“ภูมิธรรม” มอบอำนาจกองทัพดูแลเหตุการณ์ชายแดน-รมว.กต.คุยยูเอ็นแล้ว

ทำเนียบฯ 24 ก.ค. – “ภูมิธรรม” เผยประชุมสภาความมั่นคง และ ครม.วาระพิเศษ แก้ไขสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันกัมพูชายั่วยุเปิดฉากยิงก่อน เป้าหมายไม่ชัดเจน ทำให้พลเรือนเสียชีวิต 10 ราย ทหาร 1 นาย มอบจังหวัดดูแลประชาชนอพยพห่างชายแดน 50 กิโลเมตร ยังไม่คุยกัมพูชา จนกว่าสถานการณ์จะยุติ ระบุไม่มีประกาศสงคราม แต่มอบอำนาจกองทัพตัดสินใจดูแลเหตุการณ์ ก่อนรายงานรัฐบาล แต่ย้ำต้องอยู่ภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่จำเป็นดึงต่างประเทศเป็นตัวกลางเจรจา พร้อมเผย “มาริษ“ คุยยูเอ็นแล้ว ย้ำปฏิบัติการทางทหารจะยุติเร็วที่สุด


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ วาระพิเศษ ที่มีคณะรัฐมนตรี ตัวแทนเหล่าทัพ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ว่าเนื่องจากเกิดเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะเดียวกันยังเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษไปด้วย โดยเชิญเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเข้าร่วม ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ดังนั้น จึงเป็นการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาตินัดพิเศษ และคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษด้วย เพราะหลายเรื่องจำเป็นต้องใช้มติคณะรัฐมนตรีในการดำเนินการ พร้อมระบุว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ปะทะกัน เท่าที่รับรายงานจากหน่วยทหารที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่ากัมพูชาได้ยิงเข้ามาและเปิดฉากใส่ทหารไทยก่อน จนนำไปสู่เหตุการณ์บานปลาย จนถึงเวลานี้มีการใช้อาวุธหนัก แต่สิ่งสำคัญคือการยิงของกัมพูชาใช้อาวุธหนัก และยิงเข้ามาในเขตแดนประเทศไทย โดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน และเป็นการยิงที่เกี่ยวข้องกับพลเรือน ทำให้พลเรือนไทยเสียชีวิตทั้งหมดขณะนี้มีตัวเลขผู้เสียชีวิต 11 ราย เป็นพลเรือน 10 ราย และทหาร 1 นาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 28 คน โดย 24 คนเป็นพลเรือน อีก 4 คนเป็นทหาร

“ขอประณามกัมพูชาว่าเป็นการใช้อาวุธหนักที่รุนแรง ไม่มีเป้าหมาย และไม่ได้จำกัดเฉพาะเขตการต่อสู้ ซึ่งทหารกัมพูชายิงเข้ามาบริเวณปั๊มน้ำมันในร้านสะดวกซื้อ และบางส่วนกระสุนยิงเข้ากลางโรงพยาบาล บางส่วนห่างพื้นที่โรงพยาบาล 3 กิโลเมตร ดังนั้น ไทยขอประฌามเป็นการกระทำที่ไม่ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ ย้ำว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ใช่การประกาศสงคราม เป็นแค่การปะทะกัน โดยไทยยืนยันหลักการว่าต้องใช้สันติวิธี ไม่ใช้ความรุนแรง และต้องใช้การพูดคุยกันในการแก้ไขปัญหา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นลักษณะที่มีการยั่วยุจากฝั่งกัมพูชามาโดยตลอด ซึ่งไทยต้องป้องกันตัวเองและป้องกันอธิปไตยของประเทศ ถือเป็นหัวใจสำคัญ ยอมไม่ได้ที่จะมีลักษณะบุกรุกในการละเมิดอธิปไตยต่อประเทศไทย ดังนั้น จึงต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่” นายภูมิธรรม กล่าว


นายภูมิธรรม ยังระบุว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำที่กัมพูชาได้ก่อขึ้นอย่างน้อย 2 เหตุการณ์ในเขตพื้นที่ที่มีการลาดตระเวนของทหารไทยและกัมพูชาตามข้อตกลงเดิม แต่สิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาที่ผ่านมามีการลาดตระเวนมาโดยตลอด แต่กลับมีระเบิดเกิดขึ้น ล่าสุดทำให้สูญเสียขาของทหาร จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ ดังนั้น ไทยจะต้องแสดงความชัดเจนในเรื่องนี้ พร้อมระบุว่าขณะนี้ไทยได้เตรียมการและแก้ไขปัญหาต่างๆ แล้ว โดยทางกองทัพได้ดำเนินการปกป้องอธิปไตยในพื้นที่อย่างเต็มที่ ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับผิดชอบ ขณะเดียวกันรัฐบาลได้มอบอำนาจให้กองทัพดำเนินมาตรการต่างๆ ตามความจำเป็นโดยยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะเมื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน อาจจะไม่มีเวลามาขออนุญาต จึงต้องดำเนินการไปตามขอบเขต และแจ้งให้กับรัฐบาลทราบโดยเร็ว

นอกจากนี้สิ่งที่เกิดขึ้นครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด คือ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ดังนั้น ยังต้องควบคุมอยู่ในพื้นที่ แต่ได้ระมัดระวังป้องกันตามแนวชายแดนอย่างเต็มที่ โดยให้กระทรวงมหาดไทยอพยพคนออกจากพื้นที่ให้ไกลกว่าชายแดน 50 กิโลเมตร ถือเป็นระยะที่ปลอดภัย และสั่งการให้ดูแลอพยพประชาชน ซึ่งมีแผนรองรับอยู่แล้ว และได้ดำเนินการอย่างเรียบร้อย ขณะที่มติที่ประชุมวันนี้และเป็นมติคณะรัฐมนตรี ให้ดูแลประชาชนและเยียวยาผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างดีที่สุด โดยเป็นไปตามระเบียบที่วางไว้ พร้อมระบุว่าโรงเรียนตามแนวชายแดนถูกสั่งปิด เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับนักเรียน

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลง โรงพยาบาลอำเภอบริเวณชายแดนให้เป็นโรงพยาบาลสนาม และได้อพยพคนไข้ รวมถึงผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดไปสู่แนวหลัง และอยู่ในจุดที่ปลอดภัย ส่วนมาตรการกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการไปแล้ว ทั้งลดระดับทางการทูตกับกัมพูชา ถือว่าเป็นระดับที่รุนแรงแล้ว


ส่วนจะมีการพูดคุยระดับสองประเทศเพื่อให้เหตุการณ์ยุตินั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตอนนี้ต้องให้สถานการณ์ยุติก่อน เพราะไทยไม่ได้เป็นผู้เริ่ม ถ้าแสดงความจริงใจต่อกันสามารถพูดคุยกันได้ แต่ขณะนี้รู้สึกว่าฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายยั่วยุ ดังนั้น ต้องดำเนินการตามครรลองที่เกิดขึ้น ขณะที่มาตรการช่วยเหลือประชาชน จังหวัดมีมาตรการอยู่แล้ว รวมถึงการเบิกงบในการช่วยเหลือ

ส่วนมีรายงานเรื่องความเสียหายของทางกัมพูชาหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องยุทธการไม่ขอพูดถึง และไม่ทราบกระแสข่าวสมเด็จฮุน เซน บินออกนอกประเทศกัมพูชา เพราะไม่ได้ติดตามเรื่องของคนคนนั้น ห่วงใยเฉพาะคนในประเทศเรา และสนใจเฉพาะเหตุการณ์ที่มีการปะทะกันและบานปลาย เพื่อคำนึงถึงชีวิตทหารหาญ และประชาชนคนไทย

ส่วนที่ทางกัมพูชามีการยื่นหนังสือถึงยูเอ็น ทางฝั่งไทยมีการดำเนินการอย่างไร นายภูมิธรรม ชี้แจงว่า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อยู่ที่นิวยอร์ก สหรัฐ และได้คุยกับเลขาธิการสภาความมั่นคงขององค์การสหประชาชาติ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา จากนั้นได้รายงานและหารือกับรัฐบาลถึงแนวทางที่จะดำเนินการมาตรการในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งชี้แจงสถานการณ์ให้เข้าใจ ส่วนรายละเอียดของหนังสือทำชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รอกระทรวงการต่างประเทศแถลงรายละเอียดอีกครั้ง ยืนยันไม่ได้มีการปกปิด แต่พื้นที่เป็นเรื่องความละเอียดอ่อน ยืนยันว่าโดยหลักการการจะเกี่ยวข้องกับอธิปไตยของประเทศและการรุกล้ำเข้ามาในประเทศไทย เราต้องปกป้องตนเอง และยืนยันถึงมาตรการของกระทรวงการต่างประเทศ แต่เนื่องจากรายละเอียดบางอย่างยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยเฉพาะด้านยุทธการ พอจะทำให้กัมพูชารู้ความเคลื่อนไหว และอาจจะทำให้เกิดการเพลี่ยงพล้ำ

ทางกองทัพได้มีการขีดเส้นหรือไม่ว่าปฏิบัติการครั้งนี้จะยุติเมื่อใด นายภูมิธรรม กล่าวว่า การปฏิบัติการจะให้ยุติโดยเร็วที่สุด

ถ้าสมมติว่าทางกัมพูชาอยากจะเจรจาเพื่อให้เหตุการณ์ปกติ เราจะมีวิธีการอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า วิธีการนั้นพูดไม่ได้ แต่เขาต้องยุติความรุนแรง และสิ่งที่สำคัญต้องระมัดระวังเรื่องข่าวลือ หากข่าวยังไม่ชัดเจนก็ยังไม่ควรไปเผยแพร่ เพราะอาจทำให้เกิดความรุนแรงไปมากกว่านี้ ย้ำว่ากองทัพสามารถดูแลและปกป้องประเทศได้ มีความพร้อมทุกอย่าง แต่หากเหตุการณ์บานปลายจะกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชน ขณะนี้ให้ตำรวจดูแลทรัพย์สินของประชาชนที่อพยพออกจากพื้นที่

ถ้ากัมพูชาใช้มาตรการรุนแรง ไทยจะใช้มาตรการรุนแรงกลับไปหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า จะดูแลตามสถานการณ์ โดยไม่ให้อธิปไตย เราเสียหายไม่ให้ประเทศเสียหาย อย่าไปพูดว่าจะรุนแรงไปรุนแรงมาก การพูดนั้นไม่ได้ดีเท่ากับการทำ เพราะการกระทำที่ดีจะสามารถแก้ปัญหาได้ พูดไปมีแต่ยั่วยุ

ทั้งนี้ จำเป็นต้องดึงองค์การระหว่างประเทศมาเป็นตัวช่วยในการเจรจาหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่จำเป็น ตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการและแจ้งให้ทราบ ให้องค์การระหว่างประเทศได้รับทราบ

“รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชน ยืนยันเราไม่ยอมสูญเสียอธิปไตยของประเทศ เราป้องกันตัวเองอย่างเต็มที่ และให้ความมั่นใจกับประชาชนว่ารัฐบาลจะรับผิดชอบและดูแลความปลอดภัยและทำทุกอย่างเท่าที่เงื่อนไขเราจะทำได้” นายภูมิธรรม กล่าว.-315-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย