รัฐสภา 21 ก.ค.- “วิสุทธิ์” ยัน “ทักษิณ” ร่วมวงกินข้าว สส.รัฐบาล ไม่ถือว่าครอบงำ เพราะไม่ได้สั่งการ แค่แชร์ประสบการณ์ และคุยเพื่อความแน่นแฟ้น ยอมรับหนักใจ สส.ปริ่มน้ำ ทำงานยาก วอนประธานแฉสส.หนีประชุม
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาลและประธานพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณไปร่วมวงรับประทานอาหารกับ สส.พรรคร่วมรัฐบาล อย่างแน่นอน เพราะตั้งแต่เป็นรัฐบาลมา 2 ปี สส.พรรคร่วมรัฐบาล เคยรับประทานอาหารร่วมกันเพียงแค่ครั้งเดียว เพราะแต่ละคนไม่ได้มีเวลาพบปะกัน แต่ครั้งนี้มีการปรับบางพรรคการเมืองออก ที่เหลือจึงไปปรึกษาหารือและทำความเข้าใจกับแต่ละพรรคการเมืองเพื่อให้เกิดความแน่นแฟ้น สามัคคี โดยเฉพาะความสามัคคีในการประชุมสภาถือเป็นเรื่องสำคัญ
ส่วนจะถูกมองว่าไปครอบงำพรรคการเมืองและรัฐบาลหรือไม่ นายวิสุทธิ์ ย้อนถามว่าถ้าไปกินข้าว พูดคุยกัน ไม่ถือเป็นการครอบงำ การตีความคำว่าครอบงำคือการสั่งการ ให้พรรคนั้นทำอย่างนี้ สั่งให้สส.พรรคเพื่อไทยทำอย่างนั้น หรือให้คนในรัฐบาลทำอย่างนั้น แต่ถ้าไปให้ประสบการณ์การทำงาน ซึ่งต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่า ตอนที่นายทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี ประชาชนมีความสุขมาก ปราบยาเสพติดกันหมด หากนำประสบการณ์มาแนะนำหรือบอกกล่าวก็ถือเป็นเรื่องที่ดีและเป็นประโยชน์ ขออย่าไปจ้องว่าเป็นการครอบงำ วันนี้คนไทยติด ในเรื่องการจับผิด ไม่รู้ว่าใครจะมาบอกดีบอกร้ายก็จับฟ้องเอาไว้ก่อน ซึ่งกลายเป็นเรื่องปกติร้องรายวันไป แล้วจะทำให้องค์กรอิสระเหนื่อย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะตรวจสอบอะไรกันนักหนา ตอนนี้มีนักร้องเยอะไปหมด ไม่รู้ว่าวงไหนบ้าง มีหลายวง
ดังนั้นจึงไม่กลัวว่าครั้งนี้จะเป็นการครอบงำ เพราะการครอบงำคือเป็นการไปสั่งการว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่การพูดถึงประสบการณ์การทำงาน ตนคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อการที่เป็นนักการเมืองและฝ่ายบริหารได้ฟังก็เอาไปคิด อะไรที่เป็นประโยชน์ก็เอาไปทำ สส. ที่เข้ามารุ่นหลังๆ ก็ไม่ได้มีโอกาสได้พบกับนายทักษิณ ก็จะได้ไปฟังและได้ประโยชน์กันทั้งนั้น ซึ่งประชาชนที่ได้ฟังการพูดของนายทักษิณที่ผ่านมา ถ้าฟังด้วยใจเป็นธรรมก็จะเห็นว่าเป็นสาระและเป็นประโยชน์ จะได้เห็นว่าเศรษฐกิจจะเดินเป็นอย่างไร บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรื่องดีๆ ทั้งนั้นไม่ถือเป็นการครอบงำอะไร
สำหรับปัญหาองค์ประชุม ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่ต้องมีการปิดประชุมก่อนหลายครั้งนั้น นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ยังไม่ทันได้นับองค์ประชุม แต่ประธานปิดประชุมไปก่อน แต่สัปดาห์ต่อไปเราจะพยายามอย่างเต็มที่ ซึ่งถือเป็นธรรมดาที่ในวันพฤหัสบดี เป็นเรื่องรับทราบเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งดูแล้วไม่ใช่กฎหมายสำคัญ รัฐมนตรีหลายคนออกไปปฏิบัติภารกิจทางวิปก็ทราบดี ในความเป็นจริงก็อยากให้อยู่ที่สภา แต่รัฐมนตรีบางคนก็มาบอกว่าติดภารกิจจริงๆ เมื่อออกไปก็เป็นโอกาสให้ฝ่ายค้านเสนอนับองค์ประชุม ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้และถือเป็นเรื่องปกติ ก็ไม่เป็นไร แต่ยอมรับว่าในฐานะวิปยอมรับเป็นความหนักใจ อยากให้มี สส. รัฐบาลเยอะๆ จะได้ทำงานง่าย หายไป 20-30 คนก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อห่างเพียง 10 กว่าคน อาจจะมีคนป่วยบ้าง โดยเฉพาะช่วงนี้หวัดระบาด อาจเป็นปัญหา แต่ต่อไปก็จะพยายามทำต่อไป และพยายามจะให้ครบองค์ประชุมซึ่งได้ปรึกษาผู้ใหญ่ในพรรคหลายคนก็ได้รับคำแนะนำว่า ถ้าสภาล่ม ก็เปิดเผยเลยว่าใครขาดประชุมบ้าง ใครหนีประชุมบ้าง ก็เปิดเผยให้สื่อรู้จะได้ทราบว่า สส.ที่เลือกมาใครหนีประชุมบ้าง ต้องให้ประชาชนทั้งประเทศได้ตรวจสอบ ขอให้ประธานเปิดชื่อให้หมด ประชาชนที่เลือกมาจะได้เสียใจว่าเลือกสส.มาแล้วไม่ทำงาน ไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่แค่ สัปดาห์ละ 2 วัน เดือนละ 8 วัน จะได้ไม่ต้องเลือกเข้ามา ถ้าลำบากก็ขอให้ อยู่ที่บ้านเถอะ
เมื่อถามย้ำว่าแก้เกมอย่างไรนั้น นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ไม่ต้องแก้เกม เพียงแต่ขอให้ชัดเจนว่าใครไม่อยู่ในห้องประชุมก็ให้เปิดเผยรายชื่อ ตนก็เชื่อว่าทั้งสื่อและประชาชนทั่วประเทศ อยากรู้ว่า สส.ที่เลือกไปอยู่ในห้องประชุมหรือไม่ ไม่ว่าพรรคไหนฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ขอให้เปิดเผยให้หมด หากอยู่ก็ต้องแสดงตน
ส่วนสัปดาห์นี้จะมีเหตุการณ์องค์ประชุมร่มเกิดขึ้นอีกหรือไม่นั้น นายวิสุทธิ์กล่าวว่าจะมีหรือไม่ก็ตาม ไม่ได้กังวล เชื่อว่าเราพร้อม ในสัปดาห์นี้
นายวิสุทธิ์ยังกล่าวถึงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สองที่ยังว่างอยู่โดยยืนยันเป็นโควตาของพรรคเพื่อไทยไม่ได้ยกให้ใคร และในพรรคดูกันแล้วว่า สส. ภาคอีสาน มีมากที่สุดก็จะเป็นของภาคอีสาน ซึ่งจะเลือกในสัปดาห์นี้ แต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นใครเพราะยังไม่ทราบ ก็ต้องรอมติจากที่ประชุมพรรคในเย็นวันพรุ่งนี้ (22ก.ค.) ก่อน เพราะไม่มีใครชี้ได้ว่าให้คนนั้นคนนี้เป็น ดังนั้นขอยืนยันว่าใครก็ครอบงำไม่ได้ต้องเป็นมติของที่ประชุมสส.พรรค ส่วนพรรคอื่น ก็ต้องโอเค เพราะเท่าที่คุยกันมาไม่มีใครขัดข้อง
เมื่อถามถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องประเด็นที่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง โยกงบประมาณของสภานั่น นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่อง แต่ยังไม่ทราบว่าจะวินิจฉัยอย่างไร เราก็ได้แต่ให้กำลังใจ ในฐานะที่เป็นสส.พรรคเดียวกัน ซึ่งไม่ทราบว่านายพิเชษฐ์ ดำเนินการอย่างไร ต้องขึ้นอยู่กับคำสั่งศาลในที่สุด.-312 -สำนักข่าวไทย