“สุรเดช” จี้ใช้โอกาสนี้ยกเลิก MOU43-44 ยันแผนที่ 1 : 50,000

กรุงเทพฯ 27 ก.ค.-“สุรเดช” จี้ใช้โอกาสนี้ยกเลิก MOU43-44 ยันแผนที่ 1 : 50,000 พื้นที่หลายปราสาทเป็นของไทย เขมรต้องคืนมา บอกรัฐบาลหมดความชอบธรรม ประชาชนไม่ศรัทธา เรียกร้องเสียสละ “ยุบสภา-เปลี่ยนรัฐบาลใหม่” บอกมันจบแล้ว พร้อมวอนพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว ไม่เช่นนั้นประเทศไม่สงบ แนะคุย “ทรัมป์” เลื่อนเดดไลน์ภาษีออกไปก่อน ย้ำอธิปไตยและความมั่นคงประเทศต้องมาก่อนการค้า

นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงมีความรุนแรงต่อเนื่องว่า ในนามส่วนตัวตนเห็นว่า เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ รัฐบาลก็ควรจะใช้โอกาสนี้ยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 นอกจากนี้จะต้องยืนยันแผนที่ 1/ 50,000 ไม่ใช่ 1/ 200,000 ตามที่กัมพูชายืนยัน ซึ่งการที่กัมพูชาต้องการจะใช้แผนที่ 1/ 200,000 ก็เพราะว่าเราจะมองไม่ออกว่าเขตแนวชายแดนของเราในอดีตอยู่ตรงไหนบ้าง แต่ถ้าเป็นแผนที่ 1/ 50,000 เราจะเห็นพื้นที่ของเราชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นประสาทเขาพระวิหาร ปราสาทตาเมือนธม ประสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย หรือแม้แต่เสียมเรียบ พระตะบอง เป็นพื้นที่เก่าของประเทศไทย ถ้าพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ แต่ถ้าพิสูจน์แล้วว่าใช่ทางกัมพูชาก็ต้องคืนกลับมาเป็นของไทย


นายสุรเดช กล่าวด้วยว่า ในส่วนของรัฐบาลเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างนี้แล้วส่วนตัวตนคิดว่ารัฐบาลไม่มีความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศต่อไปได้แล้ว เพราะประชาชนไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย จึงขอเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลเสียสละถ้าไม่ยุบสภาก็ต้องเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ แต่ต้องไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากพรรคปัจจุบันนี้ แต่ถ้ายังยื้อต่อไป ตนก็ขอเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว เพราะถ้าพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวทุกอย่างก็จบรัฐบาลไปต่อไม่ได้ เพราะปัจจุบันรัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำมาก ถ้ารัฐบาลไปไม่ได้ สเต็ปต่อไปก็ต้องยุบสภาหรืออาจจะเปลี่ยนขั้วอำนาจเลยก็ว่ากันไป

“แต่ก่อนอื่นรัฐบาลต้องเสียสละก่อน ไม่เสียสละไม่ได้ ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองเราจะวุ่นวายทันที เพราะตอนนี้เป็นวิกฤติศรัทธาที่รุนแรงมากประชาชนไม่ศรัทธารัฐบาลชุดนี้แล้ว ดังนั้นก็ขอเรียกร้องไปถึงพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆที่ไม่มีพรรคแกนนำอย่างพรรคเพื่อไทย ควรจะประชุมหารือกัน หรือจะตัดสินใจเฉพาะในส่วนของพรรคตัวเองก็ว่ากันไป ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองเราจะไม่สงบ ส่วนตัวผมเชื่อว่าถ้ามีการเปลี่ยนรัฐบาล ปัญหาการสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาจะจบในเร็ววัน”


นายสุรเดช กล่าวต่อว่า รัฐบาลไม่ต้องเป็นห่วงว่ายุบสภาในช่วงที่ประเทศกำลังมีสงครามจะไม่เป็นผลดี เพราะต่อให้รัฐบาลยุบสภาและมีการเลือกตั้งใหม่ โดยที่ยังเป็นรัฐบาลรักษาการเพราะกระทรวงกลาโหมได้ใช้พรบ.บริหารจัดการด้านการทหารโดยมอบอำนาจให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.)ดำเนินการแล้ว ดังนั้น ทหารก็ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของเขาไป ส่วนรัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศก็มีหน้าที่ในการเจรจาเพื่อให้สถานการณ์สู้รบสงบโดยเร็ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าล่าสุดทางประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐได้เข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจา 2 ประเทศเพื่อให้มีการหยุดยิงโดยมีการนำเรื่องของการเจรจาเรื่องของภาษีมาเป็นเงื่อนไขที่จะลดภาษีนำเข้าให้นั้น นายสุรเดช กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่า เรื่องการสู้รบในขณะนี้มีผลกระทบทางด้านอธิปไตยของประเทศด้วย ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้บอกไปแล้วว่า เราอยากหยุดอยู่แล้วและพร้อมที่จะเจรจาทวิภาคี แต่ฝ่ายกัมพูชาต้องหยุดรุกรานเราก่อน เพราะกัมพูชา เป็นฝ่ายเริ่มก่อน ดังนั้นก็ต้องหยุดก่อน

“ส่วนตัวผมเห็นว่า อธิปไตยและความมั่นคงของประเทศต้องมาก่อน ส่วนเรื่องการค้าตามมาทีหลัง การที่สหรัฐต้องการที่จะเป็นคนช่วยไกล่เกลี่ยเราก็ต้องมีจุดยืนและต้องยืนยันไปว่า เราไม่เคยไปล่วงละเมิดอธิปไตยของใคร แต่เราถูกรังแกก่อน เราจึงต้องปกป้องเพราะฉะนั้นถ้าจะยุติการสู้รบ ก็ต้องมาตกลงกันใหม่ระหว่าง 2 ประเทศ แต่ถ้ากัมพูชาไม่ยอม เราก็คงยอมไม่ได้เพราะความสูญเสียอย่างมหาศาลเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งถ้าประธานาธิบดีจะใช้เงื่อนไขของภาษีตรงนี้มาเจรจา เราก็ต้องขอให้ทางสหรัฐยืดเวลาออกไปก่อนเพราะขณะนี้ เรายังมีการสู้รบกันอยู่ สงครามยังไม่จบ อาจจะขอเลื่อนเดดไลน์จากวันที่ 1 สิงหาคมออกไปก่อน”.-312.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.รับทราบเหตุปะทะเดือดสงขลา ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กต่าย” พยักหน้ารับทราบ เหตุปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ จ.สงขลา ระบุขอเข้าประชุมก่อน พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมร่วมกับกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านห้วยเต่า สงขลา แล้วหรือไม่ โดยพลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ระบุเพียงว่าขอเข้าประชุมก่อน -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์ ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์โผล่วันจับ “ทิดอลงกต” ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ พบพิรุธ ยังไม่มารายงานตัว พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทิดอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ตลกชื่อ 3 พยางค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินวัดพระบาทน้ำพุด้วย ว่า มีตลกอีก 1 คนที่ยังเป็นเป้าหมายยังไม่ได้มาแสดงตัวและยังไม่ได้มาให้การ พนักงานสอบสวนจะเรียกมาเอง ซึ่งพบพิรุธเยอะว่าทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามวิธีการที่ทำในการเข้าไปช่วยเหลือ ทิดอลงกต ในการขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ และไม่เหมือนดาราท่านอื่น ที่เป็นการรับจ้างงาน แต่คนนี้น่าจะเป็นคนที่สนิทส่วนตัว เป็นคนที่เคยถูกดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่าเป็นคนลึกลับซับซ้อน ซึ่งเป็นคนที่เคยโผล่ให้เห็นในวันที่ทิดอลงกตถูกจับ -สำนักข่าวไทย

พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที จนท.สวนสัตว์ ลงจากรถ แล้วถูกสิงโตตะปบรุมขย้ำ

กทม. 10 ก.ย.-พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที สิงโตตะปบเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ จากนั้นสิงโตอีก 5 ตัว รุมขย้ำ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องขอความช่วยเหลือ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต ก็พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างล่างของรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้า เข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนจะตะครุบเข้าข้างหลังเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทันที โดยที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าที ขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้น สิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัดตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่น ที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10 […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กักสิงโตสวนสัตว์ดัง-ปรับพฤติกรรม

กรุงเทพฯ 11 ก.ย. – เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ สั่งกักสิงโตสวนสัตว์ดัง เพื่อปรับพฤติกรรม แยกเพศ-เฝ้าสังเกตใกล้ชิด เจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ลงพื้นที่สวนสัตว์ดัง ย่านคลองสามวา กรุงเทพฯ หลังเกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์เสียชีวิต โดยได้สั่งการให้กักสิงโตทั้งหมดในฝูงที่ก่อเหตุไว้ในกรงชั่วคราว แยกสิงโตเพศผู้และเพศเมีย เพื่อเฝ้าสังเกตพฤติกรรมในระยะใกล้ สำหรับสิงโตที่เข้าตะปบเจ้าหน้าที่จนเสียชีวิต เป็นตัวผู้ โดยสิงโตร่วมฝูงมี 7 ตัว แต่ที่เข้ารุมกัดเจ้าหน้าที่มี 5 ตัว ได้แก่ 1) ทรัมป์ (เพศผู้) ตัวตะปบ 2) ไบท์ (เพศผู้) ตัวตาม 3) อ้อน (เพศเมีย) ตัวตาม 4) อ้าย (เพศเมีย) ตัวตาม 5) ยาว (เพศเมีย) ตัวตาม ทั้งนี้ สิงโตทุกตัวอายุประมาณ 10 ปี พร้อมกันนี้ สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กำลังตรวจสอบมาตรการความปลอดภัย และจะไม่อนุญาตให้เปิดส่วนจัดแสดงสัตว์ดุร้าย […]

เร่งฟื้นฟูความเสียหายเหตุกระบะชนเสาไฟฟ้า

เชียงใหม่ 11 ก.ย. – เร่งฟื้นฟูความเสียหายเหตุกระบะชนเสาไฟฟ้าล้ม ถนนหนองฮ่อ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ชาวบ้านกังวล หลังทราบว่าประกันรถกระบะคันต้นเหตุ คุ้มครองความเสียหายแค่ 600,000 บาท วอนการไฟฟ้า หรือ อบต.ช้างเผือก ยื่นมือช่วยเหลือ ตลอดช่วงเช้าวันนี้ (11 ก.ย.) เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ยังคงระดมกำลังฟื้นฟูระบบไฟฟ้าบนถนนหนองฮ่อ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ โดยขุดหลุมติดตั้งเสาไฟฟ้าแรงสูงและแรงต่ำทดแทนต้นเดิมที่ล้มเสียหายจากอุบัติเหตุ ตลอดเส้นทางเป็นระยะทาง 595 เมตร พร้อมเก็บซากอุปกรณ์ตามร้านค้าและบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหาย คาดว่าจะใช้เวลาอีก 3 วันจะดำเนินการแล้วเสร็จ ขณะที่ระบบไฟฟ้าถูกแก้ไขจนสามารถจ่ายไฟได้ครบทุกหลังคาเรือนแล้วตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ว่าที่ร้อยตรี ปรีชาพล ปาละโมงค์ หนึ่งในเจ้าของร้านที่ได้รับความเสียหาย บอกว่า ช่างมาประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับหลังคาและโครงสร้าง ประมาณ 150,000 บาท แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการชดใช้เยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น ทำให้ยังเปิดร้านไม่ได้ ขาดรายได้ แถมยังมีค่าใช้จ่ายอีกมาก และจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อแสดงความรับผิดชอบจากนายจ้างของกระบะส่งน้ำ ตอนนี้ทุกคนกังวลมาก เพราะทราบว่าประกันรถที่เกิดอุบัติเหตุคุ้มครองความเสียหายเพียง 600,000 บาท ไม่เพียงพอกับมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน จึงทยอยเข้าแจ้งความกันไว้แล้ว ขอเรียกร้องให้ทางการไฟฟ้า หรือ […]

กต.เตรียมมาตรการช่วยเหลือคนไทยในเนปาล

กต. 11 ก.ย.- สอท.เนปาล ประเมินสถานการณ์ร่วม กต. เตรียมมาตรการช่วยคนไทยใกล้ชิด กำชับคนไทยอยู่ในสถานที่ปลอดภัย สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงกาฐมาณฑุ สาธารณรัฐเนปาล ออกประกาศแจ้งเตือนคนไทยในเนปาล ตามที่ทางการเนปาลได้ประกาศเคอร์ฟิวในหลายพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา สืบเนื่องจากเหตุการณ์การชุมนุมประท้วงต่อต้านการทุจริตและมาตรการห้ามใช้สื่อสังคมออนไลน์ของรัฐบาลเนปาล โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Gen Z) ส่งผลให้ทางการเนปาลบังคับใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดดังนี้ กรุงกาฐมาณฑุ ประกาศเคอร์ฟิว ตั้งแต่เวลา 08.30 น. เป็นต้นไปจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ครอบคลุมพื้นที่ภายในถนนวงแหวน (Ring Road) รวมถึงบริเวณสะพาน Balkumari, Koteshwar, Sinamangal, Gaushala, Chabahil, Narayan Gopal Chowk, Gongabu, Balaju, Swayambhu, Kalanki, Balkhu และสะพาน Bagmati เมืองลลิตปูร์ ประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่เวลา 09.00 น. […]

จนท.เทศบาล ถูกดินถล่มทับเสียชีวิตแล้ว

เชียงใหม่ 11 ก.ย. – ยื้อไม่ไหว เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองดอนแก้ว จ.เชียงใหม่ ที่ถูกดินถล่มทับระหว่างสำรวจรอยรั่วท่อระบายน้ำ เสียชีวิตแล้ว นาทีชีวิตขณะนายประเสริฐ วัย 56 ปี หัวหน้าก่อสร้างกองช่าง เทศบาลเมืองดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ลงไปตรวจสอบท่อระบายน้ำใต้ถนนในโครงการห้วยตึงเฒ่า หลังมีน้ำรั่วซึมจนเกิดโพรงใต้ดิน ทำให้ถนนทรุดตัว แต่ขณะตรวจดูท่อ ดินบนถนนเกิดทรุดตัวลงมาทับนายประเสริญ ก่อนเจ้าหน้าที่จะช่วยกันนำรถแบ็กโฮขุดดินออก ใช้เวลา 10 กว่านาที จึงนำร่างของนายประเสริฐออกมาได้ ก่อนเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลนครพิงค์ ล่าสุดเช้าวันนี้ (11 ก.ย.) นายประเสริฐเสียชีวิตแล้ว พบหลังกระดูกหักหลายจุด ซี่โครงทิ่มปอดและม้าม ท่ามกลางความเศร้าเสียใจของครอบครัวและเพื่อนร่วมงาน เนื่องจากนายประเสริฐเป็นคนที่ทุ่มเทกับงาน เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน ด้านนายเกรียงไกร จันณะคำ ผอ.กองช่างเทศบาลเมืองดอนแก้ว ซึ่งเป็นหัวหน้างานของนายประเสริฐ เล่าว่า ขณะเกิดเหตุ ตนและนายประเสริฐลงไปดูจุดท่อรั่วรอบแรกเพื่อหาสาเหตุ ก่อนจะซ่อมถนนและกลบดิน แต่รอบที่สอง นายประเสริฐลงไปดูเองอีกรอบ จนดินด้านบนถล่มลงมาทับ หลังเกิดเหตุเร่งช่วยเหลือนายประเสริฐอย่างเต็มกำลังและปฐมพยาบาลเบื้องต้น ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ซึ่งนายประเสริฐยังรู้สึกตัว จนนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายก็เสียชีวิตเมื่อตี […]