“เสธ.เบิร์ด” ถาม “ฮุน มาเนต” เริ่มทิ้งความเป็นทหาร ยึดหมวกนักการเมือง

กทม. 28 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” แจงถาม “ฮุน มาเนต” สวมหมวก 2 ใบ เพราะดูเหมือนเริ่มทิ้งความเป็นทหาร ยึดหมวกนักการเมือง ไม่เห็นความสำคัญของชีวิตผู้บริสุทธิ์ ไม่ขอคาดเดาผลเจรจาหยุดยิง กองทัพพร้อมทำตามสั่ง แต่ตอนนี้ขอสงวนสิทธิ์ปกป้องตัวเอง ยิงมายิงกลับไม่โกง ชี้โฆษกกลาโหมกัมพูชา พูดเท็จเกิน 90% ทำให้ความน่าเชื่อถือน้อยลง

พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับ กอ.รมน. กรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังออกรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่ง โดยมีประโยค ที่พูดถึงพลเอก ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในลักษณะทหารถึงทหาร ว่า พลเอก ฮุน มาเนต ปัจจุบันถือหมวก 2 ใบ ใบหนึ่งความเป็นนายกรัฐมนตรี อีกใบเคยเป็นผู้บัญชาการทหารบกมาก่อน ตนคิดว่า หมวก 2 ใบนี้ ท่านเริ่มทิ้งความเป็นทหารไปแล้วใช่หรือไม่ แล้วมาถึงหมวกความเป็นนายกรัฐมนตรี คือนักการเมือง จึงไม่เห็นความสำคัญของการมีชีวิตอยู่ของผู้บริสุทธิ์ จึงได้ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ชาวไทย เหมือนกับการพรากชีวิตผู้บริสุทธิ์เหล่านี้ไปจากครอบครัว


“ความมีมนุษยธรรมของท่านหายไปไหน ในขณะที่ตัวเองไปร่ำเรียนต่างประเทศ เป็นโรงเรียนทางต่างประเทศที่มีชื่อเสียง สิ่งเหล่านั้นมันไม่ได้มีความเป็นมนุษยธรรมอยู่ในจิตใจของท่านเลยใช่หรือไม่ ถึงได้ทำปรากฏการณ์ที่โหดร้ายขนาดนี้ นี่คือสิ่งที่ผมตั้งคำถามถึงฮุน มาเนต ในฐานะความเป็นทหารด้วยกัน”

ส่วนที่วันนี้มีการประชุมหารือระหว่าง ผู้นำกัมพูชา และรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีของไทย ถ้ามีการหยุดยิงในทางปฏิบัติจะสามารถหยุดได้ทันที หรือต้องมีอะไรหรือไม่ พลตรี วันชนะ กล่าวว่า ตนคงไม่สามารถคาดเดาผลการเจรจาได้ มันเกินกว่าการตัดสินใจ หรือการปฎิบัติเป็นของกองทัพ แต่เป็นเรื่องของผู้นำประเทศ หรือ รัฐต่อรัฐ ในการเจรจา ส่วนการให้หยุดยิงหรือให้ระงับกำลังต่างๆ ตนคิดว่าเราก็พร้อมจะปฎิบัติทุกอย่างตามที่ฝ่ายรัฐบาลสั่งการ


“ถ้าผลของการเจรจาออกมาอย่างไรก็พร้อมปฎิบัติตามนั้น แต่ตอนนี้กองทัพขอสงวนสิทธิ์ในการป้องกันตัวเอง หมายความว่าถ้าจริงใจต่อกัน หยุดยิง 2 ฝ่าย ก็จบไป แต่ถ้าปากบอกว่าหยุดยิง แต่การปฎิบัติจริงยังคงยิงอยู่ นั่นก็หมายความว่าเราก็ไม่โกงเหมือนกัน ยิงมายิงกลับ ขอสงวนสิทธิ์ในการปกป้องตัวเอง”

ส่วนข่าวปลอมข่าวเท็จว่าใครใช้อาวุธทางเคมีโจมตี จะสื่อสารอย่างไรกับประชาชน พลตรี วันชนะ กล่าวว่า การแถลงข่าวอย่างเป็นทางการของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ที่กล่าวคำเท็จเกินกว่า 90% ออกสู่สาธารณะ ออกสู่ประชาคมโลก มันเป็นการทำให้ความน่าเชื่อถือของประเทศของท่านน้อยลง สิ่งนี้ย้อนกลับไปหาตัวท่านเอง ส่วนการเสพข่าวของคนไทย ขอให้ตรวจสอบข่าวที่เชื่อถือได้ โดยเฉพาะจากสื่อมวลชน ตอนนี้มีระบบการตรวจสอบข่าวอยู่แล้ว ก็ลองตรวจสอบหลายๆแหล่ง แต่สิ่งใดก็ตามที่แถลงออกมาแล้วเป็นประโยชน์ของฝั่งกัมพูชา ก็ต้องมานั่งชั่งใจกันหน่อย

“ที่ผ่านมาคือเท็จหลายอย่างแบบหน้าด้านๆ อย่างเช่น บอกว่าท่านแม่ทัพภาคที่ 2 เสียชีวิตไปแล้ว อันนี้ก็เป็นเท็จ จนท่านก็ต้องส่งคลิปมาเอง หรือการใช้อาวุธชีวภาพ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น แม้กระทั่งกล่าวหาไทยเป็นคนรุกราน ทั้งที่ตัวเองเป็นประเทศผู้รุกรานประเทศไทยก่อน”


พลตรี วันชนะ ยังกล่าวถึงการสื่อสารกับสำนักข่าวต่างๆ ว่า จะเริ่มเห็นแล้วว่ามีการขอความร่วมมือจากสำนักข่าวต่างประเทศที่มีชื่อเสียงในโลกนี้ ถ้าอยากได้ข่าวอย่างชัดเจนและเป็นกลาง อยากให้ใช้แหล่งข่าวของทั้ง 2 ประเทศมาให้ข้อมูล ปัจจุบันเห็นตามสื่อ ได้ใช้แหล่งข่าวแหล่งเดียวจากประเทศเดียว ตนคิดว่ามันไม่ยุติธรรมต่อประเทศไทย ดังนั้นในส่วนการปฏิบัติต่างๆของการสื่อสารไปสู่โลกภายนอก คิดว่ากระทรวงต่างประเทศทำหน้าที่ตรงนั้นอยู่ และทำได้ดีด้วย

“ลองไปดู UN สิ การที่กัมพูชายื่นร้อง UN เป็นกรณีเร่งด่วน สุดท้ายเขาก็ตัดสินให้ไปคุยกันเอง 2 ประเทศ แสดงว่า UN มองเห็นแล้วว่าสิ่งที่กัมพูชายื่นไป มันไม่น่าเชื่อถือ สิ่งนี้ชัดเจน เพราะเขาอ้างเหตุผลหลายประการในการขอไต่สวนทางลับระหว่าง 2 ประเทศ แต่ UN ก็บอกให้ไปคุยกันเอง แสดงว่าสิ่งที่กัมพูชายื่นไปเขาไม่ฟัง แสดงว่าความจริงเริ่มปรากฏว่าเขมรมีนิสัยใจคออย่างไร”

เมื่อถามว่า จากการประเมินสถานการณ์ รวมถึงการเจรจา คาดว่าจะสามารถหยุดการรุกรานได้เมื่อใด พลตรี วันชนะ บอกว่า ตรงนี้เป็นเรื่องอนาคตที่ตนยังไม่สามารถตอบได้ แต่ขอให้ติดตามการปฎิบัติต่อไป ในอนาคต

ส่วนอยากฝากอะไรถึงเด็กๆ ลูกหลานกับเหตุการณ์นี้ เพราะคงฝังใจคนไทยไปอีกนาน พลตรี วันชนะ กล่าวว่า อยากสื่อสารไปให้เห็นว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือการปะทะที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่ความขัดแย้งในระดับประชาชน ความสัมพันธ์ฉันท์มิตรระหว่างชาวไทยกับชาวกัมพูชา ยังคงเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นขอให้แยกแยะ และการปฎิบัติต่อชาวกัมพูชาในประเทศไทย ก็ขอให้เป็นการปฏิบัติฉันท์มิตรเช่นกัน

“ขอร้องว่าเราอย่าตกเป็นเครื่องมือในการปลุกปั่นของฝ่ายกัมพูชา และในอนาคตคิดว่าสภาวะแวดล้อมของสังคมมันจะเปลี่ยนไปอีกหน้า ซึ่งการเจรจาเรื่องเขตแดนหรือการตกลงกันต่างๆ ในอนาคต เมื่อบริบทแวดล้อมเปลี่ยนไปก็อาจจะมีวิธีการพูดคุย และการปฏิบัติต่อกันที่ลงตัวมากกว่านี้”.-313.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สมุทรปราการอ่วม! ปิด 25 โรงเรียนหนีน้ำท่วม

สมุทรปราการ 8 ก.ย.- สมุทรปราการอ่วม! ระดับน้ำยังท่วมสูง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ด้าน สพท. สั่งปิดแล้ว 25 โรงเรียน ปรับให้สอนแบบออนไลน์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือ สพท. สั่งปิด 25 โรงเรียนจังหวัดสมุทรปราการ 1 วัน พร้อมปรับการเรียนเป็นแบบออนไลน์ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและผู้ปกครอง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ถนนสายสำคัญหลายเส้นถูกน้ำท่วม บางแห่งสูงกว่า 30 เซนติเมตร รวมถึงตรอกซอกซอยต่าง ๆ โดยบางพื้นที่น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ขณะเดียวกันหลายจุดยังคงมีน้ำท่วมขัง ระบายออกไม่ได้ เนื่องจากระดับน้ำในคลองสายหลักสูง ประกอบกับน้ำทะเลหนุน เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำ หากฝนไม่ตกลงมาซ้ำ คาดว่าบ่ายวันนี้สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ มีรายงานว่าเกิดเหตุ หนุ่มวัย 17 ปี เข็นรถจักรยานยนต์ฝ่าน้ำ ถูกไฟรั่วจากแบริเออร์ก่อสร้างบนถนนแพรกษา ช็อตเสียชีวิตต่อหน้าเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่เร่งสอบหาสาเหตุและป้องกันเหตุซ้ำ -สำนักข่าวไทย

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา “สส.ลูกเกด” คดี ม.112

กรุงเทพฯ 8 ก.ย. – ศาลสั่งจำคุก 4 ปี “ลูกเกด ชลธิชา” สส.ประชาชน คดี ม.112 คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 8 เดือน ส่าสุดศาลให้กันประกันตัวแล้ว กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาต วันนี้ ( 8 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.595/65 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ฟ้อง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด สส.พรรคประชาชน จ.ปทุมธานี เป็นจำเลยในความผิด ดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ ม.4 (3) จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.63 จำเลยได้โพสต์ข้อความ ลงในเฟซบุ๊กตัวเอง เกี่ยวกับราษฎรสาส์น […]

รื้อทั้งยวง! โผ ครม.อนุทิน 1 เหตุ “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ภท.ต้องเกลี่ยใหม่

กรุงเทพฯ 7 ก.ย. – โผ ครม. “อนุทิน 1” รื้อทั้งยวง หลัง “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ทำภูมิใจไทยต้องเกลี่ยใหม่ “ไชยชนก” ดีอี “ซาบีดา” วัฒนธรรม รอเปิดคนนอก “กลาโหม-ยุติธรรม” แว่วพลตำรวจโท อดีตรองผู้การภาค 3 ติดโผ จับตา “ศักดิ์ดา” ร่วมด้วย​ ด้าน “นิพนธ์” จ่อดันลูกสาวเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโผ ครม.ล่าสุด พรรคภูมิใจไทยจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีส่วนใหญ่ประมาณ 12 ที่นั่ง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล […]

ชัยภูมิน้ำท่วมหนัก หลังฝนตกตลอดคืน

ชัยภูมิ 7 ก.ย.-น้ำท่วมหนักใน 3 อำเภอของจังหวัดชัยภูมิ หลังฝนตกหนักตลอดทั้งคืน สภาพภายในวัดดอนไผ่ ริมถนนชัยภูมิ-นครสวรรค์ อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.ย.) หลังพายุฝนกระหน่ำตลอดทั้งคืน ระดับน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร พระสงฆ์ต้องอพยพหนีน้ำท่วมไปฉันอาหารอยู่บนที่สูง ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่ลดลง นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำท่วมใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ย่านเศรษฐกิจในตัวอำเภอแก้งคร้อ และอำเภอบ้านเขว้า น้ำป่าสีแดงขุ่นไหลเข้าท่วมถนนสาย 225 ชัยภูมิ-นครสวรรค์ รวมถึงร้านค้า บ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะที่วัดกลางโนนแดง และวัดดอนไผ่ สาเหตุมาจากกรมทางหลวงก่อสร้างถนน 4 เลน ตัดผ่านบ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า ทำให้น้ำป่าที่ไหลมาจากเขาภูแลนคา ไม่สามารถไหลไปลงแม่น้ำชีได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 11 ก.ย. – กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ โดยภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

เร่งหาสาเหตุ จนท.สวนสัตว์ลงจากรถ ก่อนถูกสิงโตรุมขย้ำ

10 ก.ย. – เหตุสลด จนท.สวนสัตว์เอกชนแห่งหนึ่งถูกสิงโตรุมขย้ำจนเสียชีวิต ขณะลงจากรถ ทางสวนสัตว์เร่งหาสาเหตุลงไปทำไม ทั้งที่เจ้าตัวทราบกฎของสวนสัตว์ดีอยู่แล้ว นักท่องเที่ยวอินเดียบันทึกเหตุการณ์ขณะเจ้าหน้าที่สวนสัตว์เอกชนแห่งหนึ่งลงจากรถ ก่อนถูกสิงโตตัวแรกเข้ามากัดจากทางด้านหลัง แล้วลากไปให้เพื่อนสิงโตอีก 4 ตัว รุมขย้ำ โดยในคลิปเจ้าหน้าที่ไม่ได้ดิ้นขัดขืน และไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือ ก่อนนอนแน่นิ่งและถูกรุมกัดจนเสียชีวิต ขณะที่ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์สิงโตรุมขย้ำเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่ง ซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์ และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างนอกรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูรถทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้าเข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนรู้สึกแปลกใจอย่างมาก แต่เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาข้างหลัง ก่อนตะครุบเข้าทางด้านหลังเจ้าหน้าที่ทันที โดยเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าทีขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้นสิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ […]

เร่งซ่อมพนังกั้นน้ำยังขาดให้เสร็จภายในคืนนี้

ร้อยเอ็ด 10 ก.ย. – เจ้าหน้าที่เร่งซ่อมแซมถนนสายบ้านทรายมูล-โพธิ์ตาก ซึ่งเสมือนพนังกั้นน้ำยัง หลังถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนขาด เมื่อช่วงเช้าวานนี้ โดยต้องปรับแผนนำเสาไฟฟ้ามาวางขวางเป็นแนวบิ๊กแบ็ก เพื่อให้แล้วเสร็จภายในคืนนี้. – สำนักข่าวไทย

ส่องสาเหตุรถชนโครมเดียว เสาไฟฟ้าล้ม 77 ต้น

เชียงใหม่ 10 ก.ย. – อุบัติเหตุรถบรรทุกน้ำดื่มแหกโค้งพุ่งชนเสาไฟฟ้าที่ จ.เชียงใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สร้างความเสียหายหนัก เสาไฟฟ้าล้มกว่า 70 ต้น บ้านเรือนเสียหาย 20 หลัง สาเหตุเกิดจากอะไร. – สำนักข่าวไทย