“นันทนา” โดดขวางอีกรอบเลือก “กกต.-ตุลาการศาล รธน.” ทำประท้วงวุ่น

รัฐสภา 22 ก.ค.-“นันทนา” โดดขวางอีกรอบเลือก “กกต.-ตุลาการศาล รธน.” ทำประท้วงวุ่น “สว.อมร” ถามพบแพทย์ไหม หลังอภิปรายวนเวียนซ้ำซาก ขณะ “สว.วุฒิพงษ์” แฉมีคำสั่งให้เลือกคนเดียว ตีตกอีกคน ประชุมลับก่อนลงมติ

การประชุมวุฒิสภา​ ที่มีพลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม เดินหน้าพิจารณาวาระสำคัญคือการลงมติให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 คนและกรรมการการเลือกตั้ง 1 คน หลังจากที่คณะกรรมาธิการสามัญทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วุฒิสภา ได้เสนอรายงานผลการตรวจสอบประวัติฯ โดยเป็นการพิจารณาลับ​ก่อนที่จะลงมติ


ทั้งนี้​ ในตำแหน่งตุลาการ​ศาล​รัฐธรรมนูญ​ จะเป็นการลงมติ​ 2 รายชื่อ คือ​ ศาสตราจารย์ร้อยตำรวจเอกสุธรรม เชื้อประกอบกิจ อาจารย์สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ สังกัดคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล​ ที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการสรรหาฯ​ ในสาขาผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทยมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า​ 5 ปี เพื่อมาแทน ศ.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธาน​ ศาล​ รธน.

อีกหนึ่งคน คือ นายสราวุธ ทรงศิวิไล อดีตอธิบดีกรมการขนส่งทางราง และอดีตอธิบดีกรมทางหลวง ที่ผ่านการคัดเลือกในสาขา ผู้ทรงคุณวุฒิที่รับหรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่า หรือตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองอัยการสูงสุดมาแล้วไม่น้อยกว่า​ 5 ปี เพื่อมาแทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่พ้นจากตำแหน่งเพราะอยู่ครบวาระ


โดยนางสาวนันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา อภิปราย ว่าการอภิปรายของตนหวังว่าจะไม่ได้รับการขัดขวางจากสมาชิกเพราะกำลังใช้เอกสิทธิ์ของการเป็นสว.รักษาผลประโยชน์ของประชาชนผู้จ่ายเงินเดือนให้กับสว.ทุกคนในที่นี้ ก่อนที่จะ หยิบยกการพิจารณา ของคณะกรรมการไต่สวนและสืบสวนของ กกต.ชุดที่ 26 และ DSI ที่มีการพิจารณาคดีฮั้วเลือกสว. จำนวน 229 ราย ซึ่งเป็นสว.ถึง 138 ราย เกือบ 3 ใน 4 ของสว.ทั้งสภา ขณะนี้สำนวนอยู่ในมือกกต.และจะส่งฟ้อง ศาลอาญาแผนกคดีเลือกตั้งต่อไป แต่ในวันนี้สมาชิกวุฒิสภาทุกคนจะลงมติเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งกกต.นี่ไม่ขัด กันเกินไปกับคดีที่กำลังเป็นผู้ถูกกล่าวหาอยู่หรือ

“ท่านไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือหากกกต.พิจารณาคดีฮั้วสวเป็นคุณกับท่าน ประชาชนจะรู้สึกอย่างไรแล้วกระบวนการยุติธรรมในประเทศนี้ยังมีอยู่หรือหากเป็นเช่นนั้นแล้วองค์กรอิสระจะยังเป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนได้อีกหรือขณะเดียวกันท่านก็จะลงมติเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีก 2 ตำแหน่งที่ว่างลง แต่ก็ใช้ตำแหน่งสวเป็นผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่านายกรัฐมนตรีมีพฤติกรรมที่ขัดต่อจริยธรรมอย่างร้ายแรง ร้องว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก้าวก่ายแทรกแซงในการดำเนินคดีเกี่ยวกับการได้มาซึ่งสว.และขอให้บุคคลเหล่านี้หยุดปฏิบัติหน้าที่ลงชั่วคราว แต่สมาชิกวุฒิสภาทุกคนที่ถูกกล่าวหาจากคณะกรรมการไต่สวนชุดที่ 26 ไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่บางหรือ” นางสาวนันทนา กล่าว

โดยในระหว่างที่ น.ส.นันทนา กำลังอภิปรายอยู่ ได้มีสมาชิกวุฒิสภาลุกขึ้นประท้วง โดยระบุว่าเป็นการอภิปรายซ้ำซากเนื่องจากเมื่อวานนี้ ได้มีการประชุมลับในเรื่องนี้ไปแล้ว ประธานในที่ประชุม วินิจฉัยว่าการอภิปรายของนางสาวนันทนา ยังไม่เข้าข่ายเกี่ยวกับการชะลอการเลือกองค์กรอิสระ


จากนั้นนางสาวนันทนา อภิปรายต่อว่า ตนถามว่าเหมาะสมหรือไม่ที่จะเลือกตุลาการไปตัดสินคดีที่ มีส่วนได้เสียคู่กรณีจะคิดอย่างไร ประชาชนจะคิดอย่างไรนี่เป็นการจงใจที่ทำให้กระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยวหรือไม่ ดังนั้นเหมาะสมแล้วหรือที่จะทำหน้าที่ลงมติเกี่ยวกับองค์กรอิสระทั้งหลาย ดังนั้นเพื่อป้องกันการขัดกันแห่งผลประโยชน์และเพื่อความสง่างามแห่งวุฒิสภาสว. ทั้งหลายควรยุติการลงมติใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับ คดีฮั้วสว.แม้ว่าตนเองและสว. อิสระ จำนวน 62 คนจะไม่ได้เป็นผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาแต่เพื่อความสง่างามแห่งวุฒิสภาอิสระทั้งหมดยินดีที่จะสละเอกสิทธิ์

จากนั้นสมาชิกวุฒิสภาหลายคนได้มีการลุกขึ้นประท้วงนางสาวนันทนาเนื่องจากประเด็นที่อภิปรายมีความซ้ำซากบุคคล และได้มีการพูดคุยกันไปแล้วเมื่อวานนี้ ซึ่งมาติดที่ประชุมใหญ่ก็ให้เดินหน้าโหวตเลือกกรรมการองค์กรอิสระ ดังนั้นจึงไม่ควรหยิบยกประเด็นนี้มาพูดอีก

ขณะที่หนึ่งในผู้ประท้วงนางสาวอมร ศรีบุญนาค สว.ประท้วงประธาน ว่าวันนี้ประธานแข็งน้อย อยาก ให้ประธานแข็งมากกว่านี้ ตนฟังเรื่องนี้มาทุกวัน คิดว่าตัวเองจะเป็นโรคซึมเศร้าแล้ว สมาชิกวุฒิสภาหลายคนเป็นบุคลากรทางการแพทย์ คนที่ฟังซ้ำๆพูดซ้ำๆ ควรไปปรึกษา

จากนั้นนางสาวนันทนาได้ใช้สิทธิ์พาดพิง ว่าตนเองผิดจริยธรรมโดยมองว่าสว.คน คนที่กล่าวหาตนเอาตนเองเป็นเกณฑ์หรือไม่ ข้อกล่าวหาแบบนี้รุนแรงและไม่เหมาะสมไร้จริยธรรมโดยสิ้นเชิง และตนก็จะดำเนินการหากมีการกล่าวหาตนเองต่อหน้าที่ประชุมแบบนี้ไม่ยอมและไม่สยบยอม และเมื่อนางสาวนันทนาเริ่มอภิปรายในเรื่องเดิมต่อประธานในที่ประชุมจึงขอวินิจฉัยว่านางสาวนันทนา อภิปรายเรื่องเดิมซ้ำซาก และไม่อนุญาตให้อภิปรายต่อ ทำให้มีสมาชิกวุฒิสภาประท้วง และผู้อภิปรายต้องการที่จะอธิบายต่อ จนเกิดความวุ่นวาย ประธานในที่ประชุมจึงปิดไมค์ทั้งผู้ประท้วงและผู้อภิปราย ก่อนที่จะบอกให้นางสาวนันทนานั่งลง และดำเนินการให้สว.อภิปราย ตามระเบียบวาระต่อ

โดยนาวาตรีวุฒิพงษ์ พงษ์สุวรรณ สว. ได้ลุกขึ้นอภิปรายว่า ผู้ที่ได้รับการสรรหาเป็นคนดีทั่ง 2 คน เพราะมีความรู้ความสามารถผ่านการสรรหามาเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ได้รับข่าวสารมาว่า มีคำสั่งให้เลือกคนใดคนหนึ่ง ทั้งนี้ส่วนตัวก็สนิทกับประธานสรรหา คบกันมาเป็น 10 ปี แต่วันนี้อาจจะไม่คบกันแล้ว ย้ำว่า ในยุคปัจจุบัน เมื่อทำอะไรไปแล้วย่อมถูกตรวจสอบโดยประชาชนและบุคคลอื่นๆ ซึ่งหากมีจิตใจที่โปร่งใส มีหิริโอตัปปะ ก็ไม่เป็นอะไร ดังนั้นขอให้ สว. ทุกคนอ่านให้ละเอียด ก่อนจะลงคะแนนในสิ่งที่ควร

นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว. อภิปรายว่า สิ่งหนึ่งที่ต้องตระหนักคือหลักเรื่องของความ ที่ยังไม่ได้มีการตัดสิน ต้องมองว่าเป็นผู้บริสุทธิ์เพราะมีโอกาสตัดสินผิด จะไปลงโทษก่อนตัดสินเป็นเรื่องที่ไม่ควร ขณะที่ เห็นว่า การยอมให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI องค์กรอยู่ใต้กำกับกระทรวงยุติธรรม มาดำเนินการ บีบคั้นองค์กรอื่นในการทำงาน เป็นเรื่องเข้าข่ายแทรกแซง ซึ่งตามหลักการ ต้องการแก้การตรวจสอบ คือให้องค์กรอิสระเป็นผู้ตรวจสอบ สส. สว.

“วันนี้เราอาจจะสะใจ แต่วันข้างหน้าอาจเป็นคนที่โดน ต่อไปการตรวจสอบการได้มาซึ่งสส.อาจจะไม่ต้องใช้กกต.ใช้ DSI ตรวจสอบไม่ต้องมีแล้วกกต. แต่ก็ต้องมีการตรวจสอบ ผมไม่ได้ปฏิเสธอำนาจของสว. แต่ การให้ความเห็นชอบตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญแต่สว. 92 คนเป็นผู้ร้อง พันตำรวจเอกทวี สอดส่องและนายภูมิธรรมเวชยชัย” นายเทวฤทธิ์ กล่าว

จากนั้นก็ได้มีสมาชิกวุฒิสภาลุกขึ้นอภิปรายอย่างกว้างขวางและเริ่มพิจารณารายงานที่เป็นรายงานลับต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

สหรัฐเรียกร้องไทย-กัมพูชาหยุดยิงทันที

วอชิงตัน 25 ก.ค. – สหรัฐเรียกร้องไทยและกัมพูชาหยุดยิงทันที หลังความขัดแย้งตามแนวชายแดนทวีความรุนแรง จนเกิดความสูญเสียต่อพลเรือน ส่วนจีนส่งเสริมให้เจรจาสันติภาพ ยันยันวางตัวเป็นกลางในความขัดแย้งระหว่างสองชาติพันธมิตรของจีนในอาเซียน โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐกล่าวระหว่างแถลงข่าวเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐรู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ความรุนแรงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ขยายวงกว้าง และแสดงความเสียใจต่อรายงานความสูญเสียของพลเรือน พร้อมเรียกร้องให้หยุดยิงทันที พร้อมปกป้องชีวิตพลเรือนและแก้ปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน แถลงในกรุงปักกิ่งเมื่อวานนี้ว่า ทั้งไทยและกัมพูชาต่างก็เป็นมิตรประเทศของจีน และเป็นสมาชิกที่สำคัญของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน มิตรภาพอันดีระหว่างเพื่อนบ้านและการจัดการความแตกต่างอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับผลประโยชน์พื้นฐานและผลประโยชน์ระยะยาวของทั้งสองฝ่าย จีนมีความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ปัจจุบัน และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างถูกต้องผ่านการเจรจาและการปรึกษาหารือ จีนจะยังคงส่งเสริมการเจรจาสันติภาพ กรณีพิพาทชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาด้วยจุดยืนที่ยุติธรรมและเที่ยงธรรม เขากล่าวอีกว่า จากมุมมองของผลประโยชน์ร่วมกันและความต้องการของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค จีนยึดมั่นในจุดยืนที่ยุติธรรมและเป็นกลาง และยังคงส่งเสริมการเจรจาสันติภาพในแบบของตนเองต่อไป เพื่อมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการลดระดับและลดความตึงเครียดลง ขณะที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ออกแถลงการณ์ แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา พร้อมเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายระมัดระวังต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่อาจได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง รักษาช่องทางการสื่อสารให้เปิดกว้าง และพยายามลดความตึงเครียดลงโดยเร็ว แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ ระบุว่า ฟิลิปปินส์ ไม่ได้มีจุดยืนฝักใฝ่ฝ่ายใดในข้อพิพาทนี้ แต่ขอย้ำถึงความสำคัญของการคงไว้ซึ่งการสื่อสารที่เปิดกว้าง และการลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์ พร้อมแสดงความหวังว่า ทั้งประเทศไทยและกัมพูชาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้โดยสันติ ใช้กฎหมายระหว่างประเทศเป็นกรอบในการเจรจาและยุติข้อพิพาทด้านสถานทูตต่างชาติหลายแห่ง ออกคำเตือนประชาชนของตัวเองให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เช่น สถานทูตของสหรัฐในประเทศไทย เตือนพลเมืองของตัวเองที่อาจจะทำงานหรืออาศัยอยู่ในจังหวัดที่ติดกับชายแดน ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ในประเทศไทยอย่างเคร่งครัด ขณะที่เว็บไซต์สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า สำนักงานต่างประเทศ […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านหนักสุดเป็นประวัติการณ์

น่าน 24 ก.ค. – ยังน่าห่วง น้ำท่วมเขตเศรษฐกิจและตัวเมืองน่าน หนักสุดเป็นประวัติการณ์ บางจุดท่วมสูงถึงชั้น 2 ของบ้าน ประชาชนติดอยู่ในบ้านกลางน้ำ ยิ่งค่ำยิ่งลำบาก .-สำนักข่าวไทย