“นันทนา” โดดขวางอีกรอบเลือก “กกต.-ตุลาการศาล รธน.” ทำประท้วงวุ่น

รัฐสภา 22 ก.ค.-“นันทนา” โดดขวางอีกรอบเลือก “กกต.-ตุลาการศาล รธน.” ทำประท้วงวุ่น “สว.อมร” ถามพบแพทย์ไหม หลังอภิปรายวนเวียนซ้ำซาก ขณะ “สว.วุฒิพงษ์” แฉมีคำสั่งให้เลือกคนเดียว ตีตกอีกคน ประชุมลับก่อนลงมติ

การประชุมวุฒิสภา​ ที่มีพลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม เดินหน้าพิจารณาวาระสำคัญคือการลงมติให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 คนและกรรมการการเลือกตั้ง 1 คน หลังจากที่คณะกรรมาธิการสามัญทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วุฒิสภา ได้เสนอรายงานผลการตรวจสอบประวัติฯ โดยเป็นการพิจารณาลับ​ก่อนที่จะลงมติ


ทั้งนี้​ ในตำแหน่งตุลาการ​ศาล​รัฐธรรมนูญ​ จะเป็นการลงมติ​ 2 รายชื่อ คือ​ ศาสตราจารย์ร้อยตำรวจเอกสุธรรม เชื้อประกอบกิจ อาจารย์สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ สังกัดคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล​ ที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการสรรหาฯ​ ในสาขาผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทยมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า​ 5 ปี เพื่อมาแทน ศ.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธาน​ ศาล​ รธน.

อีกหนึ่งคน คือ นายสราวุธ ทรงศิวิไล อดีตอธิบดีกรมการขนส่งทางราง และอดีตอธิบดีกรมทางหลวง ที่ผ่านการคัดเลือกในสาขา ผู้ทรงคุณวุฒิที่รับหรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่า หรือตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองอัยการสูงสุดมาแล้วไม่น้อยกว่า​ 5 ปี เพื่อมาแทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่พ้นจากตำแหน่งเพราะอยู่ครบวาระ


โดยนางสาวนันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา อภิปราย ว่าการอภิปรายของตนหวังว่าจะไม่ได้รับการขัดขวางจากสมาชิกเพราะกำลังใช้เอกสิทธิ์ของการเป็นสว.รักษาผลประโยชน์ของประชาชนผู้จ่ายเงินเดือนให้กับสว.ทุกคนในที่นี้ ก่อนที่จะ หยิบยกการพิจารณา ของคณะกรรมการไต่สวนและสืบสวนของ กกต.ชุดที่ 26 และ DSI ที่มีการพิจารณาคดีฮั้วเลือกสว. จำนวน 229 ราย ซึ่งเป็นสว.ถึง 138 ราย เกือบ 3 ใน 4 ของสว.ทั้งสภา ขณะนี้สำนวนอยู่ในมือกกต.และจะส่งฟ้อง ศาลอาญาแผนกคดีเลือกตั้งต่อไป แต่ในวันนี้สมาชิกวุฒิสภาทุกคนจะลงมติเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งกกต.นี่ไม่ขัด กันเกินไปกับคดีที่กำลังเป็นผู้ถูกกล่าวหาอยู่หรือ

“ท่านไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือหากกกต.พิจารณาคดีฮั้วสวเป็นคุณกับท่าน ประชาชนจะรู้สึกอย่างไรแล้วกระบวนการยุติธรรมในประเทศนี้ยังมีอยู่หรือหากเป็นเช่นนั้นแล้วองค์กรอิสระจะยังเป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนได้อีกหรือขณะเดียวกันท่านก็จะลงมติเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีก 2 ตำแหน่งที่ว่างลง แต่ก็ใช้ตำแหน่งสวเป็นผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่านายกรัฐมนตรีมีพฤติกรรมที่ขัดต่อจริยธรรมอย่างร้ายแรง ร้องว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก้าวก่ายแทรกแซงในการดำเนินคดีเกี่ยวกับการได้มาซึ่งสว.และขอให้บุคคลเหล่านี้หยุดปฏิบัติหน้าที่ลงชั่วคราว แต่สมาชิกวุฒิสภาทุกคนที่ถูกกล่าวหาจากคณะกรรมการไต่สวนชุดที่ 26 ไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่บางหรือ” นางสาวนันทนา กล่าว

โดยในระหว่างที่ น.ส.นันทนา กำลังอภิปรายอยู่ ได้มีสมาชิกวุฒิสภาลุกขึ้นประท้วง โดยระบุว่าเป็นการอภิปรายซ้ำซากเนื่องจากเมื่อวานนี้ ได้มีการประชุมลับในเรื่องนี้ไปแล้ว ประธานในที่ประชุม วินิจฉัยว่าการอภิปรายของนางสาวนันทนา ยังไม่เข้าข่ายเกี่ยวกับการชะลอการเลือกองค์กรอิสระ


จากนั้นนางสาวนันทนา อภิปรายต่อว่า ตนถามว่าเหมาะสมหรือไม่ที่จะเลือกตุลาการไปตัดสินคดีที่ มีส่วนได้เสียคู่กรณีจะคิดอย่างไร ประชาชนจะคิดอย่างไรนี่เป็นการจงใจที่ทำให้กระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยวหรือไม่ ดังนั้นเหมาะสมแล้วหรือที่จะทำหน้าที่ลงมติเกี่ยวกับองค์กรอิสระทั้งหลาย ดังนั้นเพื่อป้องกันการขัดกันแห่งผลประโยชน์และเพื่อความสง่างามแห่งวุฒิสภาสว. ทั้งหลายควรยุติการลงมติใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับ คดีฮั้วสว.แม้ว่าตนเองและสว. อิสระ จำนวน 62 คนจะไม่ได้เป็นผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาแต่เพื่อความสง่างามแห่งวุฒิสภาอิสระทั้งหมดยินดีที่จะสละเอกสิทธิ์

จากนั้นสมาชิกวุฒิสภาหลายคนได้มีการลุกขึ้นประท้วงนางสาวนันทนาเนื่องจากประเด็นที่อภิปรายมีความซ้ำซากบุคคล และได้มีการพูดคุยกันไปแล้วเมื่อวานนี้ ซึ่งมาติดที่ประชุมใหญ่ก็ให้เดินหน้าโหวตเลือกกรรมการองค์กรอิสระ ดังนั้นจึงไม่ควรหยิบยกประเด็นนี้มาพูดอีก

ขณะที่หนึ่งในผู้ประท้วงนางสาวอมร ศรีบุญนาค สว.ประท้วงประธาน ว่าวันนี้ประธานแข็งน้อย อยาก ให้ประธานแข็งมากกว่านี้ ตนฟังเรื่องนี้มาทุกวัน คิดว่าตัวเองจะเป็นโรคซึมเศร้าแล้ว สมาชิกวุฒิสภาหลายคนเป็นบุคลากรทางการแพทย์ คนที่ฟังซ้ำๆพูดซ้ำๆ ควรไปปรึกษา

จากนั้นนางสาวนันทนาได้ใช้สิทธิ์พาดพิง ว่าตนเองผิดจริยธรรมโดยมองว่าสว.คน คนที่กล่าวหาตนเอาตนเองเป็นเกณฑ์หรือไม่ ข้อกล่าวหาแบบนี้รุนแรงและไม่เหมาะสมไร้จริยธรรมโดยสิ้นเชิง และตนก็จะดำเนินการหากมีการกล่าวหาตนเองต่อหน้าที่ประชุมแบบนี้ไม่ยอมและไม่สยบยอม และเมื่อนางสาวนันทนาเริ่มอภิปรายในเรื่องเดิมต่อประธานในที่ประชุมจึงขอวินิจฉัยว่านางสาวนันทนา อภิปรายเรื่องเดิมซ้ำซาก และไม่อนุญาตให้อภิปรายต่อ ทำให้มีสมาชิกวุฒิสภาประท้วง และผู้อภิปรายต้องการที่จะอธิบายต่อ จนเกิดความวุ่นวาย ประธานในที่ประชุมจึงปิดไมค์ทั้งผู้ประท้วงและผู้อภิปราย ก่อนที่จะบอกให้นางสาวนันทนานั่งลง และดำเนินการให้สว.อภิปราย ตามระเบียบวาระต่อ

โดยนาวาตรีวุฒิพงษ์ พงษ์สุวรรณ สว. ได้ลุกขึ้นอภิปรายว่า ผู้ที่ได้รับการสรรหาเป็นคนดีทั่ง 2 คน เพราะมีความรู้ความสามารถผ่านการสรรหามาเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ได้รับข่าวสารมาว่า มีคำสั่งให้เลือกคนใดคนหนึ่ง ทั้งนี้ส่วนตัวก็สนิทกับประธานสรรหา คบกันมาเป็น 10 ปี แต่วันนี้อาจจะไม่คบกันแล้ว ย้ำว่า ในยุคปัจจุบัน เมื่อทำอะไรไปแล้วย่อมถูกตรวจสอบโดยประชาชนและบุคคลอื่นๆ ซึ่งหากมีจิตใจที่โปร่งใส มีหิริโอตัปปะ ก็ไม่เป็นอะไร ดังนั้นขอให้ สว. ทุกคนอ่านให้ละเอียด ก่อนจะลงคะแนนในสิ่งที่ควร

นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว. อภิปรายว่า สิ่งหนึ่งที่ต้องตระหนักคือหลักเรื่องของความ ที่ยังไม่ได้มีการตัดสิน ต้องมองว่าเป็นผู้บริสุทธิ์เพราะมีโอกาสตัดสินผิด จะไปลงโทษก่อนตัดสินเป็นเรื่องที่ไม่ควร ขณะที่ เห็นว่า การยอมให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI องค์กรอยู่ใต้กำกับกระทรวงยุติธรรม มาดำเนินการ บีบคั้นองค์กรอื่นในการทำงาน เป็นเรื่องเข้าข่ายแทรกแซง ซึ่งตามหลักการ ต้องการแก้การตรวจสอบ คือให้องค์กรอิสระเป็นผู้ตรวจสอบ สส. สว.

“วันนี้เราอาจจะสะใจ แต่วันข้างหน้าอาจเป็นคนที่โดน ต่อไปการตรวจสอบการได้มาซึ่งสส.อาจจะไม่ต้องใช้กกต.ใช้ DSI ตรวจสอบไม่ต้องมีแล้วกกต. แต่ก็ต้องมีการตรวจสอบ ผมไม่ได้ปฏิเสธอำนาจของสว. แต่ การให้ความเห็นชอบตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญแต่สว. 92 คนเป็นผู้ร้อง พันตำรวจเอกทวี สอดส่องและนายภูมิธรรมเวชยชัย” นายเทวฤทธิ์ กล่าว

จากนั้นก็ได้มีสมาชิกวุฒิสภาลุกขึ้นอภิปรายอย่างกว้างขวางและเริ่มพิจารณารายงานที่เป็นรายงานลับต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน

รัฐสภา 15 ส.ค.-สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน ด้านเจ้าตัวยิ้มสู้-ยังเข้มแข็ง กำชับ สส.ทำงานสภาเต็มที่ ลงพื้นที่ดูแลประชาชนใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระที่สอง วันสุดท้าย ซึ่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้ามาติดตามการประชุม ตลอด 3 วันที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้า สส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ สส.เขต ได้มีการเข้าพบหารือกับนางสาวแพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อปรึกษาปัญหาในพื้นที่ รวมถึงเรื่องการผลักดันนโยบายต่างๆ ที่จะลงในพื้นที่ เนื่องจากในหลายจังหวัดมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมทุกด้าน แต่ยังขาดเรื่องการประชาสัมพันธ์ จึงอยากให้นางสาวแพทองธาร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมผลักดันเกี่ยวกับซอฟพาวเวอร์ และจัดกิจกรรมอีเวนท์ต่างๆเพื่อ ให้จังหวัดนั้นๆเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ บรรดา สส. ของพรรคยังได้ให้กำลังใจนางสาวแพทองธาร เนื่องจากกลัวว่า อาจมีความเครียดและกังวลเรื่องคดีความ พร้อมขอให้นายกฯสู้ๆ เข้มแข็ง ผ่านอุปสรรคไปได้และได้กลับมาทำงานเพื่อประชาชน ขณะที่นางสาวแพทองธาร ยังคงยิ้มแย้ม แสดงความเข้มแข็ง และขอให้ สส.ทุกคน เดินหน้าทำหน้าทำงานในสภาอย่างเข้มแข็งเช่นกัน […]

ภาพเขมรรื้อถอน “ลวดหนาม-ธงชาติ” เป็นเฟคนิวส์

กทม. 15 ส.ค.-“ทบ.-ทภ.2” ยืนยันภาพเขมรรื้อถอน “ลวดหนาม-ธงชาติ” เป็นเฟคนิวส์ คาดฝ่ายกัมพูชาทำคอนเทนต์สร้างกระแส ให้เห็นว่าไม่ยอมฝ่ายไทย เตรียมประท้วงขัดข้อตกลง “จีบีซี” แม่ทัพภาค 2 ยันทุกอย่างอยู่ที่เดิม เมื่อวันที่ 15 ส.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีคลิปทหารกัมพูชาอ้างถึงการรื้อลวดหนามหีบเพลงใกล้ฐานปฏิบัติการซำแต ใกล้ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ว่า อาจจะเป็นการทำภาพวิดีโอ เพื่อนำเสนอให้คนกัมพูชาเห็นการปฏิบัติการตอบโต้ไทยตามแนวชายแดน แต่หลายอย่างไม่ได้ตรงกับพื้นที่จริง อาจจะเป็นเรื่องของการใช้กราฟิกในเรื่องของสีธง ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ตรงนั้น มุ่งหวังสร้างขวัญกำลังใจกับฝ่ายกัมพูชามากกว่า เพื่อแสดงท่าทีว่าได้ทำอย่างหนึ่งอย่างใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลวดหนาม หรือธง ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดน เมื่อดูจากสภาพแวดล้อม ไม่ใช่พื้นที่ที่มีการอ้างถึง “อาจจะมาทำเป็นลักษณะของการทำคอนเทนต์ ให้คนกัมพูชาเห็นว่ามีปฏิกิริยาที่ไม่เอารั้วลวดหนาม ไม่ใช่ภาพที่อยู่ในพื้นที่ของประเทศไทย ยืนยันไม่ใช่ภาพจริงที่เขาอ้างถึง ส่วนการละเมิดข้อตกลงจีบีซี ในเรื่องการบิดเบือนข่าวสารนั้น เราก็คงต้องประท้วงและแสดงให้เห็นว่าไม่ควรเกิดขึ้น” พล.ต.วินธัย ระบุ พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกชี้แจงกรณีสื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ภาพอ้างว่าเป็นการรื้อถอนลวดหนามในพื้นที่จุ๊บตะโมก บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ โดยจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับหน่วยทหารในพื้นที่ประจำปราสาทตาเมือนธม ยืนยันว่าไม่ปรากฏเหตุการณ์หรือการปฏิบัติใดๆ ของทหารกัมพูชาตามที่มีการกล่าวอ้าง ทั้งนี้ […]

กต.เชิญรัฐภาคีออตตาวาบรรยายสรุป เรียกร้องกัมพูชาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด

ก.ต่างประเทศ 15 ส.ค.-กต.เชิญรัฐภาคีออตตาวาบรรยายสรุป เรียกร้องกัมพูชาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด เผย 1 เดือน ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดแล้ว 5 ครั้ง มีหลักฐานเชิงประจักษ์ชัดเป็นทุ่นใหม่ ไม่ใช่มรดกสงคราม ย้ำไทยมุ่งใช้กลไกทวิภาคี แก้ปมชายแดน จี้หยุดบิดเบือนเฟกนิวส์ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงหลังการบรรยายสรุปแก่คณะทูต องค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านทุ่นระเบิดว่า การบรรยายสรุปในวันนี้ (15 ส.ค.) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ข้อเท็จจริงกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลให้พหารไทยหลายท่านได้รับบาดเจ็บถึงขั้นทุพพลภาพถาวร และสร้างความเสี่ยงต่อชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดน และเพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทยในเรื่องนี้ โดยได้เชิญคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนและรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรือ อนุสัญญาออตตาวา รวมทั้งผู้แทนองค์การระหว่างประเทศและองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเข้าร่วม โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟัง 67 คน จาก 41 ประเทศ 1 องค์กร และ 4 องค์การ นายนิกรเดช กล่าวว่า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้กล่าวเปิดผ่านวิดีโอคลิป เนื่องจากขณะนี้ท่านติดการกิจอยู่ระหวางเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (MLC) ที่เมืองอันหนิง ประเทศจีน ซึ่งประเทศไทยทำหน้าที่ประธานการประชุมร่วมกับจีน หลังจากนั้นเป็นการบรรยายของนายรัศม์ […]