ทำเนียบ 21 ก.ค.-พล.อ.ณัฐพล เผย ศบ.ทก.เตรียมสรุปฟ้อง “กัมพูชา” วางทุ่นระเบิดใหม่ ต่อคณะกรรมการออตตาวา พร้อมแจ้งประเทศสมาชิกตัดงบฯ เก็บกู้ทุ่นระเบิด วอนประชาชนเข้าใจการทำงาน
พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. เปิดเผยก่อนเป็นประธานการประชุม ศบ.ทก. ชุดใหญ่ ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ ว่ามีความเข้าใจการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน แต่อยากให้เข้าใจการทำหน้าที่ของภาครัฐต้องทำงานตามขั้นตอน จะพูดสิ่งใดไปก่อนตามความคิดและความเชื่อ แต่มีเหตุผลที่เป็นความจริงในภายหลังแล้วทุกคนจะไม่เชื่อคำพูดของตนเอง ดังนั้นขอให้เห็นใจการทำหน้าที่ของภาครัฐ ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้น ได้มีการติดตามโซเซียลมาโดยตลอด และถูกสื่อมวลชน นักวิชาการ กล่าวหาว่าทำงานล่าช้า ไม่ทันใจเท่าสมเด็จฮุนเซน และนายฮุนมาเน็ต ซึ่งทั้งสองโพสต์โซเชียล และสามารถลบโพสต์ได้ แต่ไทยทำไม่ได้ เพราะหากทำเช่นนั้นก็จะศีลเสมอกัน ดังนั้น ตนเองพยายามจะสร้างมาตรฐานระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่ ว่าการจะพูดสิ่งใดต้องให้ถูกต้องมากที่สุด
ส่วนความคืบหน้าเหตุการณ์ระเบิดที่บริเวณช่องบก ยืนยันว่าได้ติดตามสถานการณ์ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ กองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังสุรนารี ได้เข้าสำรวจพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อตอบคำถามสังคมให้ได้ว่าระเบิดเป็นชนิดใหม่ แม้หลายคนจะทราบว่าเป็นพื้นที่ที่ดำเนินการกวาดล้างทุ่นระเบิดไปแล้ว ฝ่ายไทยจะต้องตรวจสอบว่าจะพบเจอในจุดอื่นอีกหรือไม่ จุดที่วาง ประเทศไทยมีใช้ระเบิดชนิดนี้หรือไม่หรือมีใช้เฉพาะกัมพูชา จึงจำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เวลา 3 วันในการตรวจสอบ สามารถตอบสังคมได้ และสามารถตรวจสอบเพิ่มว่ามีการวางอีก 2 จุด รวม 8 ทุ่น ดังนั้นเมื่อทราบว่ามีจุดอื่นๆ ที่วางเพิ่มเติม และทราบชนิดทุ่นระเบิดแล้วว่าเป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN 2 ประเทศรัสเซีย ซึ่งประเทศไทยไม่เคยมีใช้ ดังนั้นเป็นสิ่งยืนยันว่าเป็นของประเทศอื่น นอกจากนี้ ยังพบว่าจุดที่วางเอาเศษวัชพืชมาปกคลุม ซึ่งบ่งชี้ว่าเป็นของใหม่ และทุ่นระเบิดที่วางส่วนที่เป็นโลหะไม่มีสนิม
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังทำการตรวจค้นจุดอื่นๆ เพิ่มเติมอีก หลังจากนี้ การประชุม ศบ.ทก. จะมารับทราบรายงานทั้งหมดว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ย้ำว่าตลอด 5 วันที่ผ่านมาในการตรวจสอบ ถือว่ามีความรวดเร็วแล้ว และการประชุมคณะกรรการออตตาวา จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมนี้ ดังนั้น การดำเนินการจะส่งฟ้องไปยังคณะกรรมการออตตาวา จะต้องรอในช่วงที่มีการประชุม ดังนั้นระหว่างนี้ไทยจะต้องทำสำนวนให้รอบคอบ เพื่อให้ศาลได้พิจารณาหลักฐานและรับฟ้องได้อย่างชัดเจน ส่วนตัวจึงอยากขอให้เข้าใจการทำหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐว่าเหตุใดจึงล่าช้า เพราะต้องทำงานตามขั้นตอน หากทำพลาดแล้วประชาชนอาจจะตำหนิตนเองได้ แม้ตนเองจะทำใจกับการถูกตำหนิแล้ว แต่สงสารทีมงาน ย้ำว่า ศบ.ทก.ดูแลในเรื่องสวัสดิการทหารที่ได้รับบาดเจ็บ และไม่ได้ละเลยที่จะดูแลทหารที่ได้รับบาดเจ็บในพื้นที่ภาคใต้ด้วย
ส่วนจะมีการเพิ่มมาตรการตอบโต้กัมพูชาหรือไม่ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า ศบ.ทก.จะดำเนินการตกลงว่าจะเพิ่มหรือไม่ และรายงานไปยังรัฐบาล ซึ่งหลังจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศ จะยื่นฟ้องต่อคณะกรรมการออตตาวาต่อไป ส่วนคณะกรรมการออตตาวาจะมีบทลงโทษอย่างไรกับกัมพูชานั้น พลเอกณัฐพล กล่าวว่า ในบทลงโทษยังไม่ชัดเจน ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการออตตาวา แต่กัมพูชาผิดอยู่ 2 เรื่องอย่างแน่นอน คือ วางทุ่นระเบิดใหม่ ซึ่งสมาชิกที่อยู่ในออตตาวาต้องไม่ทำเช่นนี้ และกัมพูชายังมีทุ่นระเบิดใหม่อยู่ในครอบครอง เนื่องจากสมาชิกออตตาวาต้องทำลายทุ่นระเบิดตามข้อตกลง ขณะที่ทำลายไม่หมด แต่นำมาใช้ก็ถือว่าผิด ซึ่งทางการไทยจะประท้วงไปยังกัมพูชาด้วย พร้อมยื่นสำนวนไปยังคณะกรรมการออตตาวา รวมถึงส่งข้อมูลไปยังประเทศที่ให้เงินสนับสนุนกับกัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เพื่อให้พิจารณาในเรื่องนี้
พลเอกณัฐพล ยังกล่าวว่า การยื่นเรื่องจะส่งไปที่คณะกรรมการออตตาวา ไม่อยากเกี่ยวข้องกับยูเอ็น แต่ต้องสอบถามกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้มีความชัดเจนอีกครั้ง และการที่กัมพูชานำระเบิดมาวางไว้ยึดแผนที่ของตนเอง ไม่ใช่ประเด็น และไทยไม่สนใจว่าจะยึดแผนที่ใด แต่ไทยยึดแผนที่และเป็นอธิปไตยของเรา ถ้ากัมพูชาจะอธิบายว่าเป็นแผ่นดินของตนเองต้องเข้าสู่กลไกคณะกรรมการ JBC พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าการที่สมเด็จฮุนเซน บอกอยากเข้าสู่กระบวนการพูดคุย JBC แต่ใช้มวลชนมากดดันที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม ถือเป็นการแสดงออกที่ไม่จริงใจ ในที่ประชุม ศบ.ทก.จะหารือในประเด็นนี้
ขณะที่การท่องเที่ยวบริเวณปราสาทตาเมือนธม ได้มีข้อตกลงว่าส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายละ 7 คน แต่หากพบประชาชนที่มีการยั่วยุ ทหารจะต้องมีการเชิญออกจากพื้นที่ รวมทั้งเตรียมการถ้ากัมพูชาไม่ให้ความร่วมมือจะดำเนินการอย่างไร แต่กัมพูชาก็สามารถควบคุมได้ ย้ำว่า ประชาชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา 7 จังหวัดมีความเดือดร้อน เช่นเดียวกัน ตนเองเห็นใจแม่ทัพภาคที่ 2.-314.-สำนักข่าวไทย