“สุชาติ” ขีดเส้น 3 เดือน สำนักพุทธฯ กู้วิกฤติศรัทธาวงการสงฆ์

พุทธมณฑล 16 ก.ค.- “สุชาติ” มอบนโยบายสำนักพุทธฯ สั่งทำทันที “จัดระเบียบเงิน-ทรัพย์สินวัด” ดูแลตั้งไวยาวัจกร ขันนอต ผอ. จังหวัดต้องเด้งรับหากมีคนร้องพระทำผิดวินัย ยอมรับที่ผ่านมาหย่อนยาน ให้เวลา 3 เดือน ก่อนประเมินอีกครั้ง


นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวกับสื่อมวลชนภายหลังการมอบนโยบายให้กับสำนักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติว่าวันนี้ตนได้มาเยี่ยมสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อมารับฟังการบรรยายสรุปภารกิจ งาน ตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายเพราะวันนี้เป็นวิกฤติของพระพุทธศาสนา และเป็นที่ทราบกันดีตามที่มีข่าวออกมา และสำนักพุทธศาสนาก็ต้องไปเร่งดำเนินการแก้ไขวิกฤติศรัทธา เพื่อเรียกศรัทธาของสำนักพระพุทธศาสนาคืนจากประชาชน

นายสุชาติ กล่าวอีกว่า ปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นกับวัดและเจ้าอาวาส ที่เรายังไม่มีมาตรการควบคุม คือเรื่องของทรัพย์สินและเรื่องสีกา เพราะเมื่อมีทรัพย์สินเงินทองแล้ว ก็จะมีเรื่องของสีกาเข้ามา และเกิดขบวนการหลอกเงินวัด ที่มาในรูปแบบของสีกา หรือหลอกให้ทำสิ่งต่างๆ วันนี้ตนได้กำชับ โดยเฉพาะผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดทั่วประเทศ ต้องทำงานเชิงรุก เพราะตอนนี้ประชาชนได้ถามมาว่ามีบางวัดเจ้าอาวาสประพฤติมิชอบ ชาวบ้านรู้แต่ทำไมสำนักพุทธฯ ถึงไม่รู้ ได้คาดโทษไว้ว่าในจังหวัดใดมีเหตุการณ์ ที่ไม่สามารถควบคุมความประพฤติของพระภิกษุสงฆ์ให้อยู่ใน พระธรรมวินัย ประพฤติปฏิบัติชอบที่ดีได้และ มีความประพฤติฉาวโฉ่จนถึงขั้นปาราชิก คงจะต้องมีการกล่าวโทษหรือให้คะแนนกันว่ามีความสามารถหรือหย่อนประสิทธิภาพ ละเว้นหรือละเลยการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่


นายสุชาติกล่าวว่านอกจากนี้ตนยังได้มอบนโยบายเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินของวัด ขอให้มีความโปร่งใส โดยนำระบบ Big data เข้ามาควบคุมทรัพย์สินของวัดและเจ้าอาวาส ทำบัญชี ของพระภิกษุสงฆ์ทุกรูปแล้วเปิดเผยให้กับสาธารณชนได้รับรู้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร มีทรัพย์สินเท่าไหร่ รวมถึงการจัดการทรัพย์สินของวัดต้องเป็นในรูปแบบของคณะกรรมการ โดยเฉพาะสาธารณสมบัติกลาง ให้ประชาชนรับรู้ด้วยต้องให้ประชาชนรับรู้ด้วย อย่างเช่นพื้นที่ประตูน้ำเฉลิมโลก เอเชียทีค เพราะประชาชนอยากจะรู้ว่ามีการหาผลประโยชน์ลับหลังหรือไม่ จะได้ช่วยกันตรวจสอบ แล้วจะต้องปฏิบัติตามกฎของกระทรวงคือวัดจะต้องมีเงินสดไม่เกิน 100,000 บาท โดยให้รายงานบัญชีมายังสำนักพุทธฯ ทุกปี ซึ่งตนเห็นว่าควรจะมีการรายงานทุกเดือนด้วยซ้ำไป จึงจะนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับมหาเถรสมาคม

พร้อมย้ำว่าขอให้สำนักงานพระพุทธศาสนาทำงานเชิงรุก ประสานงานไปยังกำนันผู้ใหญ่บ้าน เพื่อแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีต่อไปเนื่องจากเราไม่มีอำนาจจับกุม แต่เรามีอำนาจหน้าที่ในการปกป้องคุ้มครองส่งเสริมพระพุทธศาสนา

ส่วนการตั้งเป้าเรื่อง การเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของวัดจะต้องแล้วเสร็จเมื่อไหร่ นั้น นายสุชาติ กล่าวว่า มีประกาศออกมาแล้ว เรื่องบัญชีเงินฝาก ตอนนี้กำลังทำให้ทุกวัดเริ่มปฏิบัติตาม โดยห้ามถือเงินสดเกิน 100,000 บาท โดยจะให้ทางสำนักพุทธฯ เข้าไปตรวจสอบ 1 ตุลาคมนี้ ยังไม่เข้าไปดำเนินการ ก็จะถือว่าผิดพระธรรมวินัย ต้องมีการลงโทษตามวินัยสงฆ์


ส่วนจะมีมาตรการอื่นหรือไม่ ที่จะมาดูแลและกู้วิกฤติศรัทธาคืนจากประชาชน นายสุชาติกล่าวว่า ทุกวันนี้พระทำผิด เสพเมถุน สีกาทำผิด ไม่มีบทลงโทษ ตนจึงให้นโยบายไปว่า ให้แก้ไขกฎหมายพ.ร.บ.สงฆ์ ปี พ.ศ. 2505 เพิ่มบทลงโทษ กับผู้ที่กระทำผิด เช่นการแต่งกายเลียนแบบพระ การอวดอุตริมนุสธรรม การอ้างเป็นเทพหรือติดต่อเทพต่างๆ ได้ โดยเฉพาะพวกที่เสพเมถุน จะต้องมีการลงโทษทั้งสีกาและพระ โดยจะต้องเร่งดำเนินการให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อนำเข้าสู่การทำประชาพิจารณ์ เสนอคณะกรรมการกฤษฎีกาและนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้เห็นชอบหลักการ ซึ่งโทษของการเสพเมถุนจะมีทั้งการจำคุกและโทษปรับ อาจจะต้องจำคุก 1-7 ปี ปรับตั้งแต่หลายหมื่นบาทถึงหลักแสน และนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร และหากสส.เห็นว่าโทษอย่างน้อยเกินไป ก็อาจจะมีการปรับปรุงแก้ไขอีกได้

ส่วนกรณีที่มีบางหน่วยงานออกมาระบุว่าการทำงานร่วมกับสำนักพระพุทธฯ เหมือนจะเละเทะไปเรื่อยๆ จะสามารถจี้ให้สำนักพุทธฯทำงานได้เร็วขึ้นกว่าเดิมได้หรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า อย่าเพิ่งกล่าวโทษสำนักพุทธว่าเละเทะ แค่ตอนนี้อาจจะหย่อนยานไปหน่อยวันนี้ตนก็ได้มาให้นโยบายแล้ว ต่อไปต้องทำงานเชิงรุก ให้เวลา 2-3 เดือนแล้วค่อยมาวัด มาดูผลงานและ KPI กันใหม่ แต่หากมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ไม่ปฏิบัติมีความหย่อนก็แสดงว่าไม่ปฏิบัติตามนโยบายและมีความหย่อนยาน

เมื่อถามว่าสำนักพุทธฯ มีการขอให้ ช่วยเหลืออะไรเป็นพิเศษหรือไม่ เพราะการดำเนินการกับพระชั้นผู้ใหญ่ อาจจะมีปัญหาติดขัด นายสุชาติกล่าวว่า ทุกอย่างทำตามกฎหมาย และต้องปรึกษามหาเถรสมาคม เราทำได้เท่าที่ทำได้ โดยขอให้เกิดการทำงานและบูรณาการร่วมกันทุกหน่วยงาน ทั้งกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เมื่อถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้น ขณะนี้เกิดจากที่บางวัดไม่มีไวยาวัจกร จะมีการแก้ไขปัญหานี้อย่างไร นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุว่าขณะนี้ยังมีจุดที่มีปัญหาอยู่ เพราะไวยาวัจกร เป็นคนที่ช่วยดูแลทรัพย์สินของวัดให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ตอนนี้สำนักพุทธฯ กำลังจะนำไวยาวัจกรมาขึ้นทะเบียน เพราะไม่มีข้อมูลว่าแต่ละวัด ไวยาวัจกรเป็นใคร คุณสมบัติถูกต้องตามข้อกำหนดหรือไม่ แล้วต่อไปอาจจะมีการพัฒนาคล้ายกับรูปแบบอาสาสมัครสาธารณสุข หรือ อสม.ที่มีเงินตอบแทน ซึ่งต้องพัฒนาทักษะและกำหนดคุณสมบัติ มีความรู้ในการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัด

ส่วนการคัดเลือกไวยาวัจกรจะต้องมีการคัดเลือกอย่างไร เพราะที่ผ่านมาก็มีการสมรู้ร่วมคิดกับพระสงฆ์ในการทุจริต นายอินทพร กล่าวว่า ปัจจุบันในแต่ละวัดมีการจัดตั้งไวยาวัจกร โดยไม่ถูกกฎของมหาเถรสมาคม ที่จะต้องมีการเสนอไปยังเจ้าคณะอำเภอเพื่อให้ความเห็นชอบ และจากการสำรวจปัจจุบันบางวัดก็ยังไม่ได้มีการตั้งไวยาวัจกร

จากนั้นนายสุชาติได้กล่าวว่า ถือโอกาสนี้ให้นโยบายสำนักพุทธฯ ในการจัดการไวยาวัจกรให้จบ รวมถึงเน้นย้ำเรื่องการจัดทำวัตถุมงคล ที่บางแห่งพบว่าการทำวัตถุมงคลเป็นแหล่งฟอกเงิน พวกที่ค้ายาเสพติดและพนันออนไลน์ ก็ทำวัตถุมงคลขาย ซึ่งได้มอบนโยบายให้ไปปรึกษามหาเถรสมาคม ว่าต่อไปการจัดทำวัตถุมงคลจำเป็นจะต้องจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหรือไม่ เพื่อพิจารณาว่าควรอนุญาตหรือไม่อนุญาต ไม่เช่นนั้นก็จะเกลื่อนไปหมด เดี๋ยวอาจอีกหน่อยอาจจะมีรูปหลวงพ่อสุชาติเกิดขึ้นมันไม่ได้

นอกจากนี้นายสุชาติยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ตอนนี้เกิดวิกฤติการศรัทธาศาสนา ขอให้สื่อมวลชนลงข่าวในทางบวก ตนและสำนักพุทธฯในฐานะกำกับดูแลก็จะจัดทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เรียกศรัทธาจากประชาชนคืนมา ให้พระพุทธศาสนาอยู่คู่บ้านคู่เมืองตลอดไป เหมือนกับที่ตนได้ตอบคำถามกับวุฒิสภา ว่าอย่านำการกระทำของพระสงฆ์ มาเป็นตัวทำลายพระพุทธศาสนา เพราะในคนหมู่มากก็จะมีทั้งคนดีและคนไม่ดี พระสงฆ์ไม่ใช่พระพุทธศาสนาเป็นแค่ส่วนหนึ่งเป็นสาวก อย่างที่เราไปทำบุญตามวัดเราเชื่อในพระธรรมคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนา ของพระพุทธเจ้า-313 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 แถลงผลประชุม RBC 11 ข้อ ย้ำปฏิบัติตามเงื่อนไขหยุดยิงเคร่งครัด

ศรีสะเกษ 27 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 แถลงผลประชุม RBC 11 ข้อ ที่ด่านศุลกากรช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ ย้ำให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ไม่ขยายขอบเขตความขัดแย้ง ไม่เผยแพร่ข่าวปลอม รวมถึงเห็นชอบให้ความร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ คำแถลงข่าวร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองทัพภาคที่ 2 ราชอาณาจักรไทย และภูมิภาคทหารที่ 4 ราชอาณาจักรกัมพูชา วันที่ 27 สิงหาคม 2568 จังหวัดศรีสะเกษ ราชอาณาจักรไทย การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) สมัยวิสามัญ จัดขึ้นวันที่ 27 สิงหาคม 2568 ในจังหวัดศรีสะเกษ ราชอาณาจักรไทย โดยมี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และพลโท […]

พายุคาจิกิกระทบหลายจังหวัดเหนือ-อีสาน

27 ส.ค. – ผลกระทบจากพายุ “คาจิกิ” ส่งผลหลายจังหวัดภาคเหนือและภาคอีสาน ฝนตกหนัก อย่าง จ.แม่ฮ่องสอน น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงในพื้นที่บ้านแม่โกปี๋ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม ส่วน จ.เลย แม่น้ำเหืองเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ต.นาแก้ว อ.นาแห้ว ชาวบ้านต้องเร่งยกสิ่งของขึ้นที่สูง พายุคาจิกิเคลื่อนตัวสู่ จ.น่าน ทำให้ 6 อำเภอทางตอนเหนือของเมืองน่าน มีฝนตกหนักและเริ่มมีน้ำป่าหลากดินสไลด์ใน ต.ปิงหลวง อ.นาหมื่น ชาวบ้านตามชุมชนและร้านค้าต่างๆ เร่งเก็บข้าวของไว้บนที่สูง อย่างชุมชนสวนตาลล่าง ซึ่งยังไม่ทันฟื้นฟูความเสียหายจากพายุวิภาเมื่อเดือนที่แล้ว ต้องเตรียมพร้อมกันอีกรอบ อย่างร้านจำหน่ายแอร์และกล้องวงจรปิดร้านนี้ ซึ่งครั้งที่แล้วเสียหายไปกว่า 6 ล้านบาท ต้องขนสินค้าออกจากร้านและยกขึ้นชั้น 2 หวั่นเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะเดียวกันเริ่มอพยพผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่ในจุดเสี่ยงน้ำท่วมออกมาอยู่ที่ศูนย์พักพิงแล้วกว่า 20 ราย รวมทั้งเร่งเสริมคันดินและกระสอบทรายตามจุดเสี่ยงรอบเมือง โดยเฉพาะโรงพยาบาลน่าน ที่เคยถูกน้ำท่วมเสียหายเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งขนอุปกรณ์การแพทย์ขนาดใหญ่ไปไว้ในที่ปลอดภัย และเสริมแนวกระสอบทรายป้องกันไว้แล้ว พร้อมยกระดับยกระดับการป้องกันและรับมือกับพายุคาจิกิขั้นสูงสุด ขณะที่ จ.แม่ฮ่องสอน มีผู้ใช้โซเชียลโพสต์คลิปสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงช่วงบ่ายวานนี้ (26 ส.ค.) ในพื้นที่บ้านแม่โกปี๋ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม […]

ทบ.ย้ำชัดกัมพูชาบิดเบือน-ให้ร้าย ตั้งชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2000

27 ส.ค.- โฆษก ทบ.โต้กัมพูชา กล่าวหาบิดเบือนพยายามให้ร้ายฝ่ายไทย ย้ำชัดวางลวดหนาม “บ้านหนองจาน” อยู่ในเขตอธิปไตยไทย ชี้เขมรตั้งชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2000 จากกรณีที่สำนักข่าว Fresh News รายงานว่า นายชุม ซอนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชา–ไทย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 สิงหาคม 2568 เวลา 16.00 น. โดยระบุว่า ฝ่ายไทยได้ละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา และละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ด้วยการวางลวดหนามรุกล้ำพื้นที่บ้านเรือนและที่ดินของประชาชนในหมู่บ้านโจกเจย ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ซึ่งสะท้อนถึงฝ่ายไทยได้ขยายพื้นที่ความขัดแย้งเข้ามาสู่เขตชุมชนพลเรือน และจากการประชุม GBC เมื่อ 7 สิงหาคม 2568 มีบันทึกความเข้าใจ 13 ข้อ ระบุว่าจะไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการยั่วยุ และจะหลีกเลี่ยงการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้น รวมถึงตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000 ห้ามการดำเนินการใด ๆ […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน ฝนตกหนักบางพื้นที่

กรุงเทพฯ 27 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนประชาชนโดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนภาคกลาง รวมทั้ง กทม.-ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมกำลังค่อนข้างแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน […]