ศบ.ทก. เผย 20 ทหารกัมพูชาที่ไทยคุมตัว ยอมจำนนเพราะกระสุนหมด

ทำเนียบ 31 ก.ค.-ศบ.ทก. แถลงภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา 2 ฝ่ายตรึงกำลัง อยู่ในความสงบ เผย 20 นายทหารที่ไทยคุมตัว ยอมจำนนเพราะกระสุนหมด ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และส่งรักษาตัว 2 นาย พร้อมเตรียมนำทูตทหารลงพื้นที่ชายแดน เพื่อรับทราบข้อเท็จจริง โดยจะไม่สร้างภาพลวง บิดเบือน เหมือนเขมร

พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุม ความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา


โดยพลเรือตรีสุรสันต์ เปิดเผยว่า ภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะนี้ยังเป็นลักษณะของการตรึงกำลังอยู่ทั้งสองฝ่าย โดยที่ผ่านมาเราได้มีการตรวจพบการใช้โดรนของฝ่ายกัมพูชา แต่อย่างไรก็ตามในสภาพแวดล้อมโดยรวมนั้นยังอยู่ในความสงบ

ส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกรณีผู้ถูกควบคุมตัว จำนวน 20 นาย อันนี้เป็นสาเหตุมาจากการยอมจำนนของทางฝ่ายทหารกัมพูชาจำนวน 20 นายนี้ เนื่องจากกระสุนหมด โดยในพื้นที่ช่องซำแต อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยทั้ง 20 นายนั้น ถูกส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย ด้วยความผิดฐานเข้าเมือง โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือมาอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ส่วนกรณีของผู้ถูกควบคุมตัวที่ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ถูกส่งเข้ารับการรักษาพยาบาล ที่โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งทั้ง 2 นาย อยู่ภายใต้การควบคุมกำกับดูแลของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง


โดยประเด็นที่ผ่านมาจะสังเกตได้ว่ามีทั้งผู้บังคับบัญชาหรือผู้นำฝ่ายทหารของประเทศมาเลเซีย ได้เข้ามาสังเกตการณ์ และพูดคุยพบปะหารือกับทั้งทางฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา ในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น พลเอก ดาโต๊ะ โมฮัมหมัด นิซัม จาฟฟาร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของประเทศมาเลเซีย มีโอกาสเข้าไปพูดคุยพบปะหารือกับแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อรับทราบข้อเท็จจริง กรณีปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา เมื่อวันที่ 29 และ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตามข้อตกลงหยุดยิงที่ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาได้ให้ไว้

โดยสรุปเนื้อหาของการหารือ ฝ่ายไทยได้ชี้แจงถึงข้อมูลของสถานการณ์ ก่อนที่จะนำไปสู่การปะทะกันของทั้งสองประเทศ โดยอธิบายหรือชี้แจงว่าฝ่ายไทย ได้ใช้ความพยายาม อดทนอดกลั้นประท้วงการละเมิดข้อตกลงต่าง ๆ ส่วนฝ่ายกัมพูชาเลือกใช้การวางกำลังทหารและวางระเบิดทุ่นระเบิดในพื้นที่พิพาท ซึ่งเป็นการละเมิดต่ออนุสัญญาออตตาวา รวมทั้งมีการใช้มวลชนเข้ามาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในการปลุกปั่นยั่วยุในบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งสถานการณ์ได้เกิดความตึงเครียดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนทางฝ่ายกัมพูชาได้เริ่มปะทะที่ปราสาทตามเมือนธม ทำให้ฝ่ายไทยมีความจำเป็นที่จะต้องตอบโต้เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศไว้ และเพื่อรักษาความปลอดภัยแก่พี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่

ทั้งนี้ ยืนยันว่าฝ่ายไทยนั้นได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดและยินดีให้การสนับสนุนในเรื่องของการสังเกตการณ์ของทางฝ่ายมาเลเซียต่อไป และทั้งสองฝ่ายก็ได้เห็นพ้องร่วมกันว่าจุดมุ่งหมายของการเจรจาหยุดยิงนี้เพื่อไปสู่สันติภาพ ก็คือ การประกาศว่าจะหยุดยิงทันที ไม่เพิ่มกำลังทหาร และการช่วยเหลือทางการแพทย์ให้กับผู้ป่วยและผู้บาดเจ็บในพื้นที่


นอกจากนี้ สถานการณ์หรือสถานภาพของผู้อพยพผู้ที่ลี้ภัยการปะทะฝ่ายพลเรือนที่ผ่านมา มีผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตดังนี้ ผู้เสียชีวิต 14 คน บาดเจ็บสาหัส 12 คน บาดเจ็บปานกลาง 13 คน บาดเจ็บเล็กน้อย 13 คน รวมยอดทั้งหมด 52 คน

อีกประเด็นของฝ่ายความมั่นคง อยากจะนำข่าวดีที่เป็นเรื่องที่น่ารักมานำเสนอต่อพี่น้องประชาชน ว่าที่ผ่านมากองทัพบกเอง ได้จัดวงดนตรีดุริยางค์มณฑลทหารบกที่ 25 ออกทำการแสดงที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว โรงเรียนบ้านวังกลัด อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ และศูนย์พักพิงชั่วคราวโรงเรียนบ้านโชกใต้ อำเภอลำดวน จังหวัดสุรินทร์ เพื่อสร้างความบันเทิง และผ่อนคลายความเครียดให้กับพี่น้องประชาชน รวมถึงสร้างขวัญและกำลังใจให้กับประชาชนในศูนย์พักพิงดังกล่าว ซึ่งการแสดงนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายกองทัพในการดูแลพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่ได้รับผลกระทบ จากกรณีปะทะกันในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยการแสดงดังกล่าว แสดงไปเมื่อวันที่ 26-29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดสุรินทร์ รวมทั้งหมด 8 พื้นที่ด้วยกัน ซึ่งผลตอบรับต้องชื่นชมว่าเป็นผลตอบรับที่ดีมาก ประชาชนรู้สึกพึงพอใจ และขอบคุณที่ทางกองทัพได้จากกิจกรรมดี ๆ อย่างนี้ พร้อมกับหวังว่าในโอกาสอันใกล้นี้ก็ให้จัดกิจกรรมดี ๆ อย่างนี้อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน

อีกทั้ง ในส่วนของด้านความมั่นคง อยากจะเรียนพี่น้องประชาชนให้รับทราบว่าทาง ศบ.ทก.อยู่ระหว่างการเร่งบูรณาการด้านการสื่อสาร บริการให้ข้อมูลโดยเฉพาะกับผู้สื่อข่าว สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ถี่ถ้วนการ แบบ One Stop Service เพื่อลดความเข้าใจผิด ความคลาดเคลื่อนในข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารจากฝ่ายตรงข้าม อันนี้ ศบ.ทก. ยังเร่งในการดำเนินการจัดการ ซึ่งคิดว่าภายใน 1-2 วันนี้ จะมีความเป็นรูปธรรม และสามารถให้พี่น้องสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศสามารถดึงข้อมูลต่าง ๆ มาได้อย่างถี่ถ้วนและสมบูรณ์

ด้านนางมาระตี แถลงว่า สำหรับประเด็นด้านการต่างประเทศ วันนี้มี 2 เรื่องที่จะนำเรียนพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบ สำหรับเรื่องแรกเป็นเรื่องของการเชิญผู้ช่วยทูตทหารและคณะทูต รวมทั้งสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศไปสังเกตการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นผู้อำนวยการศบ.ทก. ได้ให้สัมภาษณ์แล้วว่าขณะนี้กระทรวงกลาโหม จะนำคณะนะคะผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารต่างประเทศ ประจำประเทศไทยลงพื้นที่สังเกตการณ์และประเมินผลกระทบจากการประทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาในวันพรุ่งนี้ (1 สิงหาคม 2568) นอกจากนี้เพื่อให้ข้อเท็จจริง จากการลงพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่รับทราบแก่สาธารณะชนอย่างกว้างขวาง รวมถึงในต่างประเทศ ขอเรียนว่ากระทรวงการต่างประเทศจะนำคณะทูตและสื่อมวลชนต่างประเทศ ที่ขณะนี้จะมีจำนวน 22 สำนักงาน รวม 38 คน ลงพื้นที่ร่วมกับคณะผู้ช่วยทูตทหารในวันพรุ่งนี้ ซึ่งแน่นอนได้มีการเชิญสื่อไทยไปด้วย

ในส่วนของสื่อต่างประเทศจะมีความสำคัญเพราะว่าสื่อต่างประเทศจะเป็นช่องทางสำคัญอย่างมากที่จะช่วยเผยแพร่ข้อเท็จจริงให้ประชาคมโลกรับทราบ เกี่ยวกับการลงพื้นที่วันพรุ่งนี้ ประเด็นแรก พรุ่งนี้เป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทย พร้อมนำคณะผู้ช่วยทูตทหาร คณะทูตและสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศลงพื้นที่ โดยการลงพื้นที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของทุกคนเป็นอันดับแรก ซึ่งไทยไม่ได้เป็นผู้โจมตีก่อน ดังนั้นจึงไม่สามารถทราบล่วงหน้าได้ว่าช่วงเวลาใดที่ปลอดภัย จึงต้องรอเวลานิดหนึ่ง ให้มีความแน่นอนในเรื่องนี้

สำหรับประเด็นต่อมา การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ฝ่ายไทยจะไม่สร้างภาพหลวง จะไม่ให้ข่าวบิดเบือนกล่าวหาว่าฝ่ายกัมพูชาลักพาตัวทหารไทยอย่างที่ฝ่ายกัมพูชาได้กล่าวหาไทย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สะท้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งสิ่งที่คณะผู้ช่วยฑูตทหาร คณะทูตและสื่อทั้งไทยและต่างประเทศ จะได้เห็นและจะได้สื่อสารไปทั่วโลก ก็คือ ความเสียหายต่อบ้านเรือนประชาชน โรงพยาบาล โรงเรียนและสถานที่สาธารณะที่ฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มต้นและพุ่งเป้าโจมตี ไปยังเป้าหมายที่ไม่ใช่ทางทหาร ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ละเมิดหลักการสิทธิมนุษยชนและละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก และทำให้มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก อีกทั้งมีผู้บริสุทธิ์ต้องอพยพไปศูนย์พักพิงตอนนี้นับกว่าแสนคน

ทั้งนี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ จะแถลงข่าวในวันนี้ตอนเวลา 14.30 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ และจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับการลงพื้นที่ในครั้งนี้เพิ่มเติม สำหรับการแถลงข่าวของศบ.ทก. วันพรุ่งนี้ทางทีมโฆษกศบ.ทก.จะร่วมลงพื้นที่และมีการแถลงข่าวสดจากสถานที่จริง

ประเด็นที่สอง ที่การต่างประเทศได้มีการหารือในที่ประชุมศบ.ทก.วันนี้เกี่ยวกับจุดยืนของฝ่ายไทยและการเรียกร้องให้กัมพูชากลับสู่โต๊ะเจรจาทวิภาคี รัฐบาลไทยขอย้ำจุดยืนต่อการยุติความขัดแย้งในครั้งนี้อีกครั้ง ว่าฝ่ายไทยมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด อย่างที่ทำอยู่และมุ่งแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบันด้วยสันติวิธี ฝ่ายไทยจึงขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชายุติการละเมิดข้อตกลงต่าง ๆ ทุกรูปแบบ ทุกชนิดทันทีและทำตามข้อตกลงหยุดยิงดังกล่าวอย่างจริงจังและสุจริตใจ ในขณะนี้ฝ่ายไทยมีความพร้อมกลับสู่โต๊ะเจรจาทวิภาคีกับฝ่ายกัมพูชาทุกเมื่อ โดยรอฝ่ายกัมพูชาส่งหนังสือเชิญอย่างเป็นทางการเพื่อเข้าร่วมการประชุม GBC ตามที่ได้ตกลงกันไว้ ซึ่งจะเป็นอีกก้าวสำคัญในการหาทางออกร่มกัน

สุดท้ายนี้ ขอให้ประชาชนระมัดระวังการเผยแพร่ข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือนอย่างเป็นระบบของฝ่ายกัมพูชาที่มีเป้าหมายไม่เพียงเพื่อปกปิดความจริงที่เกิดขึ้น แต่ต้องการที่จะบ่อนทำลายเสถียรภาพของประเทศและความสามัคคีของคนไทย ขอย้ำว่าในการดำเนินการของฝ่ายรัฐบาลให้ความสำคัญกับอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดนผลประโยชน์ของประชาชนและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญและทุกฝ่ายกำลังทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกัน

ด้านนายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย แถลงว่า ในสถานการณ์วันนี้ ใน 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชามีสถานการณ์ปกติ โดยมีอัตรากำลังของฝ่ายปกครอง ไม่ว่าจะเป็น ชรบ. กำนัน ผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง ประมาณหมื่นกว่าคนที่เข้าไปดูแลในพื้นที่ 7 จังหวัด 22 อำเภอ 63 ตำบล 335 หมู่บ้าน ผลจากการไปดูแล ดูแลจุดตรวจ จุดสกัด การรักษาทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนที่เคลื่อนที่ไปอยู่ที่ศูนย์พักพิง รวมทั้งสำรวจข้อมูล หลักฐานและได้มีการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์

ส่วนของความเสียหาย ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบใน 7 จังหวัด 42 อำเภอ 321 ตำบล 3,884 หมู่บ้าน รวมทั้งสิ้น 278,506 ครัวเรือน 839,935 คน ผู้เสียชีวิต 16 ราย ผู้บาดเจ็บ 38 ราย

โดยมีการประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ 7 จังหวัด 36 อำเภอ 238 ตำบล 2,702 หมู่บ้าน ในส่วนของศูนย์พักพิง ปัจจุบันนี้มีการทยอยเข้า-ออก ข้อมูลศูนย์พักพิงปัจจุบันมี 733 ศูนย์ มีผู้ที่ยังอาศัยอยู่ศูนย์พักพิง 187,974 คน ส่วนการจะกลับบางคนก็ไปอยู่บ้านญาติ บางคนอยากกลับบ้าน ซึ่งวันนี้เราได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ได้พิจารณาแต่ละศูนย์ฯ ถึงความเหมาะสม โดยทางเราเน้นการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก ในการจะกลับบ้านให้ผู้ว่าฯ และหน่วยงานความมั่นคงเป็นผู้พิจารณา

สำหรับการเยียวยาช่วยเหลือ ทางรัฐบาลได้เพิ่มวงเงินให้แต่ละจังหวัด ในวงเงินทดลองจ่าย จังหวัดละหนึ่งร้อยล้านบาท ในส่วนของอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยหนึ่งร้อยล้านบาท วันนี้มีการเร่งทำการเบิกจ่าย โดยเฉพาะผู้เสียชีวิต ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บให้เร่งเบิกจ่ายโดยเร็วทันที สำหรับการสำรวจความเสียหายได้มีการสั่งการให้ทุกจังหวัดเร่งดำเนินการสำรวจและชดเชย เยียวยาประชาชนให้เป็นไปตามระเบียบโดยเร็ว ในส่วนของการบริจาคในภาครัฐนั้น ได้กำหนดพื้นที่บริจาค ถ้าเป็นเงินให้บริจาคมาที่สำนักนายกรัฐมนตรี ถ้าหากเป็นสิ่งของให้บริจาคไปที่ศาลาว่าการจังหวัดทุกจังหวัด ส่วนกลางการจะเปิดหรือปิดรับบริจาคเมื่อไร ก็เป็นไปตามประกาศของแต่ละจังหวัด

ในส่วนกลาง กรุงเทพมหานครได้ปิดรับบริจาคไปแล้ว ยังเหลือแต่ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังเปิดรับบริจาคอยู่ ซึ่งเมื่อวานนี้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับบริจาคจากทางปตท. ประมาณเกือบหกล้านบาท แล้ววันนี้ประมาณ 12.30 น. จะมีการปล่อยขบวนสิ่งของที่ได้รับบริจาคจากพี่น้องประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครจะทยอยส่งไป 7 จังหวัด ในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา

สำหรับการสนับสนุนเครื่องจักรกล ไม่ว่าจะเป็นรถผลิตอาหาร รถประกอบอาหาร รถบรรทุกน้ำ รถผลิตน้ำ เราก็ได้สนับสนุนไปจำนวน 112 คัน ในส่วนของการดูแลความสงบเรียบร้อย ถ้าหากพี่น้องประชาชนยังไม่ได้รับการดูแลเยียวยาช่วยเหลือหรือตกหล่น ก็สามารถติดต่อไปที่จังหวัดทุกจังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรม 1567 ก็จะทำให้พวกเราเข้าไปดูแลพี่น้องประชาชนอย่างทั่วถึง.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 163 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 20 ส.ค. – หนีไม่รอด รวบโจรสวมชุดไรเดอร์ บุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทอง 163 บาท พบของกลางบางส่วนซุกตู้ลำโพงในบ้าน จากกรณีคนร้ายแต่งตัวคล้ายไรเดอร์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทอง พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน ก่อนกระโดดข้ามตู้หน้าร้าน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 163 บาท เป็นทองคำรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท ประมาณ 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท, น้ำหนัก 3 บาท ประมาณ 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท ประมาณ 24 เส้น น้ำหนักรวม 48 บาท (รวมสร้อยข้อมือ 79 เส้น) ก่อนวิ่งขึ้นรถ จยย.ที่จอดอยู่ด้านหน้า […]

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“ทศพล” รุดมอบมาลัย “ภูมิธรรม” หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่

กองบินตำรวจ 20 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เตรียมแถลงจับยาเสพติดลอตใหญ่ “ทศพล” รุดมอบมาลัย หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 8.00 น. ที่กองบินตำรวจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางมาขึ้นเครื่อง เพื่อไปแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดล็อตใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตํารวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย ร่วมเดินทางด้วย ทั้งนี้เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย ที่ ครม. มีมติเมื่อ 19 ส.ค. แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำพวงมาลัยมามอบให้นายภูมิธรรมและปลัดกระทรวงมหาดไทย และร่วมเดินทางกับคณะด้วย โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดให้นายภูมิธรรมรับทราบ.-319.-สำนักข่าวไทย

มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง

กทม.19ส.ค.-มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำพู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” นั่งพ่อเมืองปากน้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

เสริมเขี้ยวเล็บ! ทัพเรือรับมอบปืนใหญ่ ระยะยิง 40 กม.

ชลบุรี 21 ส.ค.- กองทัพเรือเสริมเขี้ยวเล็บ! รับมอบปืนใหญ่ 155 มิลลิเมตร แบบอัตตาจร ระยะยิง 40 กม. เพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันและรักษาอำนาจอธิปไตยของประเทศ วันนี้ 21 ส.ค.68 ที่หน้ากองบัญชาการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร กองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พลเรือเอก ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ) รับมอบปืนใหญ่ ขนาด 155 มิลลิเมตร แบบอัตราจรล้อยาง จากศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ ศูนย์อุตสหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร จำนวน 6 กระบอก โดยมี พลเรือโท ธาดาวุธ ทัดพิทักษ์กุล รองเสนาธิการทหารเรือและประธานกรรมการบริหารโครงการจัดหาปืนใหญ่ฯ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ตลอดจนข้าราชการ กำลังพล เข้าร่วมในพิธี  การดำเนินโครงการจัดหาปืนใหญ่ ขนาด 155 มิลลิเมตร แบบอัตตาจร ล้อยาง (ATMG) นับเป็นการดำเนินการเพื่อสนับสนุนการเสริมสร้างกำลังรบหลักของ ทร. เพื่อให้ […]

แผ่นดินไหวนอกชายฝั่งเมียนมา เกิดจากรอยเลื่อนสะกาย ย้ำ กทม.ไม่กระทบโครงสร้าง

กรุงเทพฯ 21 ส.ค. – กรมทรัพยากรธรณี เผยเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 5.4 ความลึก 10 กม. เกิดจากการเคลื่อนตัวแนวระนาบของรอยเลื่อนสะกาย บริเวณนอกชายฝั่งตอนใต้ของเมียนมา ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 500 กม. ด้านสมาคมวิศวกรโครงสร้างฯ เตือนอย่าตื่นตระหนก คนกรุงบนตึกสูงรู้สึกสั่น แต่ไม่กระทบโครงสร้าง กรมทรัพยากรธรณีชี้แจงกรณีแผ่นดินไหวขนาด 5.4 ความลึก 10 กิโลเมตร เมื่อเวลา 09.58 น. ตามเวลาประเทศไทย บริเวณนอกชายฝั่งตอนใต้ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 500 กิโลเมตร การตรวจสอบพบว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดจากการเคลื่อนตัวของ “รอยเลื่อนสะกาย” แนวระนาบเหลื่อมขวา (right-lateral strike-slip fault) ซึ่งมีอัตราการเคลื่อนที่เฉลี่ยปีละ 2 เซนติเมตร รอยเลื่อนนี้เคยสร้างแผ่นดินไหวใหญ่หลายครั้ง อาทิ ปี 2473 ขนาด 7.3 มีผู้เสียชีวิตกว่า 500 คน และเมื่อ 28 […]

นายกฯ พยักหน้ารับกำลังใจดี ศาล รธน.นัดชี้ชะตา 29 ส.ค.

ศาลรัฐธรรมนูญ 21 ส.ค.- นายกฯ พยักหน้ารับกำลังใจดี หลังไต่สวนคดีคลิปเสียงเสร็จ ประชาชนตะโกน “นายกฯ สู้ๆ” ด้านศาล รธน. นัดอ่านคำวินิจฉัยคดี 29 ส.ค. ย้ำ ห้ามเผยแพร่ข้อมูลและห้ามบิดเบือน ภายหลังการไต่สวนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที คดีคลิปเสียงสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ศาลรัฐธรรมนูญได้กลับมาเผยแพร่โทรทัศน์วงจรปิดอีกครั้ง โดยนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ศาลได้บันทึกเสียงและภาพการไต่สวนแล้ว และย้ำอีกครั้งว่า ห้ามผู้เข้าฟังการไต่สวน นำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามมิให้บิดเบือนข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน ศาลได้สั่งให้คู่กรณียื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันจันทร์ที่ 25 ส.ค. จากเดิมให้ยื่น 27 ส.ค. ซึ่งหากไม่ยื่นจะถือว่าไม่ติดใจ และนัดแถลงด้วยวาจาปรึกษาหารือและลงมติ วันที่ 29 ส.ค. เวลา 09.30 น. นัดอ่านคำวินิจฉัยในวันเดียวกัน เวลา 15.00 […]

แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งคุมเข้ม หลังเหตุคาร์บอมบ์ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส

นราธิวาส 21 ส.ค. – ความคืบหน้าเหตุคาร์บอมบ์ ในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อคืนที่ผ่านมา อส.บาดเจ็บ 6 นาย แม่ทัพภาคที่ 4 รุดตรวจที่เกิดเหตุ สั่งปิดช่องทางหลบหนี คุมเข้มแนวชายแดน ภาพจากกล้องวงจรปิด เหตุคาร์บอมบ์เมื่อคืนนี้ ช่วงเวลา 20.20 น. บริเวณหน้า จุดตรวจ/จุดสกัด ฐาน ชคต.ศาลาใหม่ ม.1 บ้านโคกมะเฟือง อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ก่อนคนร้ายอาศัยความมืดหลบหนีไปทางซอยศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเล จังหวัดนราธิวาส โดยคนร้ายไม่ทราบจำนวนก่อเหตุใช้รถยนต์ Toyota Yaris สีดำ บรรทุกวัตถุระเบิด ขับเข้าพุ่งชนแนวกระสอบทรายบริเวณดังกล่าว ก่อนคนร้ายอาศัยความมืดหลบหนีไปทางซอยศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเล จังหวัดนราธิวาส แรงระเบิดส่งผลให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัคร (อส.) ที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดได้รับบาดเจ็บ 6 นาย ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ในฐานได้ยิงตอบโต้เพื่อสกัดกั้นเส้นทางของคนร้าย หลังเกิดเหตุ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ผอ.รมน.ภาค 4 สั่งการเร่งด่วนให้หน่วยกำลังในพื้นที่ปฏิบัติตามแผนสกัดกั้น ประสานทุกภาคส่วนร่วมปิดล้อมตรวจสอบเส้นทาง […]