ทำเนียบฯ 25 ก.ค.- “ภูมิธรรม” อ่านแถลงการณ์รัฐบาลไทย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณในหลวง-พระราชินี รับผู้บาดเจ็บทุกคนจากเหตุการณ์ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ชี้ กัมพูชา ใช้กำลังทหารโจมตีพื้นที่ชุมชน-โรงพยาบาล ขัดกรอบกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรม ลั่น เป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง ขอประชาคมโลกร่วมประณามการกระทำไร้ซึ่งมนุษยธรรม พร้อมแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้สูญเสีย ยืนยัน รัฐบาลไทยไม่นิ่งนอนใจ บอก กองทัพไทยตอบโต้ทันทีนับตั้งแต่เสียงกระบอกปืนนัดแรกดัง
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี อ่านแถลงการณ์รัฐบาลไทย ฉบับแรก ต่อสถานการณ์ความไม่สงบที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อสื่อสารกับประชาชน โดยระบุว่า “พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกท่าน จากสถานการณ์ที่ประเทศไทยของเรากำลังถูกคุกคามจากประเทศกัมพูชา แม้ที่ผ่านมาเราจะอดทนอดกลั้นต่อการยั่วยุและเลือกที่จะใช้สันติวิธีภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศและตามหลักมนุษยธรรมแล้ว
แต่เป็นที่น่าผิดหวังมากที่ฝ่ายกัมพูชาเลือกที่จะใช้กำลังทางทหารก่อนและยังเป็นการปฏิบัติที่ขัดต่อกรอบกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรมอย่างรุนแรง ด้วยการโจมตีโรงพยาบาล และพื้นที่ชุมชนที่ประชาชนอาศัยอยู่ซึ่ง เลยแนวชายแดนมากว่า 20 กิโลเมตร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเป็นพลเรือน 13 รายรวมไปถึงเด็ก สตรีและคนชรา รวมทั้งทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนเสียหายอย่าง ใหญ่หลวง ถือเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง ซึ่งเมื่อวานนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงข้อเท็จจริงกับเลขาธิการสหประชาชาติ และรัฐบาลได้มีหนังสือถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง ประณามการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งขอเชิญชวนให้ประชาคมโลกร่วมประณามการกระทำอันไร้มนุษยธรรมนี้

รัฐบาลขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียของพี่น้องประชาชน ทุกท่าน และขอยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาล กองทัพ และหน่วยราชการทุกหน่วยไม่ได้นิ่งนอนใจแม้แต่น้อย นับแต่เสียงจากกระบอกปืนนัดแรกดังขึ้น กองทัพไทยได้มีการตอบโต้โดยจำกัดวงอยู่เฉพาะเป้าหมายทางการทหารของกัมพูชา บนหลักการปกป้องตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยได้ทำลายฐานที่มั่นทางการทหารของกัมพูชา
ขณะนี้เราได้มีการจัดการอพยพผู้คนที่ได้รับผลกระทบออกจากพื้นที่นับแสนคน และรัฐบาลได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือน รายละ 1 ล้านบาท ทุพพลภาพ 700,000 บาท ผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 200,000 บาท ผู้ได้รับบาดเจ็บมาก 100,000 บาท และได้ประสาน สายการบินทุกสายในการจัดเที่ยวบินพิเศษเพื่อรับคนไทยกลับบ้านอย่างปลอดภัยรวมถึงการดูแลกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มที่ โดยในวันพรุ่งนี้(26 ก.ค.) รัฐมนตรีจะลงพื้นที่ครอบคลุม 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ เพื่อไปสร้างความเชื่อมั่นว่าพี่น้องประชาชนในพื้นที่จะมีความปลอดภัย และช่วยดูแลเพื่อสร้างขวัญก าลังใจให้พี่น้องในพื้นที่สถานการณ์ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่คนไทยทุกคนต้องรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อส่งกำลังใจให้ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ทุกคนในการปกป้องอธิปไตย และประชาชนใน พื้นที่ให้มีความปลอดภัย ผมขอเน้นย้ าว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ความขัดแย้งในระดับประชาชนทั้งสองประเทศ ไม่ใช่การประกาศสงคราม แต่เป็นการปะทะกันตาม แนวชายแดนเพื่อปกป้องอธิปไตยและตอบโต้ผู้รุกราน
ท้ายที่สุดนี้ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยกำลังพลและราษฎรที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ จึงทรงพระกรุณาโปรด เกล้าโปรดกระหม่อม ทรงรับผู้บาดเจ็บทุกคนเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์.-316 -สำนักข่าวไทย

