พุทธมณฑล 16 ก.ค.-ผอ.สำนักพุทธฯ ปัดหย่อนยาน ยันทำงานเต็มที่ แก้วิกฤติศรัทธา แนะ “เจ้าคุณประสิทธิ์” สึก หลังแชตหวานสีกากอล์ฟหลุด
นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลกได้ทำการลาสิกขาแล้ว และวันนี้เจ้าวาดวัดใหญ่จอมปราสาท ก็มารายงานตัวกับเจ้าคณะใหญ่หนกลางด้วยเช่นเดียวกัน
ส่วน กรณีเจ้าคุณประสิทธิ์ รองเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส ที่ยังไม่ยอมสึก แต่มีแชทสนทนากับสีกากอล์ฟในเชิงชู้สาว นายอินทพร ระบุว่าเท่าที่เห็นแชทในความเป็นสมณเพศ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควร เปรียบดังข้าราชการที่มีจริยธรรม ส่วนพระสังฆธิการก็ต้องมีจริยา เพราะเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับการเป็นสมณเพศ
ส่วนจะมีพระที่เข้าข่ายการกระทำความผิดเพิ่มเติมอีกหรือไม่ขณะนี้กำลังประสานข้อมูลกับ บก.ปปป. ซึ่งสำนักพุทธหากได้รับข้อมูลมาก็จะนำข้อมูลไปถวายให้คณะสงฆ์ตามลำดับ แล้วเรียกตัวผู้มีพฤติกรรมในคลิปหรือภาพมาชี้แจงหากประพฤติปฏิบัติผิดทางพระธรรมวินัยทางคณะสงฆ์ก็จะดำเนินการลงโทษ
เมื่อถามถึงเจ้าคุณประสิทธิ์ทางสำนักพุทธจะดำเนินการอย่างไร นายอินทพร ระบุว่า ท่านเป็นพระผู้ใหญ่และเป็นครูบาอาจารย์เมื่อมีเรื่องลักษณะนี้ปรากฏออกมาสังคมชาวพุทธก็จับตาดูอยู่ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีพระแสดงความรับผิดชอบโแล้วดยการลาสิกขาไปแล้วดังนั้นตนคิดว่าเจ้าคุณประสิทธิ์ต้องพิจารณาตัวเอง
ส่วนกรณีเอกสารสำนักพุทธจังหวัดสมุทรสาครที่หายออกไปจากวัดใหญ่จอมประสาท ขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และต้องติดตามสอบถามความคืบหน้าจาก ผอ.พศจ.สมุทรสาคร เพราะขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าเอกสารยังมีอยู่หรือไม่ และถ้าหากเอกสารดังกล่าวหายไปจริงก็ถือว่าเป็นการผิดวินัย และท่านเจ้าอาวาสบกพร่อง ซึ่งต้องไปดูด้วยว่าสาเหตุที่หายเพราะอะไร เพราะเอกสารทางราชการมีการรับส่งเป็นระบบดังนั้นถ้าหากหายต้องชี้แจงได้
ส่วนกรณีที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ออกมากล่าวถึงการทำงานร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ว่า “มีหลักฐานเยอะแต่ไม่ทำอะไร แถมช่วยเหลือพรรคพวก ที่ผ่านมาร่วมงานทุกครั้งล้มเหลวตลอด” นายอินทพร ยืนยันว่าสำนักพุทธได้ทำตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ ซึ่งเรื่องพยานหลักฐานก็ต้องรอทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักพุทธก็จะดำเนินการประสานกระมหาเถรสมาคมเพื่อดำเนินการต่อ
ส่วนข้อเรียกร้องบางกลุ่มที่ต้องการยุบสำนักพุทธ เนื่องจากทำงานล่าช้า นายอินทพร ย้ำว่า เราก็ทำงานตามหน้าที่ ไม่ใช่ใช้ความรู้สึกในการตัดสิน ซึ่งขณะนี้ก็กำลังดำเนินการแก้ไขกฎหมาย และยืนยันว่าจะทำงานเต็มที่เพราะยอมรับว่าขณะนี้เกิดวิกฤต ขณะเดียวกันพระสงฆ์ก็ต้องร่วมมืออย่างเต็มที่กับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติด้วย.-313.-สำนักข่าวไทย