“ภูมิธรรม” ย้ำเอาจริงปราบยาเสพติด-จ่อฟัน ขรก.เฉื่อยชา

กรุงเทพฯ 20 ก.ค.- “ภูมิธรรม” ย้ำผ่านรายการ “โอกาสไทย” ต้องเอาจริงปราบปรามยาเสพติด ชี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด บอกข้าราชการเตรียมโดนย้าย หากเฉื่อยชา ปล่อยปละละเลย ลั่นไม่ได้ทำแบบผักชีโรยหน้า เชื่อแก้ได้จะสร้างรายได้-ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เป็นรูปธรรม


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “โอกาสไทย” ถึง ความต่อเนื่องในการปราบปรามยาเสพติด ว่า ตนต้องท้าวความตั้งแต่สมัยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นเหตุประจักษ์ชัดว่าประสบความสำเร็จและเป็นที่ชื่นชอบของประชาชน แต่หลังจากนั้นปัญหาร่วงเลยมาเยอะ และก่อนที่เราเข้ามาก็ติดขัดมาตลอดและรุนแรงมากขึ้น เมื่อรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เข้ามาก็ได้เน้นย้ำว่าเรื่องนี้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ เพราะกำลังคนที่จะต้องพัฒนาประเทศที่ควรจะมีศักยภาพในการสร้างเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเศรษฐกิจฐานรากจึงต้องช่วยกันจัดการ และกลไกทั้งหมดอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย ถ้ามหาดไทยทำได้ก็จะแก้ปัญหาตรงนี้ได้ดี แต่เมื่อยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร
และตัดสินใจให้ตนเข้ามาที่กระทรวงมหาดไทยก็หวังว่าจะใช้กระทรวงมหาดไทยในการแก้ไขปัญหา เพราะเวลาที่นายกฯ ลงพื้นที่ตั้งแต่สมัยหาเสียงเลือกตั้งประชาชนเข้ามากอด ร้องไห้ บอกว่าเสียลูกเสียสามี เสียภรรยา เสียแม่จากปัญหายาเสพติดถือเป็นสิ่งที่กระทบอย่างมาก ซึ่งกำลังที่แต่ละครอบครัวมีอยู่แทนที่จะช่วยกันสร้างเศรษฐกิจสร้างอาชีพหรือแก้ไขปัญหาชีวิตกลับถูกลดทอนไป จึงได้เดินหน้าพูดคุยกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมถึงกระทรวงมหาดไทย ที่อาจจะยังไม่ทำงานสอดประสานกันมากนัก หรือทำงานกันได้อย่างไม่เต็มที่

ส่วนการวางมาตรการในการแก้ไขปัญหา นายภูมิธรรม กล่าวว่า เวลาไปเจอประชาชนเขารู้อยู่เต็มอกว่าปัญหาอยู่ที่ไหน “สิ่งสำคัญที่ตนมักได้ยิน ว่าสารวัตรอำเภอบ้าง ปลัดอำเภอบ้าง หรือแม้ระดับผู้การฯจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดบ้าง ช่วยส่งเสริมอำนวยความสะดวกให้ยาเสพติดเข้ามาได้โดยง่าย มีจุดพักยาแล้วหลบไปได้อย่างสบาย คนที่ดีเขาก็พยายามสกัดกั้น แต่บางคนก็ไปเจ้ากี้เจ้าการเปิดด่าน ปล่อยให้มีการข้ามด่านมา รู้อยู่แก่ใจแต่เมื่อได้ผลประโยชน์ก็ทำ อันนี้ตนอยากให้เลิก เพราะเป็นการได้ประโยชน์ส่วนตน แต่ทำลายคน ทำลายสังคม ทำลายประเทศชาติ ตนรู้ ประชาชนรู้ และ ประชาชนบอกว่าเขารู้แต่ทำไมนายอำเภอไม่รู้ ผู้กำกับ ผู้ว่าฯผู้การฯ ไม่รู้ และไม่ใช่ประชาชนแค่จังหวัดเดียวตนเจอประชาชนพูดแบบนี้หลายจังหวัด” นายภูมิธรรม ระบุ


นายภูมิธรรม ยังกล่าวอีกว่า อีกหนึ่งปัญหาคือผู้ที่มีอำนาจในการใช้กฎหมายในการแก้ปัญหานี้ไม่ทำ เพราะฉะนั้นจากนี้ไปถ้าตนไปเจอแล้วยังมีปัญหาอยู่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ก่อนอื่นตนก็จะย้ายออกนอกพื้นที่ก่อน เอามาประจำที่ไหนก่อนก็ได้ ตนพูดจริงถ้าไม่เชื่อในเร็วๆนี้ ถ้ายังมีอย่างนี้อยู่ ตนสั่งย้ายเลย เพราะในสมัยที่ตนแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ก็สั่งย้ายผู้กำกับฯ 3 อำเภอชายแดน จ.ตาก เพราะได้ข่าวว่าเป็นตัวการหลักในการลงทุนสร้างบ่อน เมื่อลงไปตรวจสอบและเห็นก็สั่งย้าย เพราะฉะนั้นจากนี้ไปถ้าเข้าไปแล้วเฉื่อยชา ปล่อยปะละเลย หรือมีส่วนร่วมในการสนับสนุนเราก็จะใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น แต่ก่อนอื่นย้ายออกจากพื้นที่ก่อนแล้วค่อยว่ากันตนเชื่อว่าจะดีขึ้นเยอะ ทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ตนพูดเป็นความจริง และไม่ใช่สิ่งที่เกินเลย คนที่เป็นผู้ปฏิบัติงานในแต่ละส่วนก็เล่าให้ตนได้ฟังเอง และขบวนการตราสับปะรดก็ต้องช่วยกัน บางครั้งการจับยาเสพติดเป็น 10 ล้าน ก็ได้ประชาชนในการชี้เบาะแส เป็นต้น
อีกทั้งเรายังมีการประสานกับอินเตอร์โพล เพื่อจับตัวการใหญ่แถบประเทศเพื่อนบ้าน ติดตามเส้นทางทางการเงิน ซึ่งเราพยายามสร้างกลไกให้เข้มแข็ง แข็งแรงในการปราบปรามไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้น และเครื่องมือเรานั้นคือเจ้าพนักงานปกครองและฝ่ายปกครองทั้งหมด เพื่อให้ได้สถาบันครอบครัวกลับมาเพราะทั้งหมดคือพลังขับเคลื่อนทางสังคม ดังนั้นขอให้เราเอาจริงเอาจังไม่ต้องมองเห็นหน้าใคร และตนพูดแล้วว่าถ้าหลายจังหวัดมีปัญหาผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค ต้องรับผิดชอบ ถ้ามีหลายกองบัญชาการรวมกัน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ต้องรับผิดชอบ หากเป็นฝ่ายปกครองมีปัญหา ปลัดกระทรวงมหาดไทย ต้องรับผิดชอบ

ส่วนมาตรการ Seal Stop Safe นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นเรื่องชายแดน ที่เราต้องซีล เพราะเป็นปัญหาที่มาจากภายนอก เราไม่ใช่ผู้ผลิตแต่เราเป็นทางผ่าน ฉะนั้นจะแก้ปัญหานี้ต้องเริ่มตั้งแต่ต้นตอทุกอย่างต้องทำพร้อมกัน โดยเริ่มให้ความสำคัญกับชายแดนให้จริงจัง ชายแดนมีความยาวมากตั้งแต่เมียนมาจีน เข้าลาวและกัมพูชา ตรงนี้เป็นเรื่องของตำรวจตระเวนชายแดน ที่ดูตามชายแดน ซึ่งเราอนุมัติอุปกรณ์ที่ทันสมัยในการช่วยให้กองทัพ ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ที่เกี่ยวข้องมีงบประมาณในการจัดซื้อ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อจากภายนอกมาก แต่สามารถปรับปรุงจากของที่มีอยู่ให้ดีขึ้น รวมถึงการเครื่องมือสื่อสาร กล้องวงจรปิด ซีซีทีวี และโดรนจับความร้อน เพื่อช่วยตรวจสอบ และสกัดกั้นของที่จะเข้ามาและสารตั้งต้นที่จะออกไป แทนการนำคนเข้าไปเดินตรวจสอบ ส่วนข้างในเป็นเรื่องฝ่ายปกครอง ที่มีนายอำเภอชายแดน 14 จังหวัด 51 อำเภอ ต้องตรวจสอบเมื่อเข้าชายแดน ข้ามมาเป็นจุดพักยา เมื่อเห็นว่าเราเอาจริงก็จะไม่ค่อยมี เราต้องซีลให้ได้จริงขณะที่ตำรวจ ต้องทำงานเชิงรุก เพราะเป็นหน้าที่จะเลี่ยงไม่ปฏิบัติไม่ได้ ต้องทำอย่างเข้มข้น และหากฝ่ายปกครองกำลังไม่เพียงพอให้ขอประสานมาเพิ่มเติมได้ นอกจากนั้นเน้นย้ำรวมเรื่องการข่าว ทั้งจากฝ่ายปกครองทหาร ตำรวจ สภาความมั่นคงแห่งชาติ ต้องบูรณาการเป็นประชาคมข่าวสาร เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และเมื่อจับกุมตัวคนมาได้ ไม่ได้ทอดทิ้ง และไม่ได้คิดว่าเป็นผู้ร้ายแต่คิดว่าเป็นผู้ป่วยที่ติดยาต้องบำบัด เมื่อบำบัดได้กลับคืนสังคมก็จะเป็นพลังของครอบครัวและสังคม ที่จะสร้างงานสร้างรายได้ ทุกหน่วย ต้องประสานงานทั้งแผนความคิด สรุปวิธีการ ทั้งตำรวจและทหาร แต่ไม่ใช่นำมาชนกัน

นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องยาเสพติด เป็นภารกิจสำคัญของแต่ละกรม และแต่ละกระทรวงและหน่วยงานกลาง ทั้งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่จะผลักดันให้เกิดไปในทิศทางที่เดียวกัน อยากขอความร่วมมือทุกส่วน ถ้าปล่อยแบบนี้จะมีแต่ทำลายบ้านเมือง ทำลายสังคม ถ้าร่วมมือกันจะเป็นการทำให้ตัวเองและประเทศ ปัญหายาเสพติดไม่ได้แก้ด้วยคนใดคนหนึ่ง ต้องแก้ทุกส่วนไม่ใช่เฉพาะระบบราชการ แต่เรื่องนี้ต้องพึ่งพาประชาชนด้วย เมื่อบูรณาการก็จะเป็นการเสริมอำนาจ แต่ต้องไม่ออกนอกกรอบกฎหมาย ขอย้ำว่าประชาชนเป็นส่วนสำคัญในการแจ้งเบาะแสประชาชนเคยถามว่าเอาจริงหรือไม่ ตนตอบว่าเอาจริงและเปิดให้หมู่บ้าน ชุมชน อำเภอ มีแหล่งแจ้งเบาะแส เข้าถึงระดับจังหวัดและส่วนกลาง และให้วางระบบแจ้งมาถึงตัวรัฐมนตรีได้ โดยมีกระทรวงมหาดไทย เป็นหน่วยรับเรื่องนี้ ถ้าเอาจริงประชาชนยินดีจะบอก แสดงให้เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย


รัฐบาลทำเรื่อง Seal Stop Safe 3-4 เดือน แม้จะทำได้ดีตัวเลขเปอร์เซ็นต์ดี แต่ความรู้สึกของประชาชนยังเห็นว่าหนักอยู่ แสดงว่ายังทำได้ไม่เพียงพอ และต้องทำให้มาตรการเข้มข้นขึ้น เมื่อเข้าสู่เฟสที่ 2 และเฟสที่ 3 เมื่อตนมาอยู่กระทรวงมหาดไทยจะใช้กลไกให้เข้มข้นขึ้น กลไกของมหาดไทย คือหัวใจสำคัญที่จะนำนโยบายของรัฐบาลไปสู่ประชาชน ตั้งแต่ผู้ว่าฯ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และยังมีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ของกรมการปกครอง ที่มีสมาชิกเกือบ 7 แสนคน ที่เป็นประชาชนจิตอาสาเข้ามาช่วยทำงาน และวันแรกที่ตนเข้ากระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ได้สั่งการให้เข้ามาช่วยเสนอและบอกว่าถ้ากลไกมหาดไทยมาช่วย ก็จะแก้ปัญหาได้เยอะ และไปเจอประชาชนเขาตอบได้หมดว่า สารวัตร ผู้กำกับ ผู้บังคับการจังหวัด นายอำเภอ คนไหนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้นถ้ากลไกทั้งหมดถ้าร่วมมือกันจริง จะแก้ปัญหาได้เยอะ

“เราไม่ได้ทำผักชีโรยหน้า และประชาชนจะบอกเอง จะปราบหมดหรือไม่หมด คนไหนมีส่วน เวลานี้เรามีตัวเลขแล้ว และให้นโยบายไปแล้ว ถ้าพบว่าตรงไหนยังมีปัญหาจะใช้ ทั้งกำปั้นเหล็ก ใครละเลยหรือมีปัญหาอะไรจะทุบ และใช้ถุงมือกำมะหยี่ คือทำดีได้คุณ และผมจะลงพื้นที่โดยไม่บอกว่าจะไปตอนไหน เพราะถ้าดีจริงไปตอนไหนก็ต้องเจอของดีของจริงถ้าไปบอกก็จะเซตขึ้นมาได้ และย้ำว่าเอาจริง ถ้าไปเจอดีก็จะส่งเสริมให้มี บทบาทมากขึ้น แต่ถ้าไปแล้วพบว่ามีปัญหาจะย้ายทันทีไม่ว่าระดับไหน และจะทำจริง ได้บอกผู้ว่าฯนายอำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ไปแล้วว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศและเป็นวาระแห่งชาติ ผมรับนโยบายมาแล้ว ไม่ได้คิดว่าเราจะอยู่ได้นานหรือไม่นาน เวลาไม่ใช่ปัญหาถ้าผมเจอไปจนถึงวันสุดท้ายก็จะทำหน้าที่ เต็มที่อยากให้ทุกคนเอาจริง” นายภูมิธรรมระบุ

นายภูมิธรรม กล่าวถึงมาตรการ Seal Stop Safe ในอนาคตจะทำเข้มข้นมากขึ้น เพราะทำเรื่องนี้มาเกือบ 4 เดือน เข้าสู่เฟส 3 จะปิดโครงการขั้นต้น และจะเป็นเรื่องหลักที่จะทำเมื่อตนอยู่มหาดไทย เพื่อให้เกิดผลจับต้องได้เป็นรูปธรรม ตัวเลขการจับกุมสำคัญแต่ไม่สามารถตอบได้ทั้งหมดสิ่งสำคัญคือความรู้สึกประชาชน ที่เห็นว่าสามารถแก้ไขได้

“ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าไปถึงเจ้าหน้าที่ก็จะเอาจริงและไม่ต้องการให้มาเสนอหน้าหรือมาจัดเลี้ยงกินข้าว เอาเรื่องงานเป็นหลัก ถ้าลงพื้นที่ก็จะไปเลยไม่ต้องมานั่งเลี้ยงและจะเข้าพื้นที่บ่อยขึ้น เข้าไปโดยไม่แจ้ง เพราะถือว่าถ้าของดีต้องดีตลอดเวลาไม่ใช่ดีเฉพาะตอนที่ลงพื้นที่ กำชับไปแล้วถ้าปัญหาอยู่ที่ในอำเภอ นายอำเภอต้องรับผิดชอบ ถ้ามีหลายอำเภอผู้ว่าต้องรับผิดชอบ ถ้าอยู่ระดับสถานีตำรวจผู้กำกับต้องรับผิดชอบ ถ้าขึ้นระดับหลายสถานีผู้บังคับการตำรวจจังหวัด ต้องรับผิดชอบ ก่อนนี้ทำ14 จังหวัด 51 อำเภอและได้สั่งผู้ว่าฯทั้ง 76 จังหวัดต้องช่วยกัน เพราะเลยจากเซลล์สต็อปเซฟไปแล้วต้องจริงจังและเต็มที่เพื่อนำผลมาสรุปไม่ใช่หมดแล้วหมดเลยเพราะพวกนี้ยังมีรากเหง้าฟื้นมาได้เอง ดังนั้นต้องเอาให้จบ”

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอสื่อสารถึงประชาชนทุกระดับ ว่ากลไกของรัฐทั้งหมดต้องกลับมาทำหน้าที่ที่ตัวเองมีเพื่อส่งเสริมสังคม ทำให้ประชาชนและสถาบันครอบครัวเข้มแข็ง แข็งแรง มีบทบาทในการช่วยรัฐในการขับเคลื่อนแก้ปัญหายาเสพติดรวมถึงหนี้นอกระบบ ที่สำคัญคือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นหน่วยที่สำคัญที่สุดที่ต้องเอกซเรย์ทุกหมู่บ้าน เพื่อให้พลังของมวลชนเป็นพลังที่ดีในการตรวจสอบ ร่วมมือกันแก้ไขปัญหายาเสพติด หัวใจสำคัญอยู่ที่การข่าวและสายตาของประชาชน ที่มีอยู่ทุกแห่งถ้ามีการแจ้งข่าวมาถึงเรา บวกกับความเข้มแข็งของระบบกลไกที่เราวางอยู่ทั้งทหารชายแดนตำรวจตระเวนชายแดน ก็จะเป็นกำลังสำคัญในการสกัดด้านยาเสพติด หรือสารตั้งต้นที่จะไปทำยาเสพติด รวมถึงตำรวจ ที่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปตามกฎหมาย อย่างเข้มข้น แข็งแรงเอาจริงเอาจัง เพราะอำนาจในการจับกุมอยู่ที่ตำรวจ เมื่อเข้มแข็ง ฝ่ายทหารและฝ่ายปกครอง จะเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ที่จะช่วยในการทำงานเช่นเดียวกับ สาธารณสุขและเทศบาลท้องถิ่น สามารถเป็นกลไกช่วยได้ทุกระดับในการแก้ปัญหา เช่น ใช้อบต.ค่ายทหาร หรือโรงเรียนเข้ามาช่วยถ้าระดมกำลังทั้งหมด เราสามารถแก้ไขได้และช่วยฟื้นฟูสถาบันครอบครัว ที่เป็นพลังใจให้ทุกคนสู้ชีวิต ขับเคลื่อนครอบครัวและเศรษฐกิจของประเทศ

“ขอฝากประชาชนว่าเป็นคนสำคัญที่สุดที่จะสามารถตรวจสอบยาเสพติดว่า การแก้ปัญหายาเสพติดเป็นผักชีโรยหน้า หรือที่ไหนทำดีแล้วขอให้บอกมา ผมปวารณาตัวจะทำเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและทำให้ดีที่สุด ถึงจะไม่จบลงได้ง่ายแต่จะลดน้อยลงได้และพัฒนาไปถึงหยุดการกระทำที่ทำให้เกิดปัญหากับสังคมไทย ขณะที่ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงอื่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องเอาจริงเราจะไปทุกที่ไปดู ถ้าเราสั่งการอย่างเข้มข้นแล้วยังกล้าฝ่าฝืน จะทำให้เห็นว่ากลไกของข้าราชการมีความเข้มข้นที่จะดำเนินการอย่างไร หากมองปัญหาและใช้กลไกในมือของตัวเองอย่างเข้มข้น เหมาะสมถูกต้อง ไม่เป็นเครื่องมือให้อบายมุขและปัญหาเหล่านี้ขยายตัว ก็จะแก้ปัญหาได้ และจะสร้างรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เป็นรูปธรรมได้ มีงานทำโดยไม่ต้องไปหมกมุ่นกับยาเสพติด” นายภูมิธรรม กล่าว .-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง ‘ตะวันออก’ หนักสุด

กทม. 12 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 13 – 14 ส.ค. โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังถก​ สมช.​ เคาะสถานการณ์สงบจริง

เมืองทองธานี 11 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่น​ ก็จบ!! ​ หลัง “กองทัพ” ยืนยันแล้ว “แม่ทัพภาค 2” ไม่ได้พูดยึดปราสาทตาควาย ย้ำยังไม่มีอะไรผิดสัญญา เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังประชุม​ สมช.​ 13-14 ส.ค.นี้​ เคาะสถานการณ์สงบจริง​ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงกรณีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2​ ออกมา ประกาศยึดคืนปราสาทตาควาย จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงไทย-กัมพูชาหรือไม่ ว่า​ ยังไม่ได้ยินแม่ทัพภาคที่ 2 พูด​ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลง​ เมื่อถามว่าแม้กองทัพ จะออกมาปฏิเสธแล้ว​ แต่ทางกัมพูชา​อาจมองเป็นการกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง และละเมิดข้อตกลง 13 ข้อ นายภูมิ​ธรรม​ กล่าวว่า​ ยังไม่มีอะไรผิดสัญญา กองทัพซึ่งเป็นตัวหลักได้ยืนยันแล้ว​ ก็จบตามนั้น​ เมื่อถามว่า​ สถานการณ์ชายแดน 2-3 วันที่ผ่านมา​ ถือว่าสงบนิ่งหรือไม่​ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะกลับมา​อีก […]

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย