาห์นี้ นายพริษฐ์ ย้ำว่า ทุกอย่างไม่ได้จบในที่ประชุม สส. เพราะเราต้องฟังหลายภาคส่วน อย่างไรวันนี้ ก็คงได้ฟังความเห็นจาก สส.อย่างเต็มที่ ซึ่งก็ต้องประกอบกับในสายอื่นๆ ด้วย

สำหรับกรอบเวลาตัดสินใจ เนื่องจากเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ระบุ ต้องรอวิปสองฝ่ายคุยกัน นายพริษฐ์ เข้าใจดีว่า กระบวนการทุกอย่างต้องดำเนินการต่อไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย อย่างไรพรรคประชาชนก็ไม่ได้เป็นฝ่ายที่ทำให้กระบวนการล่าช้ากว่าที่กำหนด แต่แน่นอนว่า เราต้องตัดสินใจอย่างรอบคอบ เพราะเป็นการตัดสินใจที่สำคัญต่ออนาคตประเทศ ดังนั้น ในขั้นตอนที่เราวางไว้ ก็ต้องได้รับความชัดเจนจากรักษาการนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว ว่าเจตนาจริงๆ คืออะไร

ส่วนการรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 10 ก.ย.เรื่องการทำประชามติ นั้น เป็นเพียงตัวแปรหนึ่ง ซึ่งจะเห็นภาพชัดมากขึ้นถึงกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ขณะที่กระแสข่าวว่า สส.ภายในพรรค เอนเอียงไปเลือกพรรคภูมิใจไทย เพื่อให้ช่วยคดี 44 สส. นายพริษฐ์ ยืนยันว่า ณ เวลานี้ ยังไม่มีข้อสรุปในทางใด ซึ่งเราตั้งใจใช้ที่ประชุมวันนี้ และช่องผ่านความเข็นอย่างเต็มที่ และหัวหน้าพรรค ก็ได้ยืนยันไปแล้วว่า ไม่เกี่ยวข้องกับคดีแน่นอน

สำหรับกระแสข่าว มี สส.แสดงจุดยืนจะลาออก หากพรรคเลือกพรรคภูมิใจไทย นายพริษฐ์ ย้ำว่า พวกเราเคารพความเห็นที่แตกต่างของทุกฝ่าย เราเข้าใจดีว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่น่าหนักใจ และสมาชิกหนึ่งหมื่นกว่าคนที่เข้ามาแสดงความเห็น ก็น่าจะเข้าใจกระบวนการนี้ด้วยตัวเอง ย้ำว่า แม้มีความเห็นแตกต่าง แต่เราเคารพซึ่งกันและกัน ก็เข้าใจความหนักใจของทุกคน ยืนยันว่า เราเดินหน้าอย่างมีเอกภาพ

สำหรับกรณีที่นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี ระบุไม่สามารถเห็นชอบให้รัฐมนตรี ที่ตัวเองได้อภิปรายเรื่องคดีค้ามนุษย์ กลับกระทรวงแรงงานได้อย่างแน่นอน นายพริษฐ์ กล่าวว่า เป็นความเห็นส่วนตัวของ สส. หากพูดในเชิงหลักการ เราก็ต้องย้ำกลับมาที่เงื่อนไขข้อสาม คือจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านเต็มตัว ซึ่งก็ต้องยืนยันว่า การทำหน้าที่สายค้านนั้ เราจะตรวจสอบรัฐบาลเสียงข้างน้อยอย่างเต็มที่ ดังนั้น หากมีการกระทำโดยใครในรัฐบาล ไม่ว่าจะนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีที่ชื่ออะไร ในการใช้อำนาจมิชอบ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เราก็พร้อมใช้กลไกในการตรวจสอบ รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย

เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าพรรคไม่ได้ควบคุมเรื่องการใช้โซเชียลมีเดียของ สส.ในการแสดงความเห็นใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ ระบุว่า ท้ายที่สุด สส.ก็ทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฎร ซึ่งย่อมมีเสรีภาพในการแสดงออก

เมื่อถามว่าจุดตัดระหว่างความเห็น สส.กับ ประชาชน จะให้น้ำหนักอะไรมากกว่า นายพริษฐ์ ย้ำว่า เป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรค ที่จะต้องตัดสินใจ จากการนำทุกความเห็น เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากทุกฝ่าย เพราะคงไม่ใช่แค่เชิงปริมาณอย่างเดียว แต่ต้องดูเรื่องเหตุและผลด้วย

ส่วนพรรคประชาชนจะมีการเสนออะไรในที่ประชุมวิปสองฝ่ายหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เรื่องวันบทเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ต้องมีการหารือร่วมกันอยู่แล้ว คงไม่ได้เป็นสิ่งที่พรรคประชาชนจะกำหนดด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ตาม การที่นายภูมิธรรมให้ความเห็นออกมาเรื่องการยุบสภา แสดงว่าเขาต้องประเมินเรื่องข้อกฎหมาย และความเสี่ยงเรียบร้อยแล้ว ว่าในมุมของเขาทำได้ แต่ปัญหาคือ เขาจะทำหรือไม่

เมื่อถามว่าจะต้องมีการทำข้อตกลงกับพรรคเพื่อไทยเหมือนที่ทำกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายพริษฐ์ มองว่า เป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง ถ้าจะถึงขั้นตอนนั้น เราก็ต้องให้เงื่อนไขทั้ง 3 ข้อของเราได้รับการตอบสนองอย่างชัดเจน.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ชนกัน 10 คันรวดทางลอดอุโมงค์แยกดาราสมุทร จ.ภูเก็ต

ภูเก็ต 23 ก.ย.-รถพ่วง 18 ล้อบรรทุกเสาเข็มเบรกแตก พุ่งชนระเนระนาดในอุโมงค์ดาราสมุทร จ.ภูเก็ต รถเสียหาย 10 คัน บาดเจ็บ 4 คน คนไทย 3 คนและชาวมาเลเซีย 1 คน เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 กันยายน 2568 ศูนย์วิทยุพิทักษ์วิชิตได้รับแจ้งเหตุรถชนกันหลายคันภายในอุโมงค์ทางลอดแยกดาราสมุทร ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต มีรถได้รับความเสียหายจำนวนมากและมีผู้บาดเจ็บ พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.วิชิต พร้อมด้วย พ.ต.ท.วุฒิวัฒน์ เลี้ยงบุญจินดา รอง ผกก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร รีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบการจราจรติดขัดอย่างหนัก รถไม่สามารถผ่านอุโมงค์ได้ทั้ง 2 เลน เบื้องต้นตรวจสอบพบรถชนกันเสียหายรวม 10 คัน มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย อาการแน่นหน้าอก เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตแล้ว ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า […]

ผลตรวจยืนยัน “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าพลัดหลง โครงสร้างผิดปกติตั้งแต่เกิด

สุพรรณบุรี 23 ก.ย. – ทีมสัตวแพทย์สรุปผลตรวจ “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าเพศเมียแรกเกิดที่พลัดหลงจากแม่ในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พบความผิดปกติทางโครงสร้างร่างกายตั้งแต่เกิด เร่งวางแผนการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากทีมสัตวแพทย์สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าซึ่งร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ตรวจสุขภาพ “น้องข้าวต้ม” อย่างละเอียด โดยผลมีดังนี้ สัตวแพทย์สรุปว่า “น้องข้าวต้ม” มีภาวะโครงสร้างร่างกายผิดปกติตั้งแต่กำเนิดในลูกสัตว์ นอกจากนี้จากภาวะร่างกายที่อ่อนแอ จำเป็นต้องเอาตัวรอด รวมถึงความพยายามช่วยประคับประคองโดยฝูงทำให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้น เบื้องต้นทีมสัตวแพทย์ได้ฉีดยาลดปวดและลดอักเสบให้แล้ว พร้อมวางแผนรักษาตามอาการระยะยาว โดยเน้นการให้อาหารและเสริมโภชนาการควบคู่กับการทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ลูกช้างป่าสามารถยืนและเคลื่อนไหวได้ในอนาคต หากอาการไม่ฟื้นตัวดีเท่าที่คาด จะตรวจ X-ray และ Ultrasound ซ้ำอีกครั้ง ลำดับเหตุการณ์การช่วยเหลือลูกช้างป่าตัวนี้ • 21 ก.ย. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงูได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบลูกช้างเพศเมียนอนอยู่เพียงลำพังในสภาพอ่อนแรงและบาดเจ็บที่ขาหลัง จึงรีบประสานทีมสัตวแพทย์จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เข้าช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายมาดูแลที่ทำการอุทยานฯ โดยเบื้องต้นได้ป้อนน้ำข้าวต้มเพื่อให้พลังงาน […]

กต.ยันบังคับใช้กฎหมายไทยในดินแดนไทย จี้ “เขมร” หยุดปลุกระดม

ก.ต่างประเทศ 23 ก.ย.- กต.ยันบังคับใช้กฎหมายไทยในดินแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน และปฏิบัติตามหลักสากล ใช้ตํารวจควบคุมฝูงชน ไม่ใช่กําลังทหาร จี้ “เขมร” หยุดปลุกระดม-บิดเบือนประชาคมโลก ส่งผลสัมพันธ์ร้าวลึก นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงการบังคับใช้กฎหมายไทยต่อพลเมืองกัมพูชา ที่รุกล้ำเข้ามาประท้วงในบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว โดยยืนยันว่า ไทยบังคับใช้กฎหมายภายในของไทยกับบุคคลที่อยู่ในประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์อย่างที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือน ซึ่งการปฏิบัติดังกล่าวของฝ่ายไทยเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักอธิปไตยของรัฐและเป็นไปตามหลักสากลที่ทุกประเทศยอมรับ สําหรับกรณีที่กัมพูชากล่าวหาว่าไทย จงใจบิดเบือนแผนผัง ที่แสดงลักษณะภูมิศาสตร์และตําแหน่ง หลักเขตแดนที่ 42 และ43 ว่าเป็นเขตแดนจริงนั้นขอเรียนยืนยันว่าฝ่ายไทยไม่เคยระบุ แผนผังดังกล่าวกําหนด เส้นเขตแดนเพราะการเจรจาเส้นเขตแดนอยู่ภายใต้อาณัติ ของกลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี ทั้งนี้แผนผังที่ไทยนําแสดงดังกล่าว เป็นเพียงการนําพิกัดหลักเขตแดน ไปทําภาพจําลองเส้นเขตแดน บนแผนที่แบบไม่เป็นทางการเท่านั้นเพื่อความเข้าใจของประชาชนทั่วไป โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังกล่าวถึง สําหรับข้อกล่าวหาที่กัมพูชาระบุว่าไทยละเมิดเอ็มโอยู 2543 ว่าด้วยการสํารวจและการจัดทําหลักเขตแดนทางบกนั้น กลับเป็นฝ่ายกัมพูชาเองที่เป็นฝ่ายละเมิดโดยปล่อยให้มีการสร้างอาคาร บ้านเรือนชุมชนทั้งในเขต พื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์และในเขต ขณะที่เป็นอธิปไตยของไทยซึ่งฝ่ายไทยได้ทําการประท้วงในกรอบเอ็มโอยูแล้วกว่า 500 ครั้ง ในห้วง 20ปีที่ผ่านมาแต่ฝ่ายกัมพูชากลับเพิกเฉยและไม่ยอมแก้ไข ส่วนกรณีที่กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยยุติกิจกรรม ที่บ่อนทําลายความพยายามลดความตึงเครียด ข้อตกลงหยุดยิงนั้น นายนิกรเดช กล่าวย้ำว่าประเทศไทยมุ่งมั่นปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง […]

นายกฯ ไม่ไปยูเอ็นแล้ว กลัวกลับมาไม่ทันแถลงนโยบาย

ภูมิใจไทย 23 ก.ย. – นายกฯ ไม่ไปยูเอ็นแล้ว เหตุเงื่อนเวลาไม่เอื้อ หวั่นกลับมาไม่ทันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ไม่เสียโอกาสแจงเรื่องอธิปไตย เชื่อชาวโลกรู้ไทยมีนโยบายชัดเจน ยันร่างนโยบายปกน้ำเงินเสร็จแล้ว นำเข้า ครม.นัดพิเศษ พรุ่งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในการเดินทางไปร่วมประชุมผู้นำโลก UNGA ครั้งที่ 78 ว่า ได้มีการหารือกับฝ่ายคนใหม่แล้ว ซึ่งจากการดูเวลา กลัวจะไม่ทันการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่ทั้งนี้ก็จะมีการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่สำคัญมีเรื่องของอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ด้วย ซึ่งจะต้องตรวจสอบให้ดี มีความคิดเห็นหลากหลาย ทั้งไปได้และไปไม่ได้ แต่ทั้งนี้มีแนวทางที่ชัดเจน ไม่ได้มีการลงนามในข้อตกลง แต่แนวทางของประเทศไทย เมื่อรัฐบาลนี้เข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นที่เรียบร้อย ก็มีความชัดเจนที่จะบริหารสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาอย่างไร ส่วนจะเป็นการเสียโอกาสในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่าความเชื่อมั่นอยู่ที่การจัดการและการได้รับการสนับสนุนจากประชาชนที่มีต่อรัฐบาลและกองทัพ ซึ่งความเชื่อมั่นอยู่ตรงจุดนี้ ไม่ใช่อยู่ที่เวทีไหน เพราะเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ขณะที่ทุกฝ่ายในบ้านเรามีความพร้อม ประชาชนให้การสนับสนุนนโยบายต่างๆ นโยบายของกองทัพและรัฐบาล นี่ต่างหากคือความเชื่อมั่น ส่วนกรณีที่กฤษฎีกาชี้ว่า หากมีเหตุที่จำเป็น ก็ถือว่าดำเนินการได้ นายอนุทิน กล่าวว่า คำว่าจำเป็นคืออะไร อย่างสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ก็ไม่จำเป็นจะต้องชี้แจงกับใคร เพราะประชาคมโลกก็รับทราบสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว […]