“สุชาติ” ขีดเส้น 3 เดือน สำนักพุทธฯ กู้วิกฤติศรัทธาวงการสงฆ์

พุทธมณฑล 16 ก.ค.- “สุชาติ” มอบนโยบายสำนักพุทธฯ สั่งทำทันที “จัดระเบียบเงิน-ทรัพย์สินวัด” ดูแลตั้งไวยาวัจกร ขันนอต ผอ. จังหวัดต้องเด้งรับหากมีคนร้องพระทำผิดวินัย ยอมรับที่ผ่านมาหย่อนยาน ให้เวลา 3 เดือน ก่อนประเมินอีกครั้ง


นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวกับสื่อมวลชนภายหลังการมอบนโยบายให้กับสำนักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติว่าวันนี้ตนได้มาเยี่ยมสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อมารับฟังการบรรยายสรุปภารกิจ งาน ตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายเพราะวันนี้เป็นวิกฤติของพระพุทธศาสนา และเป็นที่ทราบกันดีตามที่มีข่าวออกมา และสำนักพุทธศาสนาก็ต้องไปเร่งดำเนินการแก้ไขวิกฤติศรัทธา เพื่อเรียกศรัทธาของสำนักพระพุทธศาสนาคืนจากประชาชน

นายสุชาติ กล่าวอีกว่า ปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นกับวัดและเจ้าอาวาส ที่เรายังไม่มีมาตรการควบคุม คือเรื่องของทรัพย์สินและเรื่องสีกา เพราะเมื่อมีทรัพย์สินเงินทองแล้ว ก็จะมีเรื่องของสีกาเข้ามา และเกิดขบวนการหลอกเงินวัด ที่มาในรูปแบบของสีกา หรือหลอกให้ทำสิ่งต่างๆ วันนี้ตนได้กำชับ โดยเฉพาะผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดทั่วประเทศ ต้องทำงานเชิงรุก เพราะตอนนี้ประชาชนได้ถามมาว่ามีบางวัดเจ้าอาวาสประพฤติมิชอบ ชาวบ้านรู้แต่ทำไมสำนักพุทธฯ ถึงไม่รู้ ได้คาดโทษไว้ว่าในจังหวัดใดมีเหตุการณ์ ที่ไม่สามารถควบคุมความประพฤติของพระภิกษุสงฆ์ให้อยู่ใน พระธรรมวินัย ประพฤติปฏิบัติชอบที่ดีได้และ มีความประพฤติฉาวโฉ่จนถึงขั้นปาราชิก คงจะต้องมีการกล่าวโทษหรือให้คะแนนกันว่ามีความสามารถหรือหย่อนประสิทธิภาพ ละเว้นหรือละเลยการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่


นายสุชาติกล่าวว่านอกจากนี้ตนยังได้มอบนโยบายเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินของวัด ขอให้มีความโปร่งใส โดยนำระบบ Big data เข้ามาควบคุมทรัพย์สินของวัดและเจ้าอาวาส ทำบัญชี ของพระภิกษุสงฆ์ทุกรูปแล้วเปิดเผยให้กับสาธารณชนได้รับรู้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร มีทรัพย์สินเท่าไหร่ รวมถึงการจัดการทรัพย์สินของวัดต้องเป็นในรูปแบบของคณะกรรมการ โดยเฉพาะสาธารณสมบัติกลาง ให้ประชาชนรับรู้ด้วยต้องให้ประชาชนรับรู้ด้วย อย่างเช่นพื้นที่ประตูน้ำเฉลิมโลก เอเชียทีค เพราะประชาชนอยากจะรู้ว่ามีการหาผลประโยชน์ลับหลังหรือไม่ จะได้ช่วยกันตรวจสอบ แล้วจะต้องปฏิบัติตามกฎของกระทรวงคือวัดจะต้องมีเงินสดไม่เกิน 100,000 บาท โดยให้รายงานบัญชีมายังสำนักพุทธฯ ทุกปี ซึ่งตนเห็นว่าควรจะมีการรายงานทุกเดือนด้วยซ้ำไป จึงจะนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับมหาเถรสมาคม

พร้อมย้ำว่าขอให้สำนักงานพระพุทธศาสนาทำงานเชิงรุก ประสานงานไปยังกำนันผู้ใหญ่บ้าน เพื่อแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีต่อไปเนื่องจากเราไม่มีอำนาจจับกุม แต่เรามีอำนาจหน้าที่ในการปกป้องคุ้มครองส่งเสริมพระพุทธศาสนา

ส่วนการตั้งเป้าเรื่อง การเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของวัดจะต้องแล้วเสร็จเมื่อไหร่ นั้น นายสุชาติ กล่าวว่า มีประกาศออกมาแล้ว เรื่องบัญชีเงินฝาก ตอนนี้กำลังทำให้ทุกวัดเริ่มปฏิบัติตาม โดยห้ามถือเงินสดเกิน 100,000 บาท โดยจะให้ทางสำนักพุทธฯ เข้าไปตรวจสอบ 1 ตุลาคมนี้ ยังไม่เข้าไปดำเนินการ ก็จะถือว่าผิดพระธรรมวินัย ต้องมีการลงโทษตามวินัยสงฆ์


ส่วนจะมีมาตรการอื่นหรือไม่ ที่จะมาดูแลและกู้วิกฤติศรัทธาคืนจากประชาชน นายสุชาติกล่าวว่า ทุกวันนี้พระทำผิด เสพเมถุน สีกาทำผิด ไม่มีบทลงโทษ ตนจึงให้นโยบายไปว่า ให้แก้ไขกฎหมายพ.ร.บ.สงฆ์ ปี พ.ศ. 2505 เพิ่มบทลงโทษ กับผู้ที่กระทำผิด เช่นการแต่งกายเลียนแบบพระ การอวดอุตริมนุสธรรม การอ้างเป็นเทพหรือติดต่อเทพต่างๆ ได้ โดยเฉพาะพวกที่เสพเมถุน จะต้องมีการลงโทษทั้งสีกาและพระ โดยจะต้องเร่งดำเนินการให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อนำเข้าสู่การทำประชาพิจารณ์ เสนอคณะกรรมการกฤษฎีกาและนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้เห็นชอบหลักการ ซึ่งโทษของการเสพเมถุนจะมีทั้งการจำคุกและโทษปรับ อาจจะต้องจำคุก 1-7 ปี ปรับตั้งแต่หลายหมื่นบาทถึงหลักแสน และนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร และหากสส.เห็นว่าโทษอย่างน้อยเกินไป ก็อาจจะมีการปรับปรุงแก้ไขอีกได้

ส่วนกรณีที่มีบางหน่วยงานออกมาระบุว่าการทำงานร่วมกับสำนักพระพุทธฯ เหมือนจะเละเทะไปเรื่อยๆ จะสามารถจี้ให้สำนักพุทธฯทำงานได้เร็วขึ้นกว่าเดิมได้หรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า อย่าเพิ่งกล่าวโทษสำนักพุทธว่าเละเทะ แค่ตอนนี้อาจจะหย่อนยานไปหน่อยวันนี้ตนก็ได้มาให้นโยบายแล้ว ต่อไปต้องทำงานเชิงรุก ให้เวลา 2-3 เดือนแล้วค่อยมาวัด มาดูผลงานและ KPI กันใหม่ แต่หากมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ไม่ปฏิบัติมีความหย่อนก็แสดงว่าไม่ปฏิบัติตามนโยบายและมีความหย่อนยาน

เมื่อถามว่าสำนักพุทธฯ มีการขอให้ ช่วยเหลืออะไรเป็นพิเศษหรือไม่ เพราะการดำเนินการกับพระชั้นผู้ใหญ่ อาจจะมีปัญหาติดขัด นายสุชาติกล่าวว่า ทุกอย่างทำตามกฎหมาย และต้องปรึกษามหาเถรสมาคม เราทำได้เท่าที่ทำได้ โดยขอให้เกิดการทำงานและบูรณาการร่วมกันทุกหน่วยงาน ทั้งกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เมื่อถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้น ขณะนี้เกิดจากที่บางวัดไม่มีไวยาวัจกร จะมีการแก้ไขปัญหานี้อย่างไร นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุว่าขณะนี้ยังมีจุดที่มีปัญหาอยู่ เพราะไวยาวัจกร เป็นคนที่ช่วยดูแลทรัพย์สินของวัดให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ตอนนี้สำนักพุทธฯ กำลังจะนำไวยาวัจกรมาขึ้นทะเบียน เพราะไม่มีข้อมูลว่าแต่ละวัด ไวยาวัจกรเป็นใคร คุณสมบัติถูกต้องตามข้อกำหนดหรือไม่ แล้วต่อไปอาจจะมีการพัฒนาคล้ายกับรูปแบบอาสาสมัครสาธารณสุข หรือ อสม.ที่มีเงินตอบแทน ซึ่งต้องพัฒนาทักษะและกำหนดคุณสมบัติ มีความรู้ในการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัด

ส่วนการคัดเลือกไวยาวัจกรจะต้องมีการคัดเลือกอย่างไร เพราะที่ผ่านมาก็มีการสมรู้ร่วมคิดกับพระสงฆ์ในการทุจริต นายอินทพร กล่าวว่า ปัจจุบันในแต่ละวัดมีการจัดตั้งไวยาวัจกร โดยไม่ถูกกฎของมหาเถรสมาคม ที่จะต้องมีการเสนอไปยังเจ้าคณะอำเภอเพื่อให้ความเห็นชอบ และจากการสำรวจปัจจุบันบางวัดก็ยังไม่ได้มีการตั้งไวยาวัจกร

จากนั้นนายสุชาติได้กล่าวว่า ถือโอกาสนี้ให้นโยบายสำนักพุทธฯ ในการจัดการไวยาวัจกรให้จบ รวมถึงเน้นย้ำเรื่องการจัดทำวัตถุมงคล ที่บางแห่งพบว่าการทำวัตถุมงคลเป็นแหล่งฟอกเงิน พวกที่ค้ายาเสพติดและพนันออนไลน์ ก็ทำวัตถุมงคลขาย ซึ่งได้มอบนโยบายให้ไปปรึกษามหาเถรสมาคม ว่าต่อไปการจัดทำวัตถุมงคลจำเป็นจะต้องจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหรือไม่ เพื่อพิจารณาว่าควรอนุญาตหรือไม่อนุญาต ไม่เช่นนั้นก็จะเกลื่อนไปหมด เดี๋ยวอาจอีกหน่อยอาจจะมีรูปหลวงพ่อสุชาติเกิดขึ้นมันไม่ได้

นอกจากนี้นายสุชาติยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ตอนนี้เกิดวิกฤติการศรัทธาศาสนา ขอให้สื่อมวลชนลงข่าวในทางบวก ตนและสำนักพุทธฯในฐานะกำกับดูแลก็จะจัดทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เรียกศรัทธาจากประชาชนคืนมา ให้พระพุทธศาสนาอยู่คู่บ้านคู่เมืองตลอดไป เหมือนกับที่ตนได้ตอบคำถามกับวุฒิสภา ว่าอย่านำการกระทำของพระสงฆ์ มาเป็นตัวทำลายพระพุทธศาสนา เพราะในคนหมู่มากก็จะมีทั้งคนดีและคนไม่ดี พระสงฆ์ไม่ใช่พระพุทธศาสนาเป็นแค่ส่วนหนึ่งเป็นสาวก อย่างที่เราไปทำบุญตามวัดเราเชื่อในพระธรรมคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนา ของพระพุทธเจ้า-313 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ถก สมช.-ครม.นัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิง

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิงไทย-กัมพูชา ด้าน “บิ๊กเล็ก” ตั้งเกณฑ์วัดความจริงใจกัมพูชา 3 ระดับ บอกผ่าน GBC ระดับเลขาฯ แล้ว เบื้องต้นบรรลุข้อลงหยุดยิง ตามข้อเสนอ 8 ข้อ ขอรอดูปฏิบัติจริง ย้ำ MOU43 ยังมีประโยชน์เป็นข้ออ้างกล่าวหาเขมรได้-ขอสบายใจ ยึดประโยชน์ชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีรัฐพิเศษเพื่อที่จะรับรองข้อตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ภายหลังคณะเลขานุการ GBC ไทย ได้เดินทางไปยังประเทศมาเลเซียเพื่อหารือในวงเล็กมาก่อนหน้านี้ โดยบรรยากาศการประชุมมีบรรดารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอาทิ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายชูศักดิ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย รวมถึงคณะเลขานุการ GBC เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง พลเอกณัฐพล เปิดเผยก่อน การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) […]

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 15 […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจสอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย