“ภูมิธรรม” เรียกประชุมผู้ว่า-ผกก.ทั่วประเทศ พรุ่งนี้

ศรีสะเกษ 16 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เรียกประชุมผู้ว่า-ผกก.ทั่วประเทศ พรุ่งนี้ ลั่นใครไม่มาเด้งย้ายทันที เตรียมสร้างเครือข่ายตาสับปะรด-ชรบ. แก้ปัญหายาเสพติด ซัดนักการเมือง-นักธุรกิจ หาผลประโยชน์ทำปวดหัว แย้ม ตร.จ่อออกหมายจับทิด-สีกา ผิดกฎหมายการเงิน ลั่นพระไม่ใช่ผู้เสียหาย แต่มีส่วนร่วม

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่ห้องประชุม 1 โครงการชลประทานศรีสะเกษ


โดยนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวรายงานในช่วงแรกว่า การทำงานในจังหวัดศรีสะเกษ ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ตามกฎหมายระเบียบข้อสั่งการที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เราทำงานกันเป็นทีม บูรณาการหน่วยงานร่วมกัน ไม่แยกส่วนแยกฝ่าย โดยมีผลสำเร็จเป็นเป้าหมายร่วมกัน

ด้านนายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมเพื่อมอบนโยบาย ตนมาภารกิจครั้งแรกภายใต้กระทรวงมหาดไทย เพราะตนเพิ่งได้รับตำแหน่ง และได้ร่วมงานกับชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ทราบว่าได้มีการจัดเรียบร้อยแล้ว ตนเลยคิดว่ามาได้เลยดีเหมือนกัน ไม่ต้องจัดอะไร และรัฐมนตรีท่านเก่าจัดให้เรียบร้อย ถือว่าวันนี้เปิดเข้าร่วมรับฟังนโยบายที่อยากให้แพร่หลายให้พี่น้องประชาชนรับทราบ เพราะตนคิดว่าเรื่องของยาเสพติด ตนเคยพูดในที่ประชุมให้นโยบายมาแล้วว่า ปัญหานี้มันหนักหน่วงและรุนแรงจริงๆ ขณะนี้ไปที่ไหนก็มีแต่พูดถึงเรื่องนี้ จนกลายเป็นปัญหาที่สำคัญไม่แพ้กับเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นชีวิตของประชาชน เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องทั้งประเทศตนไม่คิดจะทำที่ไหนที่เดียว


นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะที่รับตำแหน่งรมว.มหาดไทย เรื่องนี้สำคัญไม่น้อยไปกว่า การสร้างเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งถือว่าเป็นรูปธรรมมากที่สุด และย้ำว่า วันนี้จะบอกว่าล้มเหลวก็ได้ แต่อาจจะทำได้ไม่ดีและเป็นปัญหา และสิ่งที่สำคัญหากเราทำได้สำเร็จตามที่เปอร์เซ็นต์ต่างๆก็คงไม่เป็นปัญหา แต่ที่พูดกันปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาทอล์กออฟเดอะทาวน์ คนพูดกันทุกหมู่บ้าน ชาวบ้านไม่พอใจ สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่านั้นคือตนให้ความสำคัญกับความรู้สึกของชาวบ้านในพื้นที่ หากนำแต่ตัวเลขการจับกุมมา แต่ประชาชนในพื้นที่ไม่ยอมรับ ก็ถือว่าท่านทำงานไม่ประสบความสำเร็จ ถือว่าล้มเหลว ตนมาเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงดูทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ซึ่งในปัจจุบัน เรื่องความมั่นคงมีรูปแบบใหม่ที่ไม่ใช่แค่เรื่องการต่อสู้ป้องกันประเทศ แต่พูดถึงภัยด้านความมั่นคงในหลายมิติ อย่างเรื่องศาสนา ที่เพิ่งเกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องความมั่นคง ซึ่งปกติเราไม่เคยทำอะไรที่มากไปกว่าการจับสึก แต่ต้องพูดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมวงการคณะสงฆ์ เราได้คุยกันแล้วเดิมแค่จับสึก วันนี้จะเริ่มเห็นจับพระลาสิขาบทมารับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งหากติดตามข่าววันที่ 17 ก.ค.เป็นต้นไปจะพบว่ามีกระบวนการจับกุมสีกาทั้งหลายที่มีส่วนในการทำให้เกิดปัญหา ก่อนย้ำว่าพระไม่ใช่ผู้เสียหาย แต่คือผู้มีส่วนร่วมทำให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันของชาติ และถือว่ามีความผิดที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่เราต้องการยกตัวอย่างให้เห็นว่าเมื่อก่อนเราไม่ถือว่าเป็นปัญหาอาชญากรรม แต่ไม่ใช่ เพราะอาชญากรรมแปลงร่างมาในหลายรูปแบบ

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ตนเข้ามา 3 เดือนที่ผ่านมาอยากให้ประชาชนรู้สึกเปลี่ยนแปลง นั่นคือปัจจัยหลักปัญหาเรื่องยาเสพติดอยู่ในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เพราะท่านคือผู้บังคับบัญชาสูงสุดในจังหวัด การจะทำให้หมดไปคือมหาดไทย ผู้ว่าราชการฯ นายอำเภอ รวมไปถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต้องร่วมมือกัน วันนี้ตนมาเจอตัวเลข ชรบ. 6-7 แสนคน ถือเป็นตัวเลขที่น่าสนใจ หากใช้ให้ถูกต้องถูกระบบก็จะเป็นส่วนสำคัญในการทำหน้าที่ป้องกันรักษาชาติ วันนี้ภัยคุกคามประเทศไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะพื้นที่ชายแดน ชายแดนเป็นเพียงพื้นที่เส้นลำเลียงยาเสพติด เพราะฉะนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุด

ทั้งนี้ในวันที่ 17 ก.ค. จะนัดประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งประเทศ และผู้บังคับบัญชา ผู้การจังหวัด ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะต้องเข้าร่วมประชุมทุกจังหวัด ไม่เข้าไม่ได้เว้นแต่เรื่องเข้าเฝ้าเจ้านาย หรือป่วยหนักจริงๆ หากไม่เข้าร่วมถือว่าไม่สนองต่อนโยบาย ตนจะย้ายทันที ทำแบบนี้ไม่ได้ พร้อมย้ำว่า สิ่งที่ตนทำไม่ได้เกลียดชังอะไรทั้งนั้น แต่หากไม่ทำประเทศก็จะไม่มีความสงบตนเอาจริงตลอด ตนดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ขณะเดียวกันจากที่ตนได้ลงพื้นที่ ผู้การไม่ทำงานก็มี หรือจะเกษียณในปีนี้ก็เฉยชาไม่มา ร้ายกว่านั้นเป็นผู้อำนวยความสะดวกหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการยาเสพติด


ตนอยากเห็นการแก้ไขปัญหานี้ อยากให้ทำควบคู่กันไปเลย คือ ผู้มีอิทธิพลทั้งหมดแหล่งมั่วสุม รวมไปถึงเรื่องนี้ด้วยเป็นปัญหาของพี่น้องประชาชน และรัฐบาลจัดเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะผู้มีอิทธิพลหากินในเรื่องนี้หรืออยู่ข้างหลัง เช่น การทวงหนี้โหด และผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ จึงบอกว่าให้จัดการให้หมด เรื่องยาเสพติด สถานบันเทิงที่ผิดกฎหมาย เพราะเข้าไปตรวจเจอยาบ้าเกลื่อนกลาด หากเราเข้มงวดจริงๆ เราเชื่อว่าเราสามารถจัดการได้ เพราะมีบางส่วนบางกลุ่มบางคนเข้าไปมีส่วนร่วม หรือหาผลประโยชน์จากสิ่งต่างๆ

นายภูมิธรรม​ กล่าวอีกว่า​ ขอให้ทุกฝ่ายทำอย่างจริงจัง​ เพราะจะเป็นบุญผลกับชาวบ้านเพราะในวันนี้มันเข้าไปทำลายครอบครัว​ ทำลายชีวิต​ ทำลายอนาคตและโอกาสของประชาชนและเยาวชน พร้อมย้ำว่า​ ไม่ทำไม่ได้ ถ้าบอกว่าไม่ทำต้องไม่สบายใจแน่​ แต่ต้องมีการดำเนินการตามสมควร​ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ตนได้พูดมาทั้งหมดจะให้เห็นว่ายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ และเป็นสิ่งที่กระทรวงมหาดไทยที่เป็นต้นเรื่อง ต้องประสานกับทางกระทรวงสาธารณสุขในเรื่องการฟื้นฟู ตนบอกแล้วว่า 3 เดือนต้องเห็นผล ไม่ปล่อยหลุดโดยง่าย​ เพราะเป็นเรื่องที่ใหญ่ซับซ้อน​ และจะต้องทำจริงจัง ต้องทำจนกว่าจะไม่ใช่ภัยคุกคาม ตนยืนยันว่า กระทรวงมหาดไทยถือว่าให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง​ ฉะนั้นต้องรีบจัดการ ทั้งในระดับจังหวัด​ อำเภอ​ ตำบลและหมู่บ้าน และสิ่งที่อยากให้ทำก่อนคือ เอกซเรย์ในทุกพื้นที่ทุกหมู่บ้าน อย่างที่เคยบอก​ ชาวบ้านรู้ แต่เจ้าหน้าที่ไม่รู้ เพราะฉะนั้นถ้าประชาชนรู้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไม่รู้​ ก็ถือว่ามีความผิด ต้องดูตามความเป็นจริง หากไม่สามารถดำเนินการได้เลย​ หรือไม่ทำอะไรเลย ก็ต้องรับผิดชอบ​ แต่ต้องไม่ให้มีผู้ค้า​ โดยเฉพาะผู้ค้ารายย่อยในหมู่บ้าน​ และจากที่ตนได้เดินทางไปในหลายจังหวัด​ ได้เป็นชื่อ เป็นตำแหน่ง ว่าใครอยู่ข้างหลัง ฉะนั้นต้องจัดการให้ชัดเจนที่สุด

นายภูมิธรรม ยังเล่าถึงสมัยที่​ เป็นรัฐมนตรีว่าการปี 2547 ตอนที่เราเป็นรัฐบาลในช่วงนั้นสามารถจัดการเรื่องยาเสพติดได้หมดไป จริงๆตนสั่งมาแล้วเรื่อง Seal Stop Safe แต่ตนก็ยังคิดว่าหลังจากนี้จะต้องมีทั้ง​ให้รางวัลและให้โทษ​ ทำดีต้องได้ดีโดยไม่ลืม จะขับเคลื่อนให้เกิดประโยชน์ทำงานที่รับผิดชอบในเรื่องต่างๆให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งตนถือว่าผู้ติดยาเสพติดคือผู้ป่วย ลูกค้าเมื่อสมัยนั้นเขาเรียกว่าอาชญากร แต่ก็ต้องจำแนก​ เพราะกฎหมายมีอยู่แล้ว​ และเรากำลังขับเคลื่อนเรื่องการยกเลิกกัญชา​ และพืชกระท่อม​ เรากำลังดำเนินการทั้งหมด เพราะชาวบ้านเขาไม่รับและเวลานี้ประเทศไทยเสียชื่อมาก เวลาส่งไปและเขาจับได้​ ว่ามาจากเรา อย่างโกดังที่สนามบินสุวรรณภูมิ​ ทั้งกระท่อม​ กัญชา​ เต็มโกดัง และมีการทำกันอย่างเปิดเผย ขณะเดียวกันที่ผ่านมารัฐบาลได้พูดว่า​ กัญชาใช้ได้เฉพาะเรื่องสาธารณสุข แต่ในทางปฏิบัติจริงๆ อาจมีทั้งนักการเมือง​ นักธุรกิจเข้าไปหาผลประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ และทำให้เป็นเรื่องปวดหัวของทุกส่วน พร้อมกล่าวว่า​ เจ้านายทรงเป็นห่วงในเรื่องนี้

โดยนายภูมิ​ธรรม​ ยังอยากให้ทางกระทรวงมหาดไทย​ สร้างเครือข่าย​ตาสับปะรด​ ออกเป็นคำเสนอแนะ​ หรือคำสั่งการให้เห็นว่า​ ให้ดึงประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม​ แก้ไขปัญหายาเสพติด​ รวมไปถึงมีมาตรการการป้องกันอยากให้จัดระเบียบสังคมในเรื่องของการป้องกัน ยับยั้งโอกาสในการกระทำความผิด ทุกจังหวัดต้องดำเนินการค้นหาผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่า สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจ สอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย

GBC หารือใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืนถกถึงเที่ยงคืน

มาเลเซีย 6 ส.ค.-GBC ประชุมใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืน ฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ การหารือภายใต้กรอบ GBC ณ เวลา 07.45 น. วันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อคืน คณะเลขานุการ GBC ของทั้งสองฝ่าย ได้เจรจากันถึงเวลา 00.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในบางประเด็นสุดท้าย เนื่องจากฝ่ายเลขานุการ GBC ของฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ จึงได้นัดประชุมอีกครั้ง เวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันนี้ เพื่อหาข้อสรุปสำหรับประเด็นดังกล่าว โดยเมื่อเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับคณะเลขานุการ GBC ของฝ่ายไทยติดตามความคืบหน้าในการเจรจา ให้กำลังใจ และชื่นชมในการทำงานอย่างหนักถึงวินาทีสุดท้ายของทีมไทยแลนด์ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเจรจา เพื่อบรรลุผลและปกป้องผลประโยชน์ของไทย.-สำนักข่าวไทย