รัฐสภา 21 ก.ค.-สว.นันทนา ค้าน สว.เลือกองค์กรอิสระ ซัดเสียงข้างมากหากไม่หยุด เท่ากับไม่เห็นหัวประชาชน เปรียบเหมือนเลือกผู้พิพากษาตัดสินคดีตนเอง ชี้ชะลอไม่ขัด ม.157 บอกยังไม่สาย รอบริสุทธิ์ก่อนเลือกคนเข้าหน้าที่
น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึง กรณีที่ที่ประชุมวุฒิสภาเดินหน้าเลือกตำแหน่งในองค์กรอิสระ ว่า ที่ผ่านมาตนคัดค้านมาตลอดและครั้งนี้ต้องฟ้องประชาชนว่าคณะกรรมการ สืบสวนไต่สวน ชุดที่ 26 ที่ตั้งร่วมกันระหว่างกกต.และ DSI ได้ยินเรื่องกล่าวหา เกี่ยวกับการฮั้วเลือกสว. ซึ่งมีทั้งหมด 229 คน ไปยังกกต.เรียบร้อยแล้วนั่นหมายความว่า ข้อกล่าวหาที่ได้กล่าวหาไปนั้นมีมูลความจริง ใกล้เคียงมากแล้ว และใกล้จะถึงจุดที่กกต. จะรับรองและส่งและส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง แต่ทำไม วุฒิสภาถึงยังเดือนหน้าที่จะเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรจะทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะตำแหน่งที่กำลังจะลงมติในวันที่ 22 กรกฎาคมนี้คือ ตำแหน่งกกต.และตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 คน ถ้าที่ประชุมมีการเห็นชอบ ให้บุคคลเหล่านี้ เข้าไปดำรงตำแหน่ง จะเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์โดยชัดเจน เพราะกกต. จะมีอำนาจในการพิจารณาส่งฟ้องศาลฎีกาส่วนศาลรัฐธรรมนูญก็มีอำนาจ ในการที่จะไต่สวนและวินิจฉัย ในเรื่องการได้มาซึ่งสว.ที่มิชอบ
น.ส.นันทนา กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน สว.เสียงข้างมาก ก็ได้ยินร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญและ กกต. ในฐานะผู้ร้องขณะเดียวกันก็เป็นผู้ถูกกล่าวหา ผู้ถูกร้อง คือเป็นทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องแต่มีอำนาจในการที่จะส่งคนเข้าไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ทั้งกกต. และศาลรัฐธรรมนูญ ตรงนี้คือสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะโดยจริยธรรม จิตสำนึกควรชะลอการลงมติก่อน รอให้คดีของสว.ทั้งหลายเป็นที่ยุติแล้วว่าบริสุทธิ์ จึงค่อยกลับมาลงมติก็ยังไม่ก็ยังไม่สายเกินไป แต่การกระทำขณะนี้ หรือว่าเร่งรีบเพื่อจะให้มีการบรรจุ
“ประชาชนทุกคนคงมองเห็นว่าตรงนี้ทำไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ หรือเป็นประโยชน์แฝงเร้นให้กับตนเองและพรรคพวกของตัวเอง เพราะผู้ที่ถูกกล่าวหา มีส ว.ถูกกล่าวหาทั้งสิ้น 138 คน เท่ากับ 3 ใน 4 ของสภาแล้ว แต่ยังดึงดันที่จะลงมติเลือกคนจะไปพิจารณาคดี และตัดสินคดีของท่าน สิ่งเหล่านี้เหมาะสมหรือไม่ สมควรหรือไม่ ประชาชนคงไม่อยากเห็น ความบิดเบี้ยวของกระบวนการยุติธรรม ที่เกิดขึ้นมาจากการลงมติของสว.เสียงข้างมาก ที่ดันทุรังจะใส่คนให้เข้าไปในองค์กรอิสระ ให้เข้าไปพิจารณาคดีของตัวเอง นี่คือความขัดกันแห่งผลประโยชน์อย่างชัดเจน” น.ส.นันทนา กล่าว
เมื่อถามว่าหาก สว.ไม่ดำเนินการ เลือกองค์กรอิสระ อาจ จะเสี่ยงขัดต่อมาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รือไม่ น.ส.นันทนากล่าวว่าการชะลอการลงมติไม่ได้เข้าข่ายการหยุดการทำหน้าที่ ไม่เข้าข่ายมาตรา 157 เพราะมีนักกฎหมายหลายคนพูดแล้วว่าการที่สว.ชะลอลงมติแห่งชอบบุคคลในองค์กรอิสระออกไปนั้นเป็นเรื่องที่ชอบเป็นเรื่องที่สามารถทำได้เพราะในขณะที่ตนเองเป็นผู้ถูกกล่าวหา แล้วไปทำหน้าที่ให้คนไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ก็เหมือนกับการไปเลือกผู้พิพากษา มาตัดสินคดีของตนเอง ซึ่งประชาชนรอดูอยู่ว่า ผลของการตรวจสอบที่มาของสว.ทั้งหมดจะเป็นอย่างไร แต่ขณะเดียวกันสว.เสียงข้างมากก็ยังลงมติ เพื่อที่จะเลือกคนที่ตัวเองคิดว่าเหมาะสม เข้าไป และเมื่อเป็นคนที่เหมาะสมสำหรับตนเอง ก็จะส่งผลต่อคดีไปในทิศทางบวกให้กับตนเองหรือไม่
“ยืนยันว่า การชะลอการลงมติไม่เข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพราะเมื่อคดีของท่านสิ้นสุดแล้วพบว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ท่านสามารถกลับมาลงมติได้ และบุคคลในองค์กรอิสระถ้าเขาพบวาระ แล้วยังไม่มีใครมาแทน เขาสามารถทำหน้าที่ต่อไปได้ จนกว่าจะได้คนใหม่ ท่านก็รอสิคะรอให้คดีของท่านสิ้นสุดก่อน ต่อไปท่านจะมาลงมติก็ไม่เป็นที่สงสัย ไม่เป็นที่คลังไม่เป็นที่คลังใจของประชาชนใดๆทั้งสิ้น ยืนยันว่าการชะลอการลงมติจะทำให้สว.สง่างาม และเป็นจิตสำนึกที่ดี ท่านกำลังใช้จริยธรรมชั้นสูงในการที่จะผดุงรักษากระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย พร้อมเรียกร้องวิงวอนให้ ชะลอและยุติการเลือกกกต.และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 22 กรกฎาคมนี้ออกไปก่อน ถ้าตัดสินใจชะลอประชาชนก็จะสรรเสริญว่าท่านทำเพื่อประเทศชาติ แต่ถ้ายังดึงดัน แปลว่าท่านไม่เห็นหัวประชาชนและทำเพื่อประโยชน์ ของท่านและกลุ่มของท่านเท่านั้น”น.ส.นันทนา
เมื่อถามว่าที่ผ่านมาคัดค้านมาโดยตลอดแต่ไม่สำเร็จ จะมีท่าทียังไงต่อไป นางสาวนันทนากล่าวว่า ญัตติขอให้มีการชะลอการเลือกผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระออกไป ของนายเทวฤทธิ์ มณีฉายเท่าที่ทราบวันนี้คาดว่าไม่ได้ถูกบรรจุในระเบียบวาระ แต่ตนจะเสนอญัตติด้วยวาจาเพื่อที่จะคัดค้านต่อไป เพราะตนคัดค้านตรงนี้มาตั้งแต่วันที่ สว.ยังไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา และตนก็จะเรียกร้องต่อไป
“แม้ว่าจะถูก สว.บางท่านไล่ออกจากห้องประชุม หรือกล่าวหาว่าตนเป็นโรคย้ำจิตย้ำทำ ประชาชนจะเป็นพยานเพราะสิ่งที่ตนทำคือรักษาผลประโยชน์ของประชาชน และให้กระบวนการยุติธรรมในประเทศนี้ไม่บิดเบี้ยวไม่ยืนยันเดินหน้าต่อไม่กลัวว่าจะได้รับผลกระทบหรือแรงกระแทกอย่างไรก็จะยังสู้ต่อ เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมในประเทศนี้ ยุติธรรมอย่างแท้จริง” น.ส.นันทนา กล่าว.-319.-สำนักข่าวไทย