“ธีรรัตน์” นำคณะลุยน่าน มอบถุงยังชีพผู้ประสบอุทกภัย

น่าน 25 ก.ค.- “ธีรรัตน์” นำคณะลงพื้นที่ให้กำลังใจประชาชนชาวน่านต่อเนื่องที่ อ.เชียงกลาง และ อ.ปัว ย้ำ รัฐบาลดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ และขอบคุณผู้ว่าฯ น่าน บูรณาการทุกหน่วยงานดูแลช่วยเหลือ-ไม่ทอดทิ้งพี่น้องประชาชน พร้อมเผยมีกำหนดลงพื้นที่เขตเทศบาลเมืองน่านในวันพรุ่งนี้


นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยพื้นที่อำเภอเชียงกลาง ณ หอประชุมบ้านหนองแดง หมู่ที่ 1 อ.เชียงกลาง จ.น่าน พร้อมมอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบอุทกภัย จำนวน 200 ชุด และลงพื้นที่เยี่ยมเยียนให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่

จากนั้น ได้เดินทางต่อไปที่หอประชุมโรงเรียนบ้านร้อง ต.ปัว อ.ปัว จ.น่าน พร้อมมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนผู้ประสบอุทกภัย จำนวน 395 ชุด และเดินทางเยี่ยมเยียนให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่


การลงพื้นที่ในวันนี้ นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นายนพรัตน์ ถาวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดน่าน นายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมลงพื้นที่

นางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่า วันนี้ตนเดินทางมามอบกำลังใจ มอบความห่วงใยจากรัฐบาล ซึ่งเราได้ติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่การคาดการณ์สภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งดำเนินการในมิติป้องกันด้วยการแจ้งเตือนภัยในทุกช่องทางสื่อสาร เพื่อที่จะบรรเทาผลกระทบความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชนให้มีน้อยที่สุด ถือว่าปีนี้ทางราชการได้ส่งสัญญาณเตือนภัยพวกเราล่วงหน้า ทั้งระบบ cell broadcast ทำให้เราได้เตรียมความพร้อมและลดความสูญเสีย แต่ก็ต้องเรียนว่าพายุวิภาที่เกิดในครั้งนี้ แม้ว่าจะลดระดับความรุนแรงลง แต่ก็ยังส่งผลกระทบสร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชน รวมทั้งความเสียหายต่อทรัพย์สินส่วนรวมเป็นจำนวนมาก 

“ที่อำเภอเชียงกลาง ตนก็ได้ไปพบกับผู้ได้รับผลกระทบซึ่งทุกคนเพิ่งผ่านอุทกภัยใหญ่ แต่ทุกคนยังมีกำลังใจดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ต้อนรับผู้มาเยือน ทำให้พวกเราทุกคนที่ได้ไปลงพื้นที่ก็ได้รับกำลังใจด้วยเช่นกัน รวมถึงพี่น้องชาวปัวทุกคนด้วย และตนจะนำกำลังใจที่พี่น้องมอบให้ไปส่งต่อให้พี่น้องในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป เพื่อฟันฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกัน ให้ทุกคนได้รับการดูแลจากภาครัฐอย่างดีที่สุด ต้องขอขอบคุณท่านผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ท่านนายอำเภอ ปภ. ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อส. ชรบ. พี่ ๆทหาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พี่น้องอาสาสมัครกู้ภัย และทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้อง ที่พวกเราทำงานอย่างบูรณาการ ทุกหน่วยงานช่วยเหลือกัน และไม่ทิ้งพี่น้องประชาชน แม้เวลาตี 3 ตี 4 ก็ยังทำงาน ยังใช้เรือ ยังเข็นเรือไปรับพี่น้องกันอยู่ เพราะตอนแรกเราคาดการณ์ว่าย้ายไปชั้น 2 สามารถหลบภัยได้ แต่พอจริง ๆ แล้วมันไม่เพียงพอ รวมถึงพี่น้องประชาชนที่เจ็บป่วยฉุกเฉิน” นางสาวธีรรัตน์ กล่าว


นางสาวธีรรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ที่โรงพยาบาลน่านกำลังปรับปรุงพื้นที่ชั้น 1 ที่มีการปรับปรุงอาคารใหม่ซึ่งได้รับผลกระทบจากโคลนเข้าไปอยู่ด้านใน ขณะนี้ก็เร่งทำความสะอาด คาดว่าใช้เวลา 2-3 วัน ก็จะกลับมาใช้ได้ ต้องถือว่าโชคดีที่ทางจังหวัดน่านได้มีการประชุมหารือพูดคุยกับโรงพยาบาลน่านนับตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ทำให้เราสามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปไว้ชั้นสูงได้ทัน และย้ายอุปกรณ์บางส่วนไปตั้งโรงพยาบาลสนาม ทำให้สามารถรองรับการดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชนได้

“ทั้งนี้หลังจากน้ำลด ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดจะได้ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ลงไปสำรวจและดำเนินการเยียวยาดูแลพี่น้องประชาชนตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด และสำหรับมวลน้ำที่ตอนนี้กำลังลดระดับที่จังหวัดน่าน ก็ต้องเตือนพี่ ๆ ที่อยู่ท้ายน้ำว่า น้ำวันนี้ก็จะลงต่อไปทำให้พื้นที่อื่นได้รับผลกระทบต่อไป ทั้งพื้นที่เกษตร และพื้นที่บ้านเรือน ซึ่งถ้าทุกคนเตรียมความพร้อมไว้ความเสียหายก็จะลดน้อยลง และในวันพรุ่งนี้ (26 ก.ค. 68) ตนจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจพี่น้องประชาชนในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองน่าน เพื่อนำกำลังใจของพวกเราทุกคนไปมอบให้กับพี่น้องประชาชนคนอื่นที่ประสบภัยต่อไป

ด้าน นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า ในปัจจุบันจังหวัดน่านมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 10 อำเภอ 46 ตำบล 90 หมู่บ้าน 7,513 ครัวเรือน โดยในส่วนของอำเภอเชียงกลาง จำนวน 4 ตำบล 4 หมู่บ้าน เกิดน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ได้รับผลกระทบประมาณ 1,100 ครัวเรือน 3,300 คน ขณะที่พื้นที่อำเภอปัว จำนวน 8 ตำบล 14 หมู่บ้าน เกิดน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ได้รับผลกระทบ ประมาณ 1,200 ครัวเรือน 3,600 คน มีเส้นทางการคมนาคมสัญจรสายหลักมีน้ำท่วมบริเวณ ปั้ม ปตท. อำเภอปัว รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้ -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]