“วิโรจน์” จ่อฟื้นแคมเปญ “ล่าทหารขึ้นศาลพลเรือน”

รัฐสภา 23 ก.ค.- “วิโรจน์” เตรียมฟื้นแคมเปญ “ล่าทหารขึ้นศาลพลเรือน” ของพรรคเพื่อไทย หลังศาลทหารตัดสิน “คดีน้องเมย” เรียกร้องนายกฯ ลงนามอนุสัญญา OPCAT เปิดทาง กสม.-สหประชาชาติ ตรวจสอบการซ้อมทรมานในกองทัพ


นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังศาลทหารชั้นฎีกา มีคำพิพากษาจำเลยในคดีที่นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ที่เสียชีวิตหลังถูกรุ่นพี่ธำรงวินัย โดยมีโทษจำคุก 4 เดือน 16 วัน รอลงอาญา 2 ปี เนื่องจาก ศาลเห็นว่า โทษจำคุกรุ่นพี่ไม่เกิดประโยชน์ว่า กรรมาธิการฯ ทราบว่า ครอบครัวตัญกาญจน์ มีความพยายามที่จะรื้อฟื้นคดีในส่วนอาญา ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ จะช่วยรวบรวมรายละเอียดทั้งหมด และสอบถามไปยังกระทรวงยุติธรรมว่า คดีนี้จะมีขั้นตอน และหลักเกณฑ์ในการรื้อฟื้นคดีอย่างไร พร้อมยอมรับว่า ขณะนี้ คำพิพากษาถึงชั้นฎีกาโดยศาลทหารสูงสุดแล้ว แต่เรื่องนี้จะต้องทำงานให้ละเอียด โดยเฉพาะการรื้อฟื้นคดี พร้อมกับทวงถามสวัสดิการ ที่ควรจะได้ชดเชยให้ได้มากกว่านี้

ส่วนหลักการสูงสุดในการแก้ไขปัญหาแบบให้จบสิ้นนั้น นายวิโรจน์ เห็นว่า จะต้องแก้ไขกฎหมาย ที่ต้องให้ทหารที่กระทำการทุจริตทุกคดี-ทุกกรณี ขึ้นศาลอาญาทุจริต เพราะการทำร้าย การทารุณกรรมในค่ายทหารหลายกรณี ไม่ใช่การธำรงวินัย แต่เป็นการไม่สยบยอมกับกระบวนการทุจริตในกองทัพ หรือถูกกลั่นแกล้งด้วยวิธีการต่าง ๆ จนถึงขั้นทารุณกรรมถึงบาดเจ็บหนัก และถึงขั้นชีวิต เข้าข่ายความผิดฐานทารุณกรรมและซ้อมทรมาน ดังนั้น จึงมั่นใจว่า หากยังมีศาลทหาร ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความยุติธรรม ก็ไม่มีทางที่จะทำให้วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดหมดไปได้


นายวิโรจน์ ยังยกคำที่ว่า “ผิดใจให้เปิดกฎ ผิดกฎให้เปิดใจ” ที่เมื่อทำความผิดชั่วช้าอย่างไร ถ้าสยบยอมภายใต้ระบบอุปถัมภ์ ความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง ก็อยู่กันได้ วิ่งเต้นช่วยกันได้ หรือถ้าผิดใจให้เปิดกฎ ฝ่าฝืนไม่ยอมทำตามคำสั่งรุ่นพี่รุ่นน้อง ก็พร้อมที่จะเปิดกฎหมาย และระเบียบทุกตัวอักษรเพื่อเล่นงาน ดังนั้น วัฒนธรรมแบบนี้กองทัพจะเป็นที่ไว้วางใจของพี่น้องประชาชนไม่ได้

นายวิโรจน์ ยังฝากถึงนายกรัฐมนตรีว่า ถึงเวลาต้องลงสัตยาบันในพิธีสารเลือกรับอนุสัญญาต่อต้านการซ้อมทรมาน หรือ OPCAT ซึ่งจะทำให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน หรือ กสม.เข้ามาตรวจสอบกองทัพ เรื่องการซ้อมทรมานได้ โดยไม่ต้องแจ้งให้กองทัพทราบล่วงหน้า มีคณะอนุกรรมการจากสหประชาชาติเข้ามาตรวจสอบได้เช่นกัน พร้อมมั่นใจว่า จะไม่กระทบต่อความมั่นคง เพราะเป็นการเข้ามาตรวจสอบเฉพาะเรื่องการซ้อมทรมาน ไม่ใช่ตรวจสอบภารกิจด้านความมั่นคง

นายวิโรจน์ ยังกล่าวถึงโทษจำคุก 4 เดือน 16 วัน และให้รอลงอาญา และยังได้โอกาสรับราชการต่อเพื่อประโยชน์ว่า เป็นประโยชน์ของใคร จะนำคนที่ฆ่าพวกเดียวกันไปรับราชการทหาร หรือตำรวจหรือ? จึงฝากถึง 5 ผู้บัญชาการเหล่าทัพพิจารณาด้วย


นายวิโรจน์ ยังกล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ที่ตกไปในวาระ 2 และ 3 ของสภาฯ ที่พรรคเพื่อไทย เคยทำแคมเปญล่าทหารขึ้นศาลพลเรือน แต่พรรคเพื่อไทย กลับปัดตกเอง ทั้งนางสาวขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ก็ปรากฏภาพอยู่ในโปสเตอร์แคมเปญนี้ ดังนั้น เมื่อพรรคเพื่อไทยไม่เห็นความหมายแล้ว คณะกรรมาธิการฯ จึงจะรับจบในเรื่องนี้เอง โดยจะเปิดล่ารายชื่อภายในไม่กี่วันนี้ และจะยื่นเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง

นายชยพล สท้อนดี สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียหาย ที่แม้คดีจะสิ้นสุดลง แต่ก็เกิดคำถามจากสังคมต่อมาตรการการตัดสินคดีของศาลทหาร รวมถึงการมีอยู่ของศาลทหาร ที่มีหน้าที่พิจารณาคดีบุคลากรของกองทัพ และมีผลลัพธ์ที่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบไม่ได้รับความยุติธรรม พร้อมเห็นว่า กองทัพควรตระหนักในมาตรฐานประกาศ และระเบียบที่จะต้องบังคับใช้อย่างเข้มงวด เพราะทุกครั้งที่มีการสูญเสีย กองทัพมักจะอ้างว่า ตนเองมีระเบียบชัดเจน แต่สุดท้ายเหตุการณ์แบบนี้ก็ยังคงเกิดขึ้น เพราะกองทัพไม่เคยบังคับใช้มาตรฐานอย่างเท่าเทียมกัน และจบลงด้วยการสูญเสีย ซึ่งเมื่อเกิดเหตุกองทัพก็กลับไปพิจารณาในศาลทหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ของกองทัพเองผ่านวัฒนธรรมที่มีการตรวจสอบ และโยกย้ายกันเอง

นายชยพล ยังตั้งคำถามต่อกรณีนี้ว่า บุคลากรต้นเรื่องที่ทำให้เกิดการสูญเสียนี้ และการได้รับโทษแค่เพียงเท่านี้ หรือการให้เหตุผลการรับใช้ชาติต่อเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์มากกว่านั้น เป็นเรื่องที่เหมาะสมจริงหรือไม่ ซึ่งสะท้อนว่า กองทัพไม่ได้ตระหนักรู้ และยังยอมปล่อยให้บุคคลผู้นี้ รับใช้ราชการต่อได้ จึงขอฝากไปยังผู้บังคับบัญชาภายในกองทัพให้ต้องตระหนักรู้ได้แล้ว และถึงเวลาที่คุณจะต้องปรับปรุงระบบภายใน

ด้าน นายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคประชาชน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการฯ ระบุว่า ปัญหานี้ถูกตั้งคำถามต่อการกำหนดโทษที่ไม่ได้สัดส่วน และกระบวนการยุติธรรม ที่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งทั้งหมดเกิดจากพระธรรมนูญศาลทหาร ที่ไม่เปิดให้สิทธิ์ผู้เสียหายที่เป็นราษฎร สามารถฟ้องทหารได้ แต่ต้องไปฟ้องผ่านอัยการทหาร ซึ่งก็มีผู้คัดกรอง แม้กระทั่งจะเป็นโจทย์ร่วมก็ไม่ได้ และระบบนี้ ยังอยู่ภายใต้อำนาจฝ่ายบริหาร หรือรัฐมนตรีว่าการระทรวงกลาโหม รวมถึงตุลาการที่พิจารณาคดี และอัยการที่ทำหน้าที่ฟ้อง ก็ยังเป็นพรรคพวกเดียวกัน ตนจึงตั้งคำถามว่า ระบบการพิจารณาแบบนี้หรือที่สังคมต้องการ และอยากให้ศาลทหารเป็นอิสระจากอำนาจฝ่ายบริหาร และมีกลไกในการตรวจสอบถ่วงดุลให้ได้สิทธิเท่าเทียมเหมือนศาลพลเรือน

นายเอกราช ยังระบุว่า ขณะนี้ จะต้องช่วยกันผลักดันการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ซึ่งขณะนี้ พรรคประชาชน ได้เสนอร่างกฎหมายบรรจุไว้ในระเบียบวาระแล้ว เพื่อต่อไปนี้หากมีการซ่อม หรือการธำรงวินัย จนเสียชีวิตในค่ายทหาร ในลักษณะเช่นนี้ จะเข้าข่ายการซ้อมทรมาน ซึ่งต้องไปขึ้นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ จึงขอให้คณะรัฐมนตรี ได้รีบเสนอร่างกฎหมายเข้ามาด้วย เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ทั้งศาลทหาร และศาลพลเรือน พร้อมเปิดเผยว่า พรรคประชาชน ยังได้มีการยื่นยกเลิกศาลทหารออกจากรัฐธรรมนูญด้วย จึงขอให้ทุกคนช่วยกันผลักดัน.312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]