“โรม” เสียใจ “ทหารไทย” เหยียบกับระเบิด เบรกโซเชียลอย่าเติมเชื้อไฟ

รัฐสภา 17 ก.ค.-“โรม” เสียใจ “ทหารไทย” เหยียบกับระเบิด เบรกโซเชียลอย่าเติมเชื้อไฟ ทำรั้วรอบปราสาทตาเมือนธม หวั่นเข้าทาง “เขมร” ลากไทยไปศาลโลก แนะรัฐบาลไทยเชิญ “ฮุน มาเนต” ประกาศปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รับไม่มีนายกฯ ตัวจริง การแก้ปัญหาชายแดนชะงัก

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาขณะนี้ ว่า ตอนนี้ยังติดตามต่อไปอย่างใกล้ชิด ในเรื่องของคลิปเสียงก็ยังไม่ยอมแพ้ ต้องมีการหารือแนวทางในคณะกรรมาธิการอีกครั้ง ซึ่งเรื่องคลิปเสียงเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญ ที่เราต้องได้รับความชัดเจน คิดดูว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้รัฐบาลยังไม่ให้ความร่วมมือ เรื่องอื่นๆ เราจะหวังพึ่งความร่วมมือจากรัฐบาลได้อย่างไร จนมาถึงวันนี้กรรมาธิการไม่ได้รับการคลี่คลายในเรื่องนี้เลย


ส่วนแนวทางที่ 2 ในการแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเรื่องด่านชายแดนที่จะนำไปสู่การยุติความขัดแย้งแล้วกลับไปสู่สถานะเดิมพี่ทั้งสองฝ่ายพึงมีต่อกัน ต้องยอมรับว่าตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายแล้ว ไม่ว่าจะทำให้ด่านกลับไปเป็นสภาพเดิมเช่นการค้าขาย แต่วันนี้เรายังไม่เห็นความชัดเจนว่าจะมีแนวทางอย่างไร จะโทษรัฐบาลอย่างเดียวไม่ได้ ต้องยอมรับว่าทางกัมพูชาก็มีประเด็นปัญหาแบบนี้ สิ่งที่ตนคิดว่าจะเป็นข้อแนะนำไปถึงรัฐบาลในการคลี่คลาย แล้วทำให้เกิดการพูดคุยกลับมาเป็นปกติได้ ต้องยกระดับมาตรการที่สำคัญ คือการปรักปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถ้าปัญหานี้จบลงทุกฝ่ายอยากพูดคุยถึงการค้าขายที่ปกติมากขึ้น

แต่การรอให้เกิดการปราบปรามอย่างรวดเร็วและเด็ดขาดก็ต้องยอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจบได้ทันที การพูดคุยระหว่าง 2 ประเทศจำเป็นต้องมี และความยากคือทางกัมพูชาไม่ได้มีมุมมองแบบเดียวกัน วิธีการคือเรามีความจำเป็นที่ต้องพูดคุยกับประเทศอื่นให้มากขึ้น เพื่อทำให้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีผลความก้าวหน้ารวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทางกัมพูชาจะได้มาพูดคุยกับเราและจะได้มีข้อได้เปรียบ


นอกจากนี้ ปัญหาชายแดนคนเข้าออกไม่ได้ แต่สินค้าที่มีข้อจำกัด เช่น สินค้าเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค รวมไปถึงแรงงาน จะเอาเข้าออกได้หรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าเรามีแนวทางแก้ปัญหาแต่อยู่ที่ว่ารัฐบาลจะจริงจังแค่ไหน

เมื่อถามว่าพลเอก ฮุน มาเนต นายรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศจะกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไทยเองจะมีส่วนร่วมหรือแนวทางได้อย่างไรบ้าง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คิดว่าหากทางกัมพูชาต้องการที่จะปราบปราม ทางการไทยต้องรีบเชื้อเชิญเลย เพื่อดึงกัมพูชาเข้ามาร่วมการปราบปรามจริง ๆ วันนี้เรารู้พิกัดกันหมดแล้วคิดว่า KPI ง่ายมาก คือรอดูว่า 50 เกือบ 60 พิกัดมีการปราบปรามหรือไม่ รวมไปถึงการออกมาตรการออกหมายจับเพิ่มเติมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่าง ๆ และรอดูว่าทางกัมพูชาจะมีการส่งตัวให้หรือไม่ รวมไปถึงการสร้างปฏิบัติการร่วมกันซึ่งทางกัมพูชาต้องเป็นหัวหอก และไทยคอยประสานงานให้ข้อมูลก็สามารถทำได้ หากกัมพูชาจริงใจกระบวนการเหล่านี้ควรจะเกิดขึ้น รวมไปถึงหลาย ๆ ประเทศ

ส่วนการเรียกทูตกลับมาในเชิงลดความสัมพันธ์มองว่าจะทำให้ปัญหาบานปลายหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตอนแรกตอนประเมินว่าการเรียกทูตกลับมาจะเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ถ้าสถานการณ์ไม่ได้มีการไต่ระดับสูงขึ้น ต้องตอบคำถามให้ชัดว่าทำไมต้องเป็นเวลาดังกล่าว ทำไมไม่เกิดขึ้นก่อนหน้า เรื่องนี้ต้องพิจารณาเหมือนกัน ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ต้องคิดในการเจรจาพูดคุยกันเพื่อหาทางออกและไม่มีทูตแล้ว จะทำกันอย่างไร


“ผมคิดว่าหลายส่วนรัฐบาลค่อนข้างช้า ในการแสดงออกในการแสดงพฤติกรรม ไม่ว่าจะเป็นการประท้วง หรือแม้กระทั่งการจะเรียกทูตกลับมาต้องยอมรับว่ามันช้าจริง ๆ ดังนั้นสถานการณ์ภาพรวมทั้งหมดผมยังแปลกใจ ว่ารัฐบาลกำลังทำอะไร วันนี้รัฐบาลต้องมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนว่าตกลงต้องการอะไร และจะไปเป้าแบบไหนเอาให้มันชัด หากรัฐบาลไม่รู้ตัวเองว่าทำอะไรอยู่ จะมีปัญหาในการแก้วิกฤตนี้มากๆ” นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่าที่รัฐบาลตัดสินใจเรื่องชายแดนกัมพูชาไม่ได้ เพราะนายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นอย่างนั้น ตนคิดว่ามีส่วนที่เป็นรูปแบบและส่วนที่เป็นเนื้อหา ส่วนที่เป็นรูปแบบก็ต้องยอมรับว่าการที่นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งไม่ใช่แค่หยุดปฏิบัติหน้าที่แต่รอคอยว่าศาลจะว่ายังไง ต้องยอมรับว่าความเชื่อมั่นของประชาชนและต่างชาติที่มองว่า ดูแล้วมีความเป็นไปได้มากที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อาจจะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกแล้วในวันข้างหน้า ทำให้เกิดปัญหาขาดเสถียรภาพทางการเมือง

“การที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยพยายามเดินหน้าต่อไปโดยไม่สนไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น ก็มีปัญหาเหมือนกันว่าในแง่ความชอบธรรมเหมือนกันแก้วิกฤตต่าง ๆ ก็ไม่มี ในส่วนของเนื้อหาการที่คุณแพทองธารไม่ตอบคำถามในเรื่องของคลิปเสียง การปราศจากซึ่งคำขอโทษที่จริงใจ ต่อพี่น้องประชาชนชาวไทย และวิธีการสื่อสารอื่นๆที่ผิดพลาด ผมคิดว่ามันทำให้วิกฤตของเราขยายใหญ่โต และทำให้สุดท้ายคนเริ่มงงว่าเรากับกัมพูชาทะเลาะกันเรื่องอะไร” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า แบบนี้จะมีคำถามต่อๆ ไปว่าที่ทำกันอยู่กำลังนำไปสู่อะไร หากจะเอาเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นหลักในการแก้ปัญหาก็ยอมรับว่าไฟเรายังไม่ตัด เน็ตเรายังไม่มีความคืบหน้า และที่บอกน้ำมันไม่ส่งก็แค่ผ่านด่านไม่ได้แต่ส่งช่องทางอื่น ก็จะมีปัญหาในลักษณะนี้ต่อไปสุดท้าย เราแค่บีบโดยเอาเรื่องการค้าชายแดนเป็นตัวตั้ง

วันนี้แกงคอลเซ็นเตอร์จะไปทำงานที่กัมพูชาเขามีวิธีอื่น คือนั่งเครื่องบินไปลงพนมเปญ และนั่งรถกลับมาซึ่งตรงนี้เราไม่เห็นว่าสุดท้ายแล้วรัฐบาลหากจะปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริง ๆ ก็ไม่ให้ว่ มีการจัดการจริงจังแค่ไปสนใจจุดชายแดนอย่างเดียวก็คิดว่าไม่ใช่ทางออกทั้งหมด

เมื่อถามว่าเห็นด้วยหรือไม่กับข้อเสนอให้สร้างรั้วรอบปราสาทตาเมือนธม นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เราไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มเชื้อไฟ ถ้าเราทำรั้ว เราจะทำไปทำไม ซึ่งถ้าเราทำรั้ว ทางกัมพูชาก็จะใช้จุดนี้ทำให้เกิดการปะทะ ถ้าปะทะกันกันก็จะมีโอกาสที่กัมพูชาจะใช้จุดนี้นำไปสู่ศาลโลก ตนจึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีการเติมเชื้อไฟ

เมื่อถามต่อว่าเรื่องการทำรั้ว มีการเรียกร้องเพราะทหารกัมพูชาขึ้นมาปลุกปั่นบ่อยครั้ง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องดูก่อนว่าตกลงเราต้องการอะไร ถ้าเราต้องการให้กัมพูชาพาเราไปศษลโลก เราอาจจะทำแบบนั้นก็ได้ แต่ถ้าต้องการให้ชายแดนกลับมาสู่ปกติ และเราพยายามที่ทำให้ประเทศต่างๆทั่วโลกมองปัญหาที่แท้จริงว่ากัมพูชาต้องการยั่วยุ เป็นแลนด์ออฟสแกมเมอร์ วิธีการที่จะวางตัว กำหนดท่าทีและแนวทางต่างๆ ต้องใจเย็นๆ ไม่ควรไปเพิ่มจุดอะไรต่างๆที่ทำให้เกิดการปะทะกัน ปะทะเมื่อไหร่คือสิ่งที่กัมพูชาอยากได้ กัมพูชาไม่ได้แคร์ชีวิตทหาร ไม่ได้สนใจว่าชีวิตประชาชนจะเป็นอย่างไร เขาสนใจแต่เป้าหมายคือพาประเทศไทยไปสู่ศาลโลก กัมพูชาถือว่าชนะแล้ว

ส่วนกรณีล่าสุดที่ทหารไทยไปเหยียบกับระเบิด นายรังสิมันต์ กล่าวแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่ใช่เพียงทหารที่ได้รับผลกระทบ แต่รวมถึงครอบครัวที่มีความเป็นห่วง ซึ่งไม่อยากให้มีสถานการณ์เช่นนี้ ไม่อยากให้มีใครบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้เลย เราคงต้องติดตามต่อไปว่าที่มาที่ไปของเหตุไปถูกับระเบิด รายละเอียดเป็นอย่างไร เบื้องต้นตนติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด คงจะได้มีการหารือกับทางกองทัพต่อไป.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]