ก.มหาดไทย 23 ก.ค.-“ภูมิธรรม” โยนถามพรรคร่วมรู้สึกอย่างไร “ทักษิณ” บอกรัฐบาลไปต่อยาวๆ รวมถึงอนาคตก็เป็นพรรคร่วมอีก บอก “นายกฯ” มั่นใจได้กลับมา เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด ย้ำคุย “ฮุนเซน” ส่วนตัว ในฐานะลุงหลาน ฝ่ายกัมพูชาติดต่อมาเอง ไม่กังวลคดีฮั้ว สว. ไม่ยื่นพยานเพิ่ม แต่คาใจถูกฟ้องเบี่ยงประเด็นหรือไม่
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงงานเลี้ยงดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาล ว่านอกจากบรรยายบนเวทีแล้ว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้พูดคุยหารืออะไรบนโต๊ะอาหารหรือไม่ ว่า เป็นการเล่าเรื่องธรรมดาบนโต๊ะอาหาร ตามที่ใครคิดอะไรออกก็ชวนกันคุย
ส่วนการบรรยายของทักษิณ เพิ่มความมั่นใจกับพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะได้ไปต่อกันยาวๆ รวมถึงในอนาคตก็จะเป็นพรรคร่วมกันอีก นายภูมิธรรม ยิ้มหัวเราะ ก่อนบอกว่า ต้องไปถามพรรคร่วมว่ารู้สึกอย่างไร
เมื่อถามถึงกรณีที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม มีความมั่นใจว่าจะได้กลับมาทำงานต่อ ตรงนี้มีสัญญาณอะไรหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายกฯ ไม่ได้คิดว่าตัวเองทำอะไรผิด และมีการชี้แจงให้สังคมรับทราบชัดเจน ซึ่งเคยพูดซ้ำไปแล้วว่าจะหากลวิธีโดยการพูดคุยเพื่อชักชวนให้เขา (ฮุนเซน) เข้ามาแก้ปัญหาแก้ร่วมกันกับเรา แม้เขาจะไม่ได้เป็นผู้นำประเทศโดยทางตรง แต่เป็นผู้นำทางความคิดให้กัมพูชา และจริงๆ ไม่ใช่การคุยทางการ แต่ที่ค่อนข้างจะเป็นทางการเรานั่งรอร่วมกัน มีตนซึ่งเป็นรัฐมนตรีกลาโหม รัฐมนตรีต่างประเทศและเลขาธิการนายกฯ จนรู้สึกว่าใช้เวลานาน ถึงได้บอกนายกฯ ว่าไม่ต้องนั่งรอ และตนได้บอก นายเคลียงฮวด ว่า
“เฮ้ย นี่เป็นนายกรัฐมนตรีของไทย ต้องการคุยกับผู้นำของคุณ ซึ่งคุณเป็นคนประสานเองด้วยนะ” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า นายฮวด บอกว่าสถานการณ์ในกัมพูชาดีขึ้นแล้ว มีความเข้าใจมากขึ้น น่าจะแก้ปัญหาได้ในฐานะลุงหลาน ซึ่งนายกฯ ก็ใช้ความเป็นส่วนตัวคุย ซึ่งไม่ใช่การคุยอย่างเป็นทางการ แต่เป็นการคุยส่วนตัว และจริงๆ กัมพูชาเป็นคนโทรเข้ามา โดยเรานั่งคุยพร้อมกัน 3-4 คน ซึ่งไม่มีเนื้อหาใดเกี่ยวข้องกับเรื่องผลประโยชน์แห่งชาติ ดังนั้นนายกฯ มั่นใจอยู่แล้วว่าชี้แจงได้ และได้ทำอย่างดีที่สุดแล้ว ถ้าดูจากเจตนาและเรื่องราวที่ได้คุยกับ “ฮุนเซน” มาก่อน ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ที่นำมาเล่าให้สังคมรับทราบ ซึ่งชัดเจนว่ามีการบิดเบือนไปหลายอย่าง สื่อคงเข้าใจดี
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่กับสถานการณ์การเมือง เพราะตัวนายภูมิธรรม เองก็มีคดี ซึ่งจะมีการพิจารณาไล่เลี่ยกับนายกฯ มีการวางแผนหนึ่งแผนสองหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราอยู่กับความเป็นจริง กระบวนการฟ้องแก้เก้ออะไรต่างๆ มองว่าสาธารณชนรับรู้ ซึ่งกรณีของตนเรื่องฮั้ว สว. ข้อเท็จจริงนี้ไม่ใช่ตนพูด ถามคนในสังคมทั้งหมดเเขารับรู้ ถามสื่อเองก็เชื่อว่ารับรู้ ดังนั้นสิ่งที่เราทำ คือทำเรื่องที่ผิดให้ถูกขึ้น
“ผมเองที่โดนข้อกล่าวหา ก็ไม่ทราบว่าทาง สว. ฟ้องผมเรื่องอะไร เพราะผมไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรเลย ผมเป็นประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ หรือ กพค. ซึ่งวันนั้นมีการประชุม กคพ. และตนเป็นประธานเพื่อเข้าไปรับฟัง และร่วมรับฟังว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่ง คณะกรรมการกฤษฎีกามีการชี้ว่ามีการตีความกฎหมายซึ่งเป็นปัญหา ผมก็เปิดให้มีการอภิปรายถกเถียง ให้ไปย้อนดูเทปการประชุมได้” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า การพูดคุยวันนั้นมีความเห็นแบ่งเป็นสองฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด ถ้าจะโหวตก็มีกรรมการหลายคนที่ขาดประชุม และมีข้อท้วงติงจากกฤษฎีกาจึงขอให้กลับไปพิจารณาใหม่ และนำประเด็นที่ถกเถียงไปช่วยกันคิด ไม่อยากให้สังคมมองว่าดึงเรื่องยืดเยื้อ จึงขอเวลา 7 วันเพื่อกลับมาประชุม ตนก็ทำหน้าที่ในฐานะประธาน ถ้าตนไม่เข้าประชุมก็ถือว่าละเลยการปฎิบัติหน้าที่ และทั้งหมดนี้ตนดูว่าเป็นอำนาจของดีเอสไอ ตอนเข้ามาในฐานะที่จะรับเป็นคดีพิเศษเท่านั้น
“มาฟ้องผม ผมไม่เข้าใจว่าต้องการเบี่ยงประเด็นหรืออย่างไร ผมไม่ทราบ ไม่ห่วงว่าจะมีข้อกังวลอะไร ผมยื่นคำชี้แจงไปแล้ว จะให้เพิ่มพยานหลักฐานผมไม่เพิ่ม เพราะสิ่งที่ผมยื่นไปแล้วชัดเจนทุกอย่าง พร้อมย้ำไม่ได้ให้ฝ่ายกฎหมายยื่นพยานเอกสารเพิ่มเติมอีก เพราะมันเป็นข้อเท็จจริงที่ผมพูด จะพิจารณาอย่างไรก็เป็นดุลพินิจของศาล” นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามถึงสถานการณ์การเมือง ว่าขณะนี้พรรคภูมิใจไทยมีการเดินสาย อย่างล่าสุดไปภาคใต้จะไปดูดหรือทาบทาม สส. พรรคประชาธิปัตย์ มีสัญญาณว่าจะมีการเลือกตั้งใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่าต้องถามประชาชนว่าสิ่งที่พูดมันน่าฟังไหม
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยหวั่นไหวหรือไม่ที่เขาจะไปดูด สส.ซีกรัฐบาล นายภูมิธรรม กล่าวพร้อมหัวเราะว่า มันน่าดูดไหม ตากนั้นก็เดินขึ้นห้องประชุม.-319.-สำนักข่าวไทย