ทำเนียบ 31 ก.ค.-ศบ.ทก. แถลงภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา 2 ฝ่ายตรึงกำลัง อยู่ในความสงบ เผย 20 นายทหารที่ไทยคุมตัว ยอมจำนนเพราะกระสุนหมด ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และส่งรักษาตัว 2 นาย พร้อมเตรียมนำทูตทหารลงพื้นที่ชายแดน เพื่อรับทราบข้อเท็จจริง โดยจะไม่สร้างภาพลวง บิดเบือน เหมือนเขมร
พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุม ความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
โดยพลเรือตรีสุรสันต์ เปิดเผยว่า ภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะนี้ยังเป็นลักษณะของการตรึงกำลังอยู่ทั้งสองฝ่าย โดยที่ผ่านมาเราได้มีการตรวจพบการใช้โดรนของฝ่ายกัมพูชา แต่อย่างไรก็ตามในสภาพแวดล้อมโดยรวมนั้นยังอยู่ในความสงบ
ส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกรณีผู้ถูกควบคุมตัว จำนวน 20 นาย อันนี้เป็นสาเหตุมาจากการยอมจำนนของทางฝ่ายทหารกัมพูชาจำนวน 20 นายนี้ เนื่องจากกระสุนหมด โดยในพื้นที่ช่องซำแต อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยทั้ง 20 นายนั้น ถูกส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย ด้วยความผิดฐานเข้าเมือง โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือมาอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ส่วนกรณีของผู้ถูกควบคุมตัวที่ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ถูกส่งเข้ารับการรักษาพยาบาล ที่โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งทั้ง 2 นาย อยู่ภายใต้การควบคุมกำกับดูแลของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง
โดยประเด็นที่ผ่านมาจะสังเกตได้ว่ามีทั้งผู้บังคับบัญชาหรือผู้นำฝ่ายทหารของประเทศมาเลเซีย ได้เข้ามาสังเกตการณ์ และพูดคุยพบปะหารือกับทั้งทางฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา ในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น พลเอก ดาโต๊ะ โมฮัมหมัด นิซัม จาฟฟาร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของประเทศมาเลเซีย มีโอกาสเข้าไปพูดคุยพบปะหารือกับแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อรับทราบข้อเท็จจริง กรณีปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา เมื่อวันที่ 29 และ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตามข้อตกลงหยุดยิงที่ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาได้ให้ไว้
โดยสรุปเนื้อหาของการหารือ ฝ่ายไทยได้ชี้แจงถึงข้อมูลของสถานการณ์ ก่อนที่จะนำไปสู่การปะทะกันของทั้งสองประเทศ โดยอธิบายหรือชี้แจงว่าฝ่ายไทย ได้ใช้ความพยายาม อดทนอดกลั้นประท้วงการละเมิดข้อตกลงต่าง ๆ ส่วนฝ่ายกัมพูชาเลือกใช้การวางกำลังทหารและวางระเบิดทุ่นระเบิดในพื้นที่พิพาท ซึ่งเป็นการละเมิดต่ออนุสัญญาออตตาวา รวมทั้งมีการใช้มวลชนเข้ามาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในการปลุกปั่นยั่วยุในบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งสถานการณ์ได้เกิดความตึงเครียดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนทางฝ่ายกัมพูชาได้เริ่มปะทะที่ปราสาทตามเมือนธม ทำให้ฝ่ายไทยมีความจำเป็นที่จะต้องตอบโต้เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศไว้ และเพื่อรักษาความปลอดภัยแก่พี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่
ทั้งนี้ ยืนยันว่าฝ่ายไทยนั้นได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดและยินดีให้การสนับสนุนในเรื่องของการสังเกตการณ์ของทางฝ่ายมาเลเซียต่อไป และทั้งสองฝ่ายก็ได้เห็นพ้องร่วมกันว่าจุดมุ่งหมายของการเจรจาหยุดยิงนี้เพื่อไปสู่สันติภาพ ก็คือ การประกาศว่าจะหยุดยิงทันที ไม่เพิ่มกำลังทหาร และการช่วยเหลือทางการแพทย์ให้กับผู้ป่วยและผู้บาดเจ็บในพื้นที่
นอกจากนี้ สถานการณ์หรือสถานภาพของผู้อพยพผู้ที่ลี้ภัยการปะทะฝ่ายพลเรือนที่ผ่านมา มีผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตดังนี้ ผู้เสียชีวิต 14 คน บาดเจ็บสาหัส 12 คน บาดเจ็บปานกลาง 13 คน บาดเจ็บเล็กน้อย 13 คน รวมยอดทั้งหมด 52 คน
อีกประเด็นของฝ่ายความมั่นคง อยากจะนำข่าวดีที่เป็นเรื่องที่น่ารักมานำเสนอต่อพี่น้องประชาชน ว่าที่ผ่านมากองทัพบกเอง ได้จัดวงดนตรีดุริยางค์มณฑลทหารบกที่ 25 ออกทำการแสดงที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว โรงเรียนบ้านวังกลัด อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ และศูนย์พักพิงชั่วคราวโรงเรียนบ้านโชกใต้ อำเภอลำดวน จังหวัดสุรินทร์ เพื่อสร้างความบันเทิง และผ่อนคลายความเครียดให้กับพี่น้องประชาชน รวมถึงสร้างขวัญและกำลังใจให้กับประชาชนในศูนย์พักพิงดังกล่าว ซึ่งการแสดงนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายกองทัพในการดูแลพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่ได้รับผลกระทบ จากกรณีปะทะกันในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยการแสดงดังกล่าว แสดงไปเมื่อวันที่ 26-29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดสุรินทร์ รวมทั้งหมด 8 พื้นที่ด้วยกัน ซึ่งผลตอบรับต้องชื่นชมว่าเป็นผลตอบรับที่ดีมาก ประชาชนรู้สึกพึงพอใจ และขอบคุณที่ทางกองทัพได้จากกิจกรรมดี ๆ อย่างนี้ พร้อมกับหวังว่าในโอกาสอันใกล้นี้ก็ให้จัดกิจกรรมดี ๆ อย่างนี้อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน
อีกทั้ง ในส่วนของด้านความมั่นคง อยากจะเรียนพี่น้องประชาชนให้รับทราบว่าทาง ศบ.ทก.อยู่ระหว่างการเร่งบูรณาการด้านการสื่อสาร บริการให้ข้อมูลโดยเฉพาะกับผู้สื่อข่าว สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ถี่ถ้วนการ แบบ One Stop Service เพื่อลดความเข้าใจผิด ความคลาดเคลื่อนในข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารจากฝ่ายตรงข้าม อันนี้ ศบ.ทก. ยังเร่งในการดำเนินการจัดการ ซึ่งคิดว่าภายใน 1-2 วันนี้ จะมีความเป็นรูปธรรม และสามารถให้พี่น้องสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศสามารถดึงข้อมูลต่าง ๆ มาได้อย่างถี่ถ้วนและสมบูรณ์
ด้านนางมาระตี แถลงว่า สำหรับประเด็นด้านการต่างประเทศ วันนี้มี 2 เรื่องที่จะนำเรียนพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบ สำหรับเรื่องแรกเป็นเรื่องของการเชิญผู้ช่วยทูตทหารและคณะทูต รวมทั้งสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศไปสังเกตการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นผู้อำนวยการศบ.ทก. ได้ให้สัมภาษณ์แล้วว่าขณะนี้กระทรวงกลาโหม จะนำคณะนะคะผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารต่างประเทศ ประจำประเทศไทยลงพื้นที่สังเกตการณ์และประเมินผลกระทบจากการประทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาในวันพรุ่งนี้ (1 สิงหาคม 2568) นอกจากนี้เพื่อให้ข้อเท็จจริง จากการลงพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่รับทราบแก่สาธารณะชนอย่างกว้างขวาง รวมถึงในต่างประเทศ ขอเรียนว่ากระทรวงการต่างประเทศจะนำคณะทูตและสื่อมวลชนต่างประเทศ ที่ขณะนี้จะมีจำนวน 22 สำนักงาน รวม 38 คน ลงพื้นที่ร่วมกับคณะผู้ช่วยทูตทหารในวันพรุ่งนี้ ซึ่งแน่นอนได้มีการเชิญสื่อไทยไปด้วย
ในส่วนของสื่อต่างประเทศจะมีความสำคัญเพราะว่าสื่อต่างประเทศจะเป็นช่องทางสำคัญอย่างมากที่จะช่วยเผยแพร่ข้อเท็จจริงให้ประชาคมโลกรับทราบ เกี่ยวกับการลงพื้นที่วันพรุ่งนี้ ประเด็นแรก พรุ่งนี้เป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทย พร้อมนำคณะผู้ช่วยทูตทหาร คณะทูตและสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศลงพื้นที่ โดยการลงพื้นที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของทุกคนเป็นอันดับแรก ซึ่งไทยไม่ได้เป็นผู้โจมตีก่อน ดังนั้นจึงไม่สามารถทราบล่วงหน้าได้ว่าช่วงเวลาใดที่ปลอดภัย จึงต้องรอเวลานิดหนึ่ง ให้มีความแน่นอนในเรื่องนี้
สำหรับประเด็นต่อมา การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ฝ่ายไทยจะไม่สร้างภาพหลวง จะไม่ให้ข่าวบิดเบือนกล่าวหาว่าฝ่ายกัมพูชาลักพาตัวทหารไทยอย่างที่ฝ่ายกัมพูชาได้กล่าวหาไทย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สะท้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งสิ่งที่คณะผู้ช่วยฑูตทหาร คณะทูตและสื่อทั้งไทยและต่างประเทศ จะได้เห็นและจะได้สื่อสารไปทั่วโลก ก็คือ ความเสียหายต่อบ้านเรือนประชาชน โรงพยาบาล โรงเรียนและสถานที่สาธารณะที่ฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มต้นและพุ่งเป้าโจมตี ไปยังเป้าหมายที่ไม่ใช่ทางทหาร ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ละเมิดหลักการสิทธิมนุษยชนและละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก และทำให้มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก อีกทั้งมีผู้บริสุทธิ์ต้องอพยพไปศูนย์พักพิงตอนนี้นับกว่าแสนคน
ทั้งนี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ จะแถลงข่าวในวันนี้ตอนเวลา 14.30 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ และจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับการลงพื้นที่ในครั้งนี้เพิ่มเติม สำหรับการแถลงข่าวของศบ.ทก. วันพรุ่งนี้ทางทีมโฆษกศบ.ทก.จะร่วมลงพื้นที่และมีการแถลงข่าวสดจากสถานที่จริง
ประเด็นที่สอง ที่การต่างประเทศได้มีการหารือในที่ประชุมศบ.ทก.วันนี้เกี่ยวกับจุดยืนของฝ่ายไทยและการเรียกร้องให้กัมพูชากลับสู่โต๊ะเจรจาทวิภาคี รัฐบาลไทยขอย้ำจุดยืนต่อการยุติความขัดแย้งในครั้งนี้อีกครั้ง ว่าฝ่ายไทยมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด อย่างที่ทำอยู่และมุ่งแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบันด้วยสันติวิธี ฝ่ายไทยจึงขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชายุติการละเมิดข้อตกลงต่าง ๆ ทุกรูปแบบ ทุกชนิดทันทีและทำตามข้อตกลงหยุดยิงดังกล่าวอย่างจริงจังและสุจริตใจ ในขณะนี้ฝ่ายไทยมีความพร้อมกลับสู่โต๊ะเจรจาทวิภาคีกับฝ่ายกัมพูชาทุกเมื่อ โดยรอฝ่ายกัมพูชาส่งหนังสือเชิญอย่างเป็นทางการเพื่อเข้าร่วมการประชุม GBC ตามที่ได้ตกลงกันไว้ ซึ่งจะเป็นอีกก้าวสำคัญในการหาทางออกร่มกัน
สุดท้ายนี้ ขอให้ประชาชนระมัดระวังการเผยแพร่ข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือนอย่างเป็นระบบของฝ่ายกัมพูชาที่มีเป้าหมายไม่เพียงเพื่อปกปิดความจริงที่เกิดขึ้น แต่ต้องการที่จะบ่อนทำลายเสถียรภาพของประเทศและความสามัคคีของคนไทย ขอย้ำว่าในการดำเนินการของฝ่ายรัฐบาลให้ความสำคัญกับอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดนผลประโยชน์ของประชาชนและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญและทุกฝ่ายกำลังทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกัน
ด้านนายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย แถลงว่า ในสถานการณ์วันนี้ ใน 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชามีสถานการณ์ปกติ โดยมีอัตรากำลังของฝ่ายปกครอง ไม่ว่าจะเป็น ชรบ. กำนัน ผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง ประมาณหมื่นกว่าคนที่เข้าไปดูแลในพื้นที่ 7 จังหวัด 22 อำเภอ 63 ตำบล 335 หมู่บ้าน ผลจากการไปดูแล ดูแลจุดตรวจ จุดสกัด การรักษาทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนที่เคลื่อนที่ไปอยู่ที่ศูนย์พักพิง รวมทั้งสำรวจข้อมูล หลักฐานและได้มีการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์
ส่วนของความเสียหาย ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบใน 7 จังหวัด 42 อำเภอ 321 ตำบล 3,884 หมู่บ้าน รวมทั้งสิ้น 278,506 ครัวเรือน 839,935 คน ผู้เสียชีวิต 16 ราย ผู้บาดเจ็บ 38 ราย
โดยมีการประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ 7 จังหวัด 36 อำเภอ 238 ตำบล 2,702 หมู่บ้าน ในส่วนของศูนย์พักพิง ปัจจุบันนี้มีการทยอยเข้า-ออก ข้อมูลศูนย์พักพิงปัจจุบันมี 733 ศูนย์ มีผู้ที่ยังอาศัยอยู่ศูนย์พักพิง 187,974 คน ส่วนการจะกลับบางคนก็ไปอยู่บ้านญาติ บางคนอยากกลับบ้าน ซึ่งวันนี้เราได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ได้พิจารณาแต่ละศูนย์ฯ ถึงความเหมาะสม โดยทางเราเน้นการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก ในการจะกลับบ้านให้ผู้ว่าฯ และหน่วยงานความมั่นคงเป็นผู้พิจารณา
สำหรับการเยียวยาช่วยเหลือ ทางรัฐบาลได้เพิ่มวงเงินให้แต่ละจังหวัด ในวงเงินทดลองจ่าย จังหวัดละหนึ่งร้อยล้านบาท ในส่วนของอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยหนึ่งร้อยล้านบาท วันนี้มีการเร่งทำการเบิกจ่าย โดยเฉพาะผู้เสียชีวิต ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บให้เร่งเบิกจ่ายโดยเร็วทันที สำหรับการสำรวจความเสียหายได้มีการสั่งการให้ทุกจังหวัดเร่งดำเนินการสำรวจและชดเชย เยียวยาประชาชนให้เป็นไปตามระเบียบโดยเร็ว ในส่วนของการบริจาคในภาครัฐนั้น ได้กำหนดพื้นที่บริจาค ถ้าเป็นเงินให้บริจาคมาที่สำนักนายกรัฐมนตรี ถ้าหากเป็นสิ่งของให้บริจาคไปที่ศาลาว่าการจังหวัดทุกจังหวัด ส่วนกลางการจะเปิดหรือปิดรับบริจาคเมื่อไร ก็เป็นไปตามประกาศของแต่ละจังหวัด
ในส่วนกลาง กรุงเทพมหานครได้ปิดรับบริจาคไปแล้ว ยังเหลือแต่ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังเปิดรับบริจาคอยู่ ซึ่งเมื่อวานนี้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับบริจาคจากทางปตท. ประมาณเกือบหกล้านบาท แล้ววันนี้ประมาณ 12.30 น. จะมีการปล่อยขบวนสิ่งของที่ได้รับบริจาคจากพี่น้องประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครจะทยอยส่งไป 7 จังหวัด ในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา
สำหรับการสนับสนุนเครื่องจักรกล ไม่ว่าจะเป็นรถผลิตอาหาร รถประกอบอาหาร รถบรรทุกน้ำ รถผลิตน้ำ เราก็ได้สนับสนุนไปจำนวน 112 คัน ในส่วนของการดูแลความสงบเรียบร้อย ถ้าหากพี่น้องประชาชนยังไม่ได้รับการดูแลเยียวยาช่วยเหลือหรือตกหล่น ก็สามารถติดต่อไปที่จังหวัดทุกจังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรม 1567 ก็จะทำให้พวกเราเข้าไปดูแลพี่น้องประชาชนอย่างทั่วถึง.-314.-สำนักข่าวไทย